ครัวไกลบ้านได้ทำการปรังปรุงเวบไซต์ให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นในระบบสมาร์ทโฟน และได้รวมข้อมูลเมนูอาหารและ สมาชิกจากทั้งเวบไซต์เก่าและใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว

สมาชิกท่านไหนมีปัญหาไม่สามารถล็อกอินได้ ให้ทำการเปลี่ยนพาสเวิร์ดโดยคลิ๊กลิ้งค์นี้ ลืมรหัสผ่าน
ถ้าท่านใดมีชื่อสมาชิกมากกว่าหนึ่งชื่อแล้วต้องการรวมโพสทั้งหมดให้อยู่ในชื่อสมาชิกเดียว หรือมีปัญหาในการใช้เวบไซต์
สามารถส่งอีเมล์แจ้งรายละเอียดมาได้ที่ admin@kruaklaibaan.com หรือส่งข้อความได้ที่ user: sillyfooks

ถ้าชอบครัวไกลบ้าน อย่าลืมคลิ๊กไลค์เฟสบุ๊คให้ครัวไกลบ้านด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

weight loss! ^we try^

ห้องนี้สำหรับสมาชิกพูดคุย ปรึกษาปัญหาเรื่องสุขภาพค่ะ

โพสต์โดย oly_kitty » พุธ ก.ค. 29, 2009 3:48 pm

<span style='color:green'>ผู้ที่กินมังสวิรัตินั้นจะได้รับสารอาหารครบทุกหมู่ ตามหลักโภชนาการ ดังนี้

หมู่ที่ 1 โปรตีน
ได้จากถั่วเหลือง ถั่วเมล็ดทุกชนิด เห็ด ข้าวกล้อง งา เมล็ดในของพืช โปรตีนเกษตร (เนื้อเทียม) ในผักก็มีโปรตีนแต่น้อยมาก อาหารโปรตีนจะซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย ทำให้ร่างกายแข็งแรง ถ้าขาดโปรตีนร่างกายจะทรุดโทรม เจ็บป่วยง่าย แก่ก่อนวัย

ตารางเปรียบเทียบปริมาณโปรตีนในอาหารแต่ละชนิด
<a href='http://www.geocities.com/mangsavirat/group.htm' target='_blank'>http://www.geocities.com/mangsavirat/group.htm</a>


หมู่ที่ 2 คาร์โบไฮเดรด
ได้จากอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาล เช่น ข้าวกล้อง มัน เผือก น้ำตาลสีรำ และของหวานต่างๆ อาหารพวกนี้จะให้พลังงาน และความร้อน ทำให้มีกำลัง ถ้ารู้สึกว่าอ่อนเพลีย ให้กินผลไม้ น้ำผึ้ง และน้ำอ้อย จะทำให้รู้สึกสดชื่นทันที
หมู่ที่ 3 ไขมัน
ได้จากน้ำมันพืช นม เนย และเมล็ดผลไม้ ถั่ว งา ควรเลือกน้ำมันพืช ที่ทำจากถั่วเหลือง ถั่วลิสง และรำ อาหารพวกนี้จะให้พลังงานและความร้อนเช่นเดียวกับหมู่ที่ 2
หมู่ที่ 4 วิตามิน และเกลือแร่
ได้จากผักสด ผลไม้ ถั่ว งา ข้าว ซึ่งแต่ละชนิดจะมีไม่เหมือนกัน จึงควรรับประทานหมุนเวียนกันไป อาหารพวกนี้จะช่วยในการสังเคราะห์สารเคมีต่างๆ ในร่างกาย ทำให้การทำงานของอวัยวะต่างๆ สมบูรณ์ ถ้าขาดร่างกายจะเสื่อม จะเจ็บไข้ง่าย ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ น้ำ ควรดื่มน้ำบริสุทธิ์ อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว นอกจากจะทำให้เซลล์สดชื่นแล้ว ยังช่วยขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายอีกด้วย
</span>
<span style='font-size:14pt;line-height:100%'><span style='color:red'>我太胖了,我想见见费。</span></span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
oly_kitty
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 88
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ มิ.ย. 19, 2009 1:11 pm

โพสต์โดย oly_kitty » พุธ ก.ค. 29, 2009 4:09 pm

โครงสร้างทางสรีระ
<a href='http://www.geocities.com/mangsavirat/anatomy.htm' target='_blank'>http://www.geocities.com/mangsavirat/anatomy.htm</a>

หลักการกินมังสวิรัติ
<a href='http://www.geocities.com/mangsavirat/method.htm' target='_blank'>http://www.geocities.com/mangsavirat/method.htm</a>

สำหรับท่านที่มีข้อสงสัยเชิญถามเข้ามาได้เลยที่เว็บ ด้านบน
ต่อนี้เป็นตัวอย่างคำถามที่คนส่วนใหญ่ที่ยังไม่เข้าใจเรื่องอาหารมังสวิรัติ



<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>คำถามทั่วไป

<span style='color:red'>ฉันจะไม่อ่อนเพลียแย่หรือ ถ้าไม่ได้กินอะไรเลยนอกจากผัก ?
<span style='color:blue'>แน่นอน ใครก็ตามที่กินแต่ผักโขมหรือผักคะน้าเพียงอย่างเดียว จะต้องอ่อนเพลียแน่ อาหารมังสวิรัติไม่ใช่จะกินแต่ผักอย่างเดียว แต่จะต้องมีอาหารชนิดอื่น รวมอยู่ด้วย รายการอาหารมังสวิรัติแต่ละวัน นอกจากจะต้องมีผักสีเขียวและผลไม้แล้ว ยังต้องมีพวกข้าวชนิดต่างๆ และพวกถั่วเมล็ดแห้ง นักมังสวิรัติส่วนใหญ่กินไข่และนมด้วย ทำให้ได้รับสารอาหารครบถ้วนและพอเพียงสำหรับร่างกาย
ถั่วเมล็ดแห้งและข้าวชนิดต่างๆ ที่กล่าวมานี้มีอะไรบ้าง ?
ข้าวและถั่วเมล็ดแห้งมีหลายชนิด ประเภทถั่วได้แก่ ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วดำ ถั่วลิสง ถั่วแดง ถั่วแดงหลวง ถั่วแขกชนิดเมล็ดแดงและเหลือง ส่วนข้าวได้แก่ ข้าวซ้อมมือ ข้าวขาว ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ ข้าวโอ๊ต ข้าวโพด ข้าวฟ่าง (ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องกินให้ครบทุกอย่างตามที่กล่าวมานี้) ถั่วเมล็ดแห้งและข้าวนี้เป็นแหล่งสารอาหารโปรตีนหลักที่สำคัญสำหรับคนที่ไม่กินนม และไข่


