อายุ 42 ปี ส่วนเตี้ย 150 ซม.
<span style='color:blue'>เหตุผลที่อ้วน</span> คือ กินอาหารที่มีแคลอรี่สูง และขาดการออกกำลังกาย
<span style='color:blue'>เริ่มปฏิบัติการลดความอ้วน น้ำหนักเริ่มต้น <span style='color:red'>60 กก.</span></span> เดือน พค.52 ลดลงเหลือ <span style='color:red'>57 กก.</span> เดือน มิย.52น้ำหนักลดลงเหลือ <span style='color:red'>56 กก.</span> เดือน กค.52 น้ำหนักลดลงเหลือ <span style='color:red'>54 กก.</span>
หลักการที่ทำให้น้ำหนักลดลงเลื่อยๆ คือ ปรับเปลี่ยนเรื่องอาหารการกิน ออกกำลังกาย รับฟังคำแนะนำถ้าทำได้รีบปฏิบัติตาม ดูและสังเกตตัวเอง หาความรู้อ่านให้เข้าใจและลองทำ **<span style='color:green'>สำคัญที่สุดให้เวลา และไม่เครียด</span>**

<span style='color:blue'>สวัสดีค่ะ ท่านผู้ชม</span>
ได้เวลาฟ้องด้วยภาพแล้ว ตอนแรกตั้งใจจะโพสต์ตั้งแต่ตอนเช้า วันนี้เป็นวันชาติที่สวิสเชอร์แลนด์ ร้านเปิด8โมงเช้าถึง 12:00 ร้านมีพนักงานคนเดียวสามีให้ไปช่วยจัดของแต่เช้า เลยอดโชว์ตอนเช้า หน้าท้องแฟ๊บดี น้ำหนักเลยเปลี่ยนแปลงนิดหน่อยจากที่ชั้งเช้าวันที่ 31 กค เพราะเห็นพี่ยายหนูทายเอาไว้ว่าลดลงเหลือ 53 ตัวเองตั้งใจว่าวันที่ 1 สค จะขึ้นตาชั่ง อดใจไม่ได้เลยชั้งดูอยู่ที่ 53.6 กก. ดีใจใหญ่เลย รีบไปซื้อเสื้อกีฬาเป็นของขวัญตัวเองเพราะเดือนที่แล้วจะซื้อแต่ใส่ได้เบอร์ M ใส่ได้ ช่วงตัวหน้าอกไม่ได้ (หน้าอกเราเล็ก 555) อยากได้เบอร์ S แต่คับก็เลยหาแรงจูงใจให้ตัวเองโดย คิดว่าถ้าน้ำหนักลดจะมาซื้อ เบอร์ S วันนี้ก็ได้มาแล้วจ้า และใส่โชว์ด้วย ไม่ว่ากันนะ เบอร์ 5 เอาด้านข้างไปก่อน ด้านหน้าหลังจากไขมันหายไปแต่หนังหน้าท้องยังไม่กระฉับ มันย่นๆ อายค่ะอายเอาไว้มั้นใจกว่านี้ จะโชว์ไห้ดู
<span style='font-size:14pt;line-height:100%'><span style='color:blue'>ผู้ชนะ</span></span>
<span style='color:blue'>หากไฟเป็นเครื่องพิสูจน์คุณสมบัติความเป็น..เหล็กกล้า
อุปสรรคนานัปการก็จะเป็นเครื่องพิสูจน์...ความเกร่ง ความอดทนของเรา...
ว่ามีค่าควรแก่การเป็นเจ้าของ...ความสำเร็จหรือไม่.
หากเราต้องการชัยชนะ...ก็จงพร้อมที่จะต่อสู้
หากไม่มีการต่อสู้...เราก็จะไม่ได้รับรางวัลแห่งการต่อสู้เลย
หากว่าเราไม่อยากอดทน...ก็คือเราไม่ต้องการรางวัลนั่นเอง
แต่ถ้าเราอยากได้รางวัล...จงต่อสู้อย่างเด็ดเดี่ยว
และต้านทานต่ออุปสรรคด้วยความอดทนและหนักแน่น
แน่นอน...ถ้าไม่มีความเหน็ดเหนื่อย เราก็ไม่ต้องการพักผ่อน
และสุดท้าย...ถ้าไม่มีการต่อสู้
เราจะรู้จักและได้ชัยชนะมาครอบครองได้อย่างไร.
<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>ความผิดหวัง...จะสอนให้เรารู้จักคำว่า...ไม่ยอมแพ้และอดทน
ความสมหวัง...จะสอนให้เรารู้จักคำว่า...กำลังใจและการต่อสู้
ความสำเร็จ...จะสอนให้เรารู