<span style='color:red'>ฉันจะไม่อ้วนแย่หรือ ถ้ากินแต่พวกคาร์โบไฮเดรต ?
<span style='color:blue'>ความจริงแล้ว ตัวคาร์โบไฮเดรตเองไม่ได้เป็นสาเหตุุุให้น้ำหนักของคุณเพิ่มขึ้น แต่การกินมากเกินไปจนร่างกายของคุณไม่สามารถเผาผลาญแคลอรีที่มีอยู่ให้หมดต่างหากที่ทำให้อ้วน โดยธรรมชาติแล้วถ้าคุณกินอะไรที่มากเกินไป ถึงแม้จะกินขนมปัง ก็อ้วนได้ แต่ก่อนที่คุณจะลดอาหารประเภทถั่วลง คุณควรจะลดอาหารประเภทน้ำตาลและไขมันให้น้อยลงดีกว่า
ร่างกายของฉันไม่ต้องการอาหารเนื้อเพื่อเป็นโปรตีนแน่หรือ ?
ไม่เลย โดยคุณค่าแล้ว ถั่วเหลืองเป็นแหล่งอาหารโปรตีนที่ดี เท่ากับเนื้อสัตว์ และปลา ถ้าไม่เทียบกับคุณค่าของโปรตีนจากไข่และนม และคุณค่าอาหารจากถั่วและข้าวก็สามารถให้อาหารโปรตีนได้ทัดเทียมเนื้อสัตว์หรือปลาด้วย
เป็นความจริงแน่หรือ ที่ว่า การงดเนื้อสัตว์เป็นผลดีต่อสุขภาพ ?
ก็ขึ้นอยู่กับว่า ถ้าหมอสั่งให้คุณลดคอเลสเทอรอลและไขมันแล้ว วิธีหนึ่งที่จะลดได้คือ คุณต้องไม่กินเนื้อสัตว์ คอเรสเทอรอลจะมีก็แต่ในเนื้อสัตว์เท่านั้น มีในพืชน้อยมากเมื่อเทียบกับเนื้อสัตว์ ไข่และนมทุกชนิดก็มีคอเรสเทอรอลสูงเช่นกัน ดังนั้นต้องงดกินทั้งไข่และนมเช่นเดียวกันถ้าต้องการลดไขมัน


<span style='color:red'>ฉันจะงดเนื้อสัตว์ได้อย่างไรในเมื่ออาหารโปรดของฉันเป็นพวกเนื้อย่างและปลา?
<span style='color:blue'>ขอแนะนำสำหรับผู้ที่เริ่มกินอาหารมังสวิรัติ คือคุณจะต้องลดปริมาณเนื้อสัตว์ ที่เคยกินในแต่ละมื้อ หรือไม่ก็งดเนื้อสัตว์สัปดาห์ละ 1 หรือ 2-3 วันเสียก่อน ในตอนแรกๆ นักมังสวิรัติมักพอใจที่จะกินแต่พวกไข่ พิซซ่า เนยแข็ง แต่ต่อมาก็จะคุ้นเคยกับอาหารพวกถั่วมากขึ้น แล้วจึงค่อยๆ ลองชิมอาหารมังสวิรัติชนิดอื่นหรือของชาติอื่นดูบ้าง คุณเป็นนักมังสวิรัติกินแต่ นม ไข่ เนยแข็ง ผสมกับถั่วเมล็ดแห้งก็ได้






<span style='color:orange'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>คำถามคำตอบจากหนังสือ "กุญแจสู่การรู้แจ้งในทันที" โดย "อนุตตราจารย์ชิงไห่"

<span style='color:red'>การกินเนื้อสัตว์เป็นการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตอยู่แล้ว แต่ว่าการกินพืชไม่ได้เป็นการฆ่าด้วยหรอกหรือ?
<span style='color:green'>อ : การกินพืชก็เป็นการฆ่าเช่นกัน และทำให้เกิดกรรมกีดขวางบ้างเหมือนกัน แต่ว่าผลกรรมนี้จะน้อยมาก เราต้องกินเพื่อจะมีชีวิตอยู่ได้ เราจึงเลือกกินสิ่งที่มีจิตสำนึกน้อยที่สุด และเจ็บปวดทรมานน้อยที่สุด พืชประกอบด้วยน้ำ 90% ดังนั้นระดับของจิตสำนึกของมันจึงต่ำมาก จนมันแทบจะไม่รู้สึกทุกข์ทรมานใดๆ เลย นอกจากนี้ เวลาที่เรากินผักหลายๆ อย่างเราไม่ได้ตัดรากของมันด้วย แต่กลับช่วยให้มันแพร่พันธุ์แบบไม่ใช้เพศด้วยการตัดกิ่งและใบของมัน ผลสุดท้ายก็เป็นประโยชน์ต่อพืชนั้นจริงๆ ดังนั้น นักตกแต่งสวนจึงบอกว่า การตัดเล็มต้นไม้จะช่วยให้มันเจริญเติบโตและสวยงามมากขึ้น
 &nsbp; &nsbp; &nsbp; &nsbp;
สำหรับผลไม้ ก็ยิ่งเห็นได้ชัด เวลามันสุกงอม มักจะดึงดูดให้คนมากินมัน โดยส่งกลิ่นหอมเย้ายวน ใช้สีสันอันสวยงามและรสชาติอันหวานอร่อยของมันมาล่อ ทำให้มันบรรลุวัตถุประสงค์ในการแพร่เมล็ดพันธุ์ของมันไปไกลๆ ถ้าเราไม่เด็ดมันมากิน ผลอขงมันจะสุกงอมเกินไป แล้วก็ร่วงหล่นลงมาเน่าอยู่บนพื้น เมล็ดพันธุ์เหล่านั้นก็จะถูกกิ่งใบของต้นไม้นี้บดบังแสดแดดมันก็ต้องตายในที่สุด เพราะฉะนั้น การกินพืชผักและผลไม้จึงเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของธรรมชาติ ซึ่งไม่ได้ให้มันเจ็บปวดทุกข์ทรมานเลย


<span style='color:red'>คนส่วนมากมีความคิดว่า คนกินมังสวิรัตจะมีร่างกายเล็กและผอม ส่วนคนที่กินเนื้อจะสูงใหญ่กว่า เป็นความจริงหรือไม่?
<span style='color:green'>อ : คนกินมังสวิรัติไม่จำเป็นจะต้องตัวเล็กและผอมกว่าเสมอไป ถ้าอาหารที่กินเข้าไปมีความสมดุล พวกเขาก็เติบโตขึ้นสูงใหญ่ได้เช่นกัน เธอเห็นสัตว์ตัวใหญ่ทั้งหลายไหม เช่น ช้าง วัว ควาย ยีราฟ ฮิปโปโปเตมัส ม้า เป็นต้น พวกมันกินแต่พืชผักและผลไม้ แต่พวกมันกลับแข็งแรงกว่าสัตว์กินเนื้อ และยังเชื่องไม่ดุร้าย ทั้งมีประโยชน์ต่อมนุษย์อีกด้วย ส่วนสัตว์กินเนื้อทั้งหลาย จะทั้งดุร้ายมากและก็ไม่มีประโยชน์ ถ้ามนุษย์เรากินเนื้อสัตว์มากๆ ก็จะได้รับผลกระทบจากสัญชาตญาณและลักษณะสัตว์ คนที่กินเนื้อสัตว์ไม่จำเป็นจะต้องตัวสูงและแข็งแรงเสมอไป แต่ว่าอายุของพวกเขาโดยเฉลี่ยจะสั้นมาก ชาวเอสกิโมแทบจะกินเนื้ออย่างเดียว แต่พวกเขาสูงใหญ่ และแข็งแรงหรือเปล่า? อายุยืนหรือเปล่า? เรื่องนี้ฉันคิดว่าเธอน่าจะเข้าใจได้ดี
<span style='color:red'>คนกินมังสวิรัติจะกินใช่ได้ไหม?
<span style='color:green'>อ : ไม่ได้ เวลาเรากินไข่ เราจะฆ่าสัตว์ตัดชีวิตด้วย บางคนกล่าวว่าไข่ที่ขายอยู่ในท้องตลาดเวลานี้เป็นไข่ไม่ได้รับเชื้อ ฉะนั้นการกินไข่จึงไม่ใช่การฆ่าสัตว์ นี่เป็นเรื่องที่ฟังดูคล้ายกับจะถูกต้อง ไข่ที่ยังไม่ได้รับเชื้อนั้น เป็นเพราะมันไม่มีโอกาส ไม่มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมให้มันถูกผสม ดังนั้นมันจึงไม่สามารถพัฒนาไปเป็นไก่ตัวหนึ่งได้ตามวัตถุประสงค์ ตามธรรมชาติของมัน แต่ถึงแม้ว่ายังไม่มีการพัฒนาแบบนี้ มันก็ยังคงมีพลังชีวิตที่มีอยู่แต่กำเนิดสำหรับการพัฒนานี้อยู่ เรารู้ว่าไข่มีพลังชีวิตแต่กำเนิด ถ้าไม่ใช่อย่างนั้น ทำไมไข่จึงเป็นเซลล์ชนิดเดียวที่สามารถปฎิสนธิได้ล่ะ? บางคนบอกว่า ไข่มีสารอาหารที่จำเป็น มีโปรตีน ฟอสฟอรัส ที่จำเป็นต่อร่างกายมนุษย์ แต่เต้าหู้ก็มีโปรตีนเหมือนกัน และฟอสฟอรัสก็มีในพืชผักหลายอย่างเช่นมันฝรั่ง

เราทราบว่าตั้งแต่สมัยโบราณมาจนกระทั่งทุกวันนี้ มีพระสงฆ์สำคัญหลายท่านที่ไม่กินเนื้อหรือไข่ ซึ่งมีอายุยืนมาก ตัวอย่างเช่น พระอาจารย์อิ้งกวง แต่ละมื้อท่านจะมีผักหนึ่งถ้วยกับข้าวเท่านั้น แต่ท่านก็มีอายุยืนถึงแปดสิบกว่าปี นอกจากนี้ ไข่แดงยังมีคอเลสเตอรอลสูงมาก ซึ่งเป็นสาเหตุุุสำคัญของโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคที่คร่าชีวิตคนที่อันดับหนึ่งของฟอร์โมซาและอเมริกา จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่เราจะเห็นว่าผู้ป่วยในโรงพยาบาลส่วนใหญ่เป็นผู้ที่กินไข่!


<span style='color:red'>คนเราเลี้ยงสัตว์ต่างๆ เช่น หมู วัว ควาย เป็ด ไก่ เป็นต้น ทำไมเราจึงกินมันไม่ได้ล่ะ?
<span style='color:green'>อ : แล้วยังไงล่ะ? พ่อแม่ก็เลี้ยงลูกให้เติบโตขึ้นมาเหมือนกันนี้ แล้วพ่อแม่มีสิทธิที่จะกินลูกของตัวเองหรือเปล่า? สิ่งมีชีวิตทุกอย่างมีสิทธิที่จะมีชีวิต ไม่มีใครควรจะไปลิดรอนสิทธินี้ของมัน ถ้าเธอดูในกฎหมายของฮ่องกง มีบัญญัติไว้ แม้แต่การฆ่าตัวตายก็ผิดกฎหมาย เพราะฉะนั้น การฆ่าสิ่งมีชีวิตอื่นจะยิ่งผิดกฎหมายมากกว่านี้สักแค่ไหน?


<span style='color:red'>สัตว์เกิดมาเพื่อให้คนกิน ถ้าเราไม่กินมัน มันจะไม่ล้นโลกหรอกหรือ ใช่ไหม?
<span style='color:green'>อ : นี่เป็นความคิดที่เหลวไหลไร้สาระสิ้นดี ก่อนที่เธอจะฆ่าสัตว์ เธอเคยถามมันไหมว่า มันอยากให้เราฆ่าและกินมันหรือไม่? สิ่งมีชีวิตทุกชนิดล้วนอยากมีชีวิต และรักตัวกลัวตายกันทั้งนั้น เราไม่อยากให้เสือกินเรา แล้วทำไมสัตว์อื่นๆ จึงสมควรจะให้มนุษย์กินมันล่ะ? โลกนี้เพิ่งจะมีมนุษย์เกิดขึ้นเพียงเมื่อไม่กี่หมื่นปีมานี้ ก่อนหน้าที่จะมีมนุษย์เกิดขึ้น ก็มีสัตว์หลายชนิดดำรงอยู่ก่อนแล้ว แล้วมันล้นโลกหรือเปล่าล่ะ? สิ่งมีชีวิตจะรักษาสมดุลย์ทางด้านนิเวศวิทยาตามธรรมชาติของมันอยู่แล้ว เมื่อใดที่มีอาหารน้อยมีเนื้อที่จำกัด ก็จะเป็นสาเหตุุุให้มีการลดจำนวนประชากรลงอย่างมาก จึงเป็นวิธีการรักษาปริมาณประชากรให้อยู่ในจำนวนที่เหมาะสม


<span style='color:red'>ทำไมฉันจึงควรจะเป็นมังสวิรัติ?
<span style='color:green'>อ : ฉันเองเป็นมังสวิรัติก็เพราะพระเจ้าภายในต้องการให้ฉันเป็นเช่นนั้น เข้าใจใหม? การกินเนื้อเป็นการขัดกับกฎแห่งจักรวาลของการไม่อยากถูกฆ่า เราเองก็ไม่อยากจะถูกฆ่า และเราเองก็ไม่อยากจะถูกขโมย ดังนั้นถ้าเราปฏิบัติเช่นนั้นต่อผู้อื่น เราก็กระทำสิ่งที่ขัดแย้งกับตัวของเราเอง ซึ่งจะทำให้เราเกิดความทุกข์ทรมาน ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอกระทำไปโดยฝ่าฝืนความรู้สึกของผู้อื่นจะทำให้เธอเกิดความทุกข์ เธอไม่สามารถจะกัดตัวเอง ไม่ควรจะทิ่มแทง ตนเอง ในทำนองเดียวกัน เธอก็ไม่ควรจะฆ่า เพราะการทำเช่นนั้นเป็นการฝ่าฝืนกฎแห่งชีวิต เข้าใจไหม? มันจะทำให้เราทุกข์ทรมาน ดังนั้นเราจึงไม่ทำ ไม่ได้หมายความว่าเราพยายามจำกัดตนเองไม่ให้ทำโน่นทำนี่ แต่หมายความว่า เราแผ่ขยายชีวิตของเราออกไปสู่ชีวิตอื่นๆ ทุกชนิด ชีวิตของเราจะไม่ถูกจำกัดอยู่ในร่างกายนี้เท่านั้น แต่จะแผ่ออกไปยังชีวิตของสัตว์ต่างๆ รวมทั้งสิ่งอื่นๆ ทั้งหมด ทำให้ตัวเราขยายใหญ่ขึ้น ยิ่งใหญ่ขึ้น มีความสุขมากขึ้นและไม่มีความจำกัด โอเค?


<span style='color:red'>ขอให้ท่านช่วยพูดถึงการกินมังสวิรัติ และมันจะมีส่วนช่วยให้เกิดสันติภายในโลกได้อย่างไร?
<span style='color:green'>อ : ได้ เธอคงทราบแล้วว่า สงครามส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นในโลกนี้มีสาเหตุุุมาจากเหตุผลทางด้านเศรษฐ กิจ เราควรจะกล้าเผชิญหน้ากับความจริงนี้ ความยุ่งยากทางเศรษฐกิจของประเทศหนึ่งจะกลายเป็นปัญหาเร่งด่วนทันที ถ้าเกิดความหิวโหย เกิดการขาดแคลนอาหาร หรือไม่ได้มีการกระจายอาหารอย่างเท่าเทียมกันในระหว่างประเทศต่างๆ ถ้าเธอยอมเสียเวลาอ่านหนังสือ นิตยสาร และลองศึกษาความเป็นจริงต่างๆ เกี่ยวกับอาหารมังสวิรัติ เธอก็จะรู้เรื่องพวกนี้อย่างดี การทำปศุสัตว์และการเลี้ยงสัตว์เพื่อเอาเนื้อมาเป็นอาหารนั้น เป็นสาเหตุุุให้เศรษฐกิจของเราล้มละลายในทุกๆ ด้าน ทำให้เกิดความหิวโหยไปทั่วโลก อย่างน้อยก็ในกลุ่มประเทศที่สาม ฉันไม่ได้เป็นคนพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเองนะ มีชาวอเมริกันคนหนี่งซึ่งทำงานวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้และเขียนไว้ในหนังสือของเขา เธออาจจะไปดูตามร้านหนังสือและลองอ่านงานวิจัยที่เกี่ยวกับอาหารมังสวิรัติรวมทั้งกระบวนการผลิตอาหารดูก็ได้หรือจะอ่านหนังสือเรื่อง "อาหารสำหรับอเมริกายุคใหม่" เขียนโดย จอห์น ร็อบบินส์ ก็ได้ เขาเป็นมหาเศรษฐีจากกิจการไอศกรีมผู้มีชื่อเสียงมากคนหนึ่ง เขาเลิกทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อจะหันมากินมังสวิรัติ และเขียนหนังสือเกี่ยวกับมังสวิรัติ ทั้งๆ ที่เป็นการขัดแย้งกับประเพณีของครอบครัวและกิจการของเขา เขาต้องสูญเสียเงินจำนวนมากรวมทั้งชื่อเสียงและกิจการของเขา แต่เขาก็ทำไปเพื่อเห็นแก่สัจธรรม หนังสือเล่มนั้นดีมาก ยังมีหนังสือและนิตยสารอื่นๆ อีกหลายเล่ม ซึ่งสามารถให้ข้อมูลและข้อเท็จจริงมากมายที่เกี่ยวกับอาหารมังสวิรัติ รวมทั้งวิธีการซึ่งอาหารมังสวิรัติสามารถมีส่วนช่วยให้เกิดสันติภาพขึ้นในโลก เธอคงรู้ว่า เราเอาอาหารของเราเกือบทั้งหมดมาเลี้ยงปศุสัตว์ เธอรู้ไหมว่า เราต้องสูญเสียโปรตีน, ยา, น้ำที่ใช้บริโภค, กำลังคน, รถยนต์ รถบรรทุก การสร้างถนน ไปจำนวนเท่าไหร่ และต้องใช้เนื้อที่กี่แสนเอเคอร์ไปโดยเปล่าประโยชน์ เพียงเพื่อให้วัวหนึ่งตัวเจริญขึ้นมาเพียงเพื่อเป็นอาหารของเราเพียงหนึ่งมื้อ เข้าใจไหม? สิ่งต่างๆ เหล่านี้สามารถนำไปใช้แจกจ่ายให้แก่ผู้คนในประเทศด้อยพัฒนา และจะช่วยให้เราแก้ปัญหาเรื่องการขาดแคลนอาหารได้ สำหรับตอนนี้ หากประเทศใดประเทศหนึ่งเกิดการขาดแคลนอหาร ก็อาจจะเข้าไปรุกรานอีกประเทศหนึ่งเพื่อช่วยประชาชนของตนเองให้รอด การใช้วิธีนี้เป็นการสร้างกรรมและทำให้เกิดการจองเวรแก้แค้นกันเป็นเวลานานแล้ว เข้าใจไหม? "หว่านพืชอย่างไร ก็จะได้ผลอย่างนั้น" ถ้าเราฆ่าใครเพื่อแย่งเอาอาหาร เราก็จะถูกฆ่าด้วยเหตุผลเรื่องอาหารในเวลาต่อมา อาจจะออกมาในรูปแบบอื่นในคราวหน้า หรือในลูกหลานรุ่นต่อไป เป็นเรื่องที่น่าสลดใจ พวกเราเฉลียวฉลาดขนาดนี้ มีอารยธรรมสูงส่งขนาดนี้

แต่พวกเราส่วนใหญ่ก็ยังไม่รู้ว่าประเทศเพื่อนบ้านของเรากำลังทุกข์ทรมานด้วยเหตุผลอะไร มันเนื่องมาจากปากของเรา ลิ้นของเรา กระเพาะของเรา เพียงเพื่อที่จะเลี้ยงดูร่างกายร่างเดียว เราก็ฆ่าสิ่งต่างๆ ไปมากมาย ทำให้เพื่อมนุษย์จำนวนมากต้อง อดอยาก แล้วความผิดอันนี้ไม่ว่าเราจะทำไปโดยไม่รู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม ก็จะถมทับลงมาบนจิตสำนึกของเรา ทำให้เราต้องทรมานจากโรคมะเร็ง วัณโรค และโรคที่รักษาไม่หายโรคอื่นๆ รวมทั้งโรคเอดส์ด้วย ลองถามตัวเธอเองสิว่า ทำไมประเทศ อเมริกาของเธอจึงได้รับความทุกข์ทรมานมากกว่าใครเพื่อน? มีอัตราการเกิดมะเร็งสูงที่สุดในโลก ก็เพราะคนเอมริกันกินเนื้อกันมาก กินเนื้อมากกว่าประเทศอื่นๆ ทั้งหมด ลองถามตัวเธอเองสิว่า ทำไมประเทศจีนหรือประเทศคอมมิวนิสต์อื่นๆ จึงไม่มีอัตราการเกิดโรคมะเร็งที่สูงนัก ก็เพราะเขาไม่ได้กินเนื้อกันมาก เข้าใจไหม? เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ได้มาจากงานวิจัย ฉันไม่ได้เป็นคนพูดขึ้นมาเอง โอเค? อย่ามาตำหนิฉันล่ะ


<span style='color:red'>การเป็นมังสวิรัติจะช่วยให้เราได้ประโยชน์ทางด้านจิตวิญญาณอย่างไร?
<span style='color:green'>อ : ฉันรู้สึกยินดีที่เธอถามคำถามแบบนี้ เพราะแสดงว่าเธอสนใจมุ่งมั่นอยู่กับผลประโยชน์ทางด้านจิตวิญญาณ คนส่วนใหญ่จะสนใจแต่เรื่องสุขภาพ, อาหาร, หรือรูปร่าง เวลาที่เขาถามคำถามเกี่ยวกับอาหารมังสวิรัติ ในแง่ทางจิตวิญญาณนั้น อาหารมังสวิรัติเป็นอาหารที่สะอาดมากและไม่แฝงด้วยความรุนแรง "เจ้าต้องไม่ฆ่า" เมื่อพระเจ้ากล่าวกับเราเช่นนี้ ท่าไม่ได้บอกว่า อย่าฆ่าคน ท่านบอกว่าอย่าฆ่าสิ่งมีชีวิตต่างๆ ท่านบอกเราไว้แล้วไม่ใช่หรือ ว่าท่านสร้างสัตว์ทั้งหลายให้เป็นเพื่อนของเรา เพื่อช่วยเหลือเรา? ท่านไม่ได้มอบสัตว์ต่างๆ ไว้ในความดูแลของเราหรอกหรือ? ท่านกล่าวไว้ว่า จงดูแลมัน จงปกครองมัน เวลาเธอปกครองประชาชนของเธอ เธอจะฆ่าคนของเธอและกินคนของเธอไหม? ถ้าทำอย่างนั้นเธอก็จะกลายเป็นกษัตริย์ซึ่งไม่มีใครอยู่ด้วย

เพราะฉะนั้นตอนนี้เธอก็เข้าใจแล้วนะว่าพระเจ้าพูดไว้เช่นนั้ เราก็ต้องปฏิบัติตาม ไม่จำเป็นต้องไปซักถามคำถามอะไร ท่านพูดไว้ชัดเจนดีมาก แต่ใครล่ะจะเข้าใจพระเจ้า ฉันขอเชื้อเชิญให้เธอกลับมาเป็นเหมือนพระเจ้าอีกครั้งหนึ่ง เป็นตัวของเธอเอง ไม่ใช่เป็นอย่างอื่น การทำสมาธิถึงพระเจ้าไม่ได้หมายความว่าเธอกราบไหว้บูชาพระเจ้า แต่หมายความว่าเธอกลายเป็นพระเจ้า เธอได้รู้ชัดว่าเธอและพระเจ้าเป็นหนึ่งเดียวกัน "เราและพระบิดาเป็นหนึ่งเดียวกัน" พระเยซูกล่าวไว้เช่นนั้นมิใช่หรือ? ถ้าท่านกล่าวว่า ท่านและพระบิดาของท่านเป็นหนึ่งเดียวกัน ตัวเราและพระบิดาองค์นั้นก็สามารถเป็นหนึ่งเดียวกันได้ด้วย เพราะเราเป็นลูกๆ ของพระเจ้าเช่นกัน เพราะเยซูยังกล่าวไว้ด้วยว่า ไม่ว่าท่านจะทำอะไรก็ตาม เราก็สามารถทำได้ดีกว่าท่านด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้น เราอาจจะดีกว่าพระเจ้าก็ยังได้ ใครจะไปรู้? หากเราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพระเจ้าเลย แล้วเราไปกราบไหว้บูชาพระเจ้าทำไมกันละ? ทำไมจึงใช้ความเชื่ออย่างตาบอดละ? ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่าเรากำลังกราบไหว้บูชาสิ่งใดอยู่ ก็เหมือนกับที่เราต้องรู้จักหญิงสาวที่เรากำลังจะแต่งงานด้วย ก่อนที่เราจะแต่งงานกับเธอจริงๆ ในปัจจุบันนี้ เป็นธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันทั่วไปแล้วว่าเราจะไม่แต่งงานก่อนที่เราจะออกเดททำความรู้จักกันก่อน แล้วทำไมเราถึงไปกราบไหว้บูชาพระเจ้าด้วยความเชื่ออันมืดบอดล่ะ? เรามีสิทธิที่จะเรียกร้องให้พระเจ้าปรากฎมาให้เราเห็น ให้เรารู้จักพระองค์ก่อน เรามีสิทธิที่จะเลือกว่าเราจะเชื่อพระเจ้าองค์ไหน ดังนั้นเธอก็คงจะเห็นชัดเจนจากคัมภีร์ไบเบิลแล้วว่าเราควรจะต้องเป็นมังสวิรัติ จากเหตุผลทางด้านสุขภาพทั้งหลาย เราก็ควรจะเป็นมังสวิรัติ จากเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย เราก็ควรเป็นมังสวิรัติ จาเหตุผลทางเศรษฐศาสตร์ทั้งหลาย เราก็ควรเป็นมังสวิรัติ จากเหตุผลแห่งความเมตตาทั้งหลาย เราก็ควรเป็นมังสวิรัติ รวมทั้งเพื่อเป็นการช่วยเหลือโลกให้รอด เราก็ควรเป็นมังสวิรัติเช่นกัน มีกล่าวไว้ในงานวิจัยว่าถ้าคนทางแถบตะวันตก, ในอเมริกา, กินมังสวิรัติเพียงอาทิตย์ละหนึ่งครั้งเราก็สามารถจะช่วยคนที่อดอยากได้ถึงสิบหกล้านคนทุกๆ ปี เพราะฉะนั้นจงเป็นวีรบุรุษเถอะ เป็นมังสวิรัติกันเถอะ จากเหตุผลทุกอย่าง ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ปฏิบัติตามคำสอนของฉัน ไม่ได้ปฏิบัติธรรมวิถีเดียวกับฉัน ก็ขอให้เป็นมังสวิรัติเพื่อเห็นแก่ตัวเธอเอง เห็นแก่โลกของเราด้วยเถิด


<span style='color:red'>ถ้าทุกคนกินพืชกันหมด จะทำให้เกิดการขาดแคลนอาหารหรือไม่?
<span style='color:green'>อ : ไม่หรอก การใช้ที่ดินผืนหนึ่งปลูกพืชผักจะให้ผลผลิตที่เป็นอาหารมากถึงสิบสี่เท่า เมื่อเทียบกับการใช้เนื้อที่เท่ากันปลูกหญ้าให้สัตว์กิน ในแต่ละเอเคอร์ เมื่อเทียบกับการใช้เนื้อที่เท่ากันปลูกหญ้าให้สัตว์กิน ในแต่ละเอเคอร์ พืชผักสามารถให้พลังงานได้ถึง 800,000 แคลอรี่ แต่ถ้าเรานำพืชเหล่านี้มาใช้เลี้ยงสัตว์และกินสัตว์นั้นเป็นอาหาร เนื้อจากสัตว์จำนวนนั้นจะสามารถให้พลังงานได้เพียง 200,000 แคลอรี่ เท่านั้น หมายความว่าในกระบวนการนี้มีการสูญเสียพลังงานไปเปล่าๆ ถึง 600,000 แคลอรี่ เพราะฉะนั้นจึงเป็นหลักฐานที่แน่ชัดว่า อาหารมังสวิรัติให้ประสิทธภาพสูงกว่า และประหยัดกว่าอาหารที่เป็นเนื้อสัตว์
บางคนกล่าวว่า เป็นเรื่องสำคัญมากที่จะต้องเป็นผู้ที่มีจิตใจดี แต่การเป็นมังสวิรัติไม่ใช่


<span style='color:red'>เรื่องจำเป็น คำกล่าวนี้สมเหตุสมผลหรือไม่?
<span style='color:green'>อ : ถ้าผู้นั้นเป็นผู้ที่มีจิตใจดีอย่างแท้จริง แล้วทำไมเขาจะต้องกินเนื้อของสรรพสัตว์อื่นด้วยละ เมื่อได้เห็นสัตว์ทั้งหลายเจ็บปวดทุกข์ทรมาน เขาก็ไม่ควรจะกินเนื้อมันเข้าไปได้ลง การกินเนื้อเป็นการขาดความเมตตากรุณา แล้วผู้ที่มีจิตใจดีจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร อาจารย์เหลียนฉือ เคยกล่าวไว้ว่า "การฆ่าตัวเขาแล้วเชือดเอาเนื้อมากินนั้น ในดลกนี้ไม่มีใครจะโหดเน้องสาว้ยมใจอำมหิตร้ายกาจไปกว่าบุคคลนี้อีกแล้ว" แล้วเขายังจะบอกว่าตนเองเป็นผู้มีจิตใจดีได้อย่างไรกัน?

เม่งจื้อก็กล่าวไว้ว่า
"เมื่อท่านได้เห็นมันมีชีวิตอยู่ ท่านก็ไม่อาจจะทนเห็นมันตายได้ และถ้าท่านได้ยินเสียงมันร้องคร่ำครวญ ท่านก็ไม่อาจจะกินเนื้อมันได้ลงคอ ดังนั้นสุขภาพสุรุษที่แท้จริงจึงออกห่างจากโรงครัว"
สติปัญญาของมนุษย์นั้นสูงกว่าสัตว์มากเราสามารถใช้อาวุธเครื่องมือต่างๆ ทำให้สัตว์ไม่มีทางต่อสู้ต้านทานเราได้ ดังนั้นพวกมันจึงต้องตายไปด้วยความเกลียดชังคับแค้น ผู้ที่สามารถทำเช่นนี้ได้คือรังแกผู้ที่เล็กกว่าและอ่อนแอกว่า ย่อมไม่มีสิทธิที่จะได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษ เมื่อสัตว์กำลังถูกฆ่านั้น มันจะได้รับความเจ็บปวดทุกข์ทรมานมาก มันจะมีความกลัว และโกรธแค้นอย่างรุนแรง สิ่งนี้จะทำให้เกิดการสร้างสารพิษซึ่งตกค้างอยู่ในเนื้อของมัน ใครบริโภคเข้าไปก็จะได้รับอันตราย และเนื่องจากความถี่ของแรงสั่นสะเทือนของสัตว์ต่ำกว่ามนุษย์ จึงมีผลกระทบต่อแรงสั่นสะเทือนของเราด้วย และมีผลต่อการพัฒนาปัญญาของเรา


<span style='color:red'>นานมาแล้วฉันเคยได้ยินพระธรรมจารย์ท่านหนึ่งกล่าวว่า "พระพุทธเจ้าฉันขาหมู จึง
เกิดอาการท้องร่วงแล้วตายไป" เรื่องนี้เป็นความจริงหรือไม่?
<span style='color:green'>อ : ไม่มีเรื่องเช่นนี้เด็ดขาด พระพุทธเจ้ามรณภาพเนื่องจากได้ฉันเห็ดชนิดหนึ่ง ถ้าเราแปลตรงตัวจากภาษาของพราหมณ์ เห็ดชนิดนี้มีชื่อเรียกว่า "ขาหมู" แต่มิใช่เป็นขาหมูจริงๆ ก็เหมือนกับที่เราเรียกลำไยว่า หลงเอี่ยน (ตามอักษรจีนหมายถึง "ตามังกร") ของหลายอย่างแม้ชื่อเรียกจะไม่ใช่พืชผัก แต่จริงๆแล้วเป็นอาหารมังสวิรัติ เช่น "ตามังกร" เห็ดชนิดนี้ในภาษาพราหมณ์เรียกว่า "ขาหมู" หรือ "หมูชอบ" ทั้งสองคำก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับหมูทั้งสิ้น เห็ดแบบนี้เป็นของที่หาได้ยากในอินเดียโบราณ เป็นอาหารอร่อยที่หาได้ยาก จึงมีคนนำมาถวายแก่พระพุทธเจ้า เป็นเห็นที่ไม่สามารถพบได้เนื้อพื้นดิน มันงอกลงไปใต้ดิน ถ้าใครต้องการก็ต้องค้นหาโดยใช้หมูแก่ๆ มาช่วย เพราะหมูชอบกินเห็ดชนิดนี้มาก มันจะหาพบด้วยการสูดดมกลิ่น เมื่อพบก็จะเอาเท้าขุดลงไปในดินโคลนเพื่อเอาขึ้นมากิน จึงเป็นเหตุผลที่เรียกเห็ดชนิดนี้กว่า "หมูชอบ" หรือ "ขาหมู" ทั้งองชื่อนี้หมายถึงเห็ดชนิดเดียวกัน เนื่องจากมีการแปลโดยไม่ระมัดระวัง คนรุ่นต่อๆ มาจึงเข้าใจผิด และคิดว่า พระพุทธเจ้าเป็นพุทธะเถื่อนซึ่งบริโภคเนื้อ เป็นเรื่องที่น่าอนาถจริงๆ


<span style='color:red'>คนที่ชอบกินเนื้อบางคนกล่าวว่า พวกเขาซื้อเนื้อมาจากคนขายเนื้อ เขาไม่ได้เป็นคนฆ่าเอง ดังนั้นการกินเนื้อจึงไม่เป็นไร ท่านคิดว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือไม่?
<span style='color:green'>อ : เป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรง เธอต้องรู้ว่าคนขายเนื้อเขาฆ่าสัตว์ก็เพราะมีคนต้องการกิน ในลังกาวตารสูตร พระพุทธเจ้าตรัสว่า

"ถ้าไม่มีคนกินเนื้อ ก็จะไม่มีการฆ่าเกิดขึ้น ดังนั้นการกินเนื้อและการฆ่าสัตว์จึงเป็นบาปอย่างเดียวกัน" เพราะมีการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตจำนวนมากนี้เอง เราจึงมีภัยธรรมชาติและความหายนะต่างๆ ที่เกิดจากมือมนุษย์ สงครามก็มีสาเหตุุุมาจากการฆ่าที่มีมากเกินไปนั่นเอง
<span style='color:red'>บางคนกล่าวว่า ถึงแม้พืชจะไม่ผลิตสารที่เป็นพิษ เช่นพวกยูเรีย หรือยูโรไคเนส แต่คนที่ปลูกผักและผลไม้ก็ใช้ยาฆ่าแมลงกันเป็นจำนวนมาก พืชเหล่านั้นจึงไม่ดีต่อสุขภาพของเราเป็นเช่นนั้นหรือไม่?
<span style='color:green'>อ : ถ้าคนปลูกผักใช้ยาฆ่าแมมลงและสารเคมีที่มีพิษสูง เช่น ดี.ดี.ที. ฉีดพ้นบนพืช ก็จะนำไปสู่โรคมะเร็ง การเป็นหมัน และโรคต่างๆ ของตับได้ สารพิศต่างๆ เช่น ดี.ดี.ที. สามารถซึมแทรกเข้าไปอยู่ในไขมัน และปกติจะถูกเก็บสะสมอยู่ในไขมันของสัตว์ เมื่อเธอกินเนื้อก็หมายความว่า เธอก็กินยาฆ่าแมลงและสารพิษอื่นๆ ซึ่งสะสมอยู่ในไขมันสัตว์เป็นปริมาณความเข้มข้นที่สูงมาก สารเหล่านี้ค่อยๆ สะสมมากขึ้นเมื่อสัตว์นั้นเจริญเติบโตขึ้นมา ปริมาณที่สะสมนี้อาจมีมากถึงสามสิบเท่าของที่พบในผลไม้, ผัก หรือเมล็ดพืช เราสามารถจะล้างเอายาฆ่าแมลงที่พ่นเคลือบอยู่บนผิวของผลไม้ออกไปได้ แต่เราไม่สามารถจะเอายาฆ่าแมลงที่สะสมอยู่ในไขมันสัตว์ออกได้ กระบวนการสะสมนี้เกิดขึ้นเนื่องจากยาฆ่าแมลงที่สะสมอยู่ในไขมันสัตว์ออกได้ กระบวนการสะสมนี้เกิดขึ้นเนื่องจากยาฆ่าแมลงเหล่านี้ค่อยๆ สะสมเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นผู้ที่บริโภคตรงส่วนยอดสุดของสายโซ่อาหารจึงได้รับอันตรายมากที่สุด การทดลองจากมหาวิทยาลัยไอโอวา ได้แสดงว่ายาฆ่าแมลงที่พบในร่างกายของมนุษย์นั้น เกือบทั้งหมดมาจากการบริโภคเนื้อสัตว์ และยังพบว่าระดับของยาฆ่าแมลงในร่างกายของผู้ที่กินมังสวิรัติมีปริมาณน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของยาฆ่าแมลงที่พบในผู้กินเนื้อสัตว์ จริงๆ แล้วยังมีสารพิษอื่นๆ ที่พบในสัตว์อีกนอกเหนือจากยาฆ่าแมลง ในกระบวนการเลี้ยงสัตว์นั้น อาหารสัตว์หลายอย่างมีสารเคมีซึ่งกระตุ้นให้สัตว์เจริญเติบโตเร็วขึ้น หรือเพื่อเปลี่ยนสีของเนื้อ รสชาติ และลักษณะของเนื้อ รวมทั้งมีสารกันไม่ให้บูดเน่าเร็ว ฯลฯ ตัวอย่างเช่น สารกันบูดที่ผลิตจากไนเตรทเป็นสารที่มีพิษสงมาก หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส ฉบับวันที่ 18 กรกฎาคม 1971 รายงานไว้ว่า

"อันตรายแฝงเร้นอันยิ่งใหญ่ต่อสุขภาพของผู้บริโภคเนื้อสัตว์ ก็คือมลพิษซึ่งมองไม่เห็นในเนื้อสัตว์นั้น เช่น แบคทีเรียในปลาแซลมอน, ยาฆ่าแมลงที่ตกค้าอยู่, สารกันบูด, ฮอร์โมน, ยาปฏิชีวนะ และสารเคมีอื่นๆ ที่ใส่เพิ่มเติมเข้าไป"
 &nsbp; &nsbp; &nsbp; &nsbp;
นอกจากนี้สัตว์ยังได้รับการฉีดวัคซีน ซึ่งอาจตกค้างอยู่ในเนื้อของมันอีกด้วย จากความรู้เหล่านี้จะเห็นว่าโปรตีนในผลไม้, ลูกนัท, ถั่ว, ข้าวโพด และนม มีความบริสุทธิ์กว่าโปรตีนจากเนื้อสัตว์มาก เพราะในเนื้อสัตว์มีสารไม่บริสุทธิ์ซึ่งไม่สามารถละลายได้ในน้ำอยู่ถึง 56% งานวิจัยยังแสดงให้ทราบด้วยว่า สารที่มนุษย์ใส่เพิ่มเข้าไปนี้อาจนำไปสู่โรคมะเร็งและโรคอื่นๆ รวมทั้งความพิการของทารกในครรภ์ ดังนั้นหญิงมีครรภ์จึงยิ่งควรจะต้องกินอาหารมังสวิรัติแบบบริสุทธิ์ เพื่อให้มั่นใจว่าเด็กทารกจะมีสุขภาพแข็งแรงทั้งกายและจิตใจ ถ้าเธอดื่มนมมากเธอก็จะได้แคลเซียมเพียงพอ ส่วนอาหารประเภทถั่วจะให้โปรตีนและพวกผักและผลไม้จะให้วิตามินและเกลือแร่





</span></span></span></span></span></span></span></span></span></span></span></span></span></span></span></span></span></span></span></span></span></span></span></span></span></span></span></span></span></span></span></span></span></span></span>
<span style='font-size:14pt;line-height:100%'><span style='color:red'>我太胖了,我想见见费。</span></span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
oly_kitty
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 88
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ มิ.ย. 19, 2009 1:11 pm

โพสต์โดย ไทยแท้แท้ » พฤหัสฯ. ก.ค. 30, 2009 6:20 pm

อู้หู ไม่ได้เข้ามาเยี่ยมหนูป้อมพักเดียว มาอีกที ข้อมูลใหม่ๆเพียบ สมแล้วที่หนูตุ๊ตั้งให้เป็นห้องสมุดประจำตัว วันนี้อ่านได้แค่นิดหน่อย เดี๋ยวจะหาเวลากลับมาอ่านต่อนะจ๊ะ ขอบคุณที่อุตส่าห์สละเวลาไปหาความรู้ดีๆมาลงให้ได้อ่านกันจ้ะ
<br><span style='font-family:Times'><span style='color:blue'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>"It does not matter how slowly you go as long as you do not stop."</span></span></span> — <i>Confucius</i>
ภาพประจำตัวสมาชิก
ไทยแท้แท้
แม่ไข่หวาน พ่อไข่เค็ม
 
โพสต์: 1088
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ พ.ค. 13, 2007 11:13 pm

โพสต์โดย ยายหนู » ศุกร์ ก.ค. 31, 2009 12:30 am

ตาลาย.....พักไว้ก่อน เดี๋ยวจะกลับมาอ่านต่อ

พี่ขอแนะนำน้องป้อมให้แบ่งโพสเป็นตอนๆดีกว่า สงสารคนแก่บ้างนะ...ฮิฮิ ขอบคุณค่ะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ยายหนู
แม่ไข่นกกระทา พ่อไข่จะละเม็ด
 
โพสต์: 2789
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.พ. 15, 2006 11:54 pm

โพสต์โดย หมวยมันเปลว » ศุกร์ ก.ค. 31, 2009 1:36 am

ยายหนู เขียน: ตาลาย.....พักไว้ก่อน เดี๋ยวจะกลับมาอ่านต่อ

พี่ขอแนะนำน้องป้อมให้แบ่งโพสเป็นตอนๆดีกว่า สงสารคนแก่บ้างนะ...ฮิฮิ ขอบคุณค่ะ

ไม่ขออยู่ในวัยเดียวกะพี่ยายหนูนะ เพราะไม่ยอมแก่เด็ดขาด
ภาพประจำตัวสมาชิก
หมวยมันเปลว
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 291
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ค. 27, 2009 2:03 am

โพสต์โดย tewatera » ศุกร์ ก.ค. 31, 2009 3:37 pm

ห้องสมุดหนูป้อมจะแตกมั้ยเนี่ย
ข้อมูลมากมาย จริงๆ
ขอบคุณจ้า
<span style='font-size:14pt;line-height:100%'><span style='color:purple'><b>ความสุขอยู่ใกล้แค่ใจเรา</b></span></span><a href='http://www.glitter-graphics.com' target='_blank'><img src='http://dl7.glitter-graphics.net/pub/517/517117grkpbyjcvm.gif' border='0' alt='user posted image' /></a>
ภาพประจำตัวสมาชิก
tewatera
แม่ไข่ยัดไส้ พ่อไข่ลูกเขย
 
โพสต์: 699
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ มี.ค. 07, 2009 10:58 pm

โพสต์โดย Tuta Schweiz » ศุกร์ ก.ค. 31, 2009 5:35 pm

สวัดี น้องป้อม
ห้องสมุดเรามีพี่ๆเพื่อนๆ เข้ามาเยอะแยะ แนะนำให้จัดห้องสมุดให้ดูดีกว่านี้
ถ้าพี่ตุ๊มีเวลาว่างจะหาข้อมูลดีๆมาฝาก จ้า
<a href="http://lilypie.com/"><img src="http://lb1f.lilypie.com/TikiPic.php/Adn8.jpg" width="100" height="80" border="0" alt="Lilypie - Personal picture" /><img src="http://lb1f.lilypie.com/Adn8p1.png" width="400" height="80" border="0" alt="Lilypie First Birthday tickers" /></a>
ภาพประจำตัวสมาชิก
Tuta Schweiz
แม่ไข่ยัดไส้ พ่อไข่ลูกเขย
 
โพสต์: 675
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ พ.ค. 02, 2009 7:44 pm
ที่อยู่: Switzerland

โพสต์โดย oly_kitty » อาทิตย์ ส.ค. 23, 2009 2:06 pm

<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>
ต้องขอบคุณ พี่ๆทุกคนนะคะ
เดือนสิงหาคมนี้จะไม่ได้มา 1 เดือนนะคะ (คิดถึงทุกคนจัง)มีภาระกิจ ที่ต้องปฏิบัติ ไว้เจอกันเดือนหน้าเด้อค่ะ (ไม่ได้เปิดคอมนานเครื่องอืดมากๆ)



tewatera 
ห้องสมุดหนูป้อมจะแตกมั้ยเนี่ย
ข้อมูลมากมาย จริงๆ


Tuta Schweiz
สวัดี น้องป้อม
ห้องสมุดเรามีพี่ๆเพื่อนๆ เข้ามาเยอะแยะ แนะนำให้จัดห้องสมุดให้ดูดีกว่านี้
ถ้าพี่ตุ๊มีเวลาว่างจะหาข้อมูลดีๆมาฝาก จ้า



น้อมรับค่ะ จะปรับปรุงไปเรื่อยๆค่ะ

</span>
EM330
<span style='font-size:14pt;line-height:100%'><span style='color:red'>我太胖了,我想见见费。</span></span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
oly_kitty
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 88
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ มิ.ย. 19, 2009 1:11 pm

โพสต์โดย หนูป้อม » อังคาร ต.ค. 27, 2009 2:09 pm

<span style='font-family:Arial'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'><span style='color:green'> หายไป นาน
ตอนนี้ใช้ชื่อหนูป้อมแล้วค่ะ
อันเนื่องมาจาก ก็ไม่ได้เข้าอินเตอร์เนทนานมากเลย เกือบจะเป็น 2เดือนน่ะค่ะ แล้ว ซ้ำร้ายคอมพัง ค่ะ นานลืมรหัสไปเลย ว้าแย่จังเนอะ
รู้สึกเหมือนกับว่า ต้องเริ่มต้นใหม่ ไม่ได้เข้ามาหา มาคุยก่ะใครเลย (ก็เพิ่งใช้คอมจ่ะ)</span></span></span>
<img src='http://images.lovelovekitty.multiply.com/image/oRDcKeSOhJP29Y7O0WLamA/photos/1M/300x300/2163/dMy-DocumentsMy-PicturesMiscL8066944-0.jpg?et=86rooCd76XJH4ZwkffO8Qw&nmid=0&nmid=340064964' border='0' alt='user posted image' />
ภาพประจำตัวสมาชิก
หนูป้อม
แม่ไข่ดาว พ่อไข่เจียว
 
โพสต์: 364
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ต.ค. 27, 2009 1:42 pm

โพสต์โดย ไทยแท้แท้ » อังคาร ต.ค. 27, 2009 4:12 pm

สวัสดีจ้ะหนูป้อม หายไปนานเลย คิดถึงนะจ๊ะ ยังออกกำลังกายดีทานดีอยู่หรือเปล่า จุ๊บ จุ๊บ
<br><span style='font-family:Times'><span style='color:blue'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>"It does not matter how slowly you go as long as you do not stop."</span></span></span> — <i>Confucius</i>
ภาพประจำตัวสมาชิก
ไทยแท้แท้
แม่ไข่หวาน พ่อไข่เค็ม
 
โพสต์: 1088
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ พ.ค. 13, 2007 11:13 pm

โพสต์โดย พัฒน์นรี » อังคาร ต.ค. 27, 2009 5:51 pm

ถึงหายไปนาน แต่ก็ไม่ลืมจ้า ฮิฮิ คิดถึงคือเก่า
<a href='http://www.facebook.com/' target='_blank'><img src='http://a.imageshack.us/img830/482/40514961.gif' border='0' alt='user posted image' /></a>
ภาพประจำตัวสมาชิก
พัฒน์นรี
แม่ไข่หวาน พ่อไข่เค็ม
 
โพสต์: 1463
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ส.ค. 27, 2006 3:04 pm

โพสต์โดย ยายหนู » ศุกร์ ต.ค. 30, 2009 6:18 am

ถึงว่าซิ หายไปนานเลย....กลับมาก็ดีแล้ว รีบรวบรวมข้อมูลการทำขนมปัง เอ้ย...การลดความอ้วน...เอ ช่วงนี้มีหรือเปล่าหว่า....
ภาพประจำตัวสมาชิก
ยายหนู
แม่ไข่นกกระทา พ่อไข่จะละเม็ด
 
โพสต์: 2789
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.พ. 15, 2006 11:54 pm

ย้อนกลับ

ย้อนกลับไปยัง คลีนิคชาวครัว

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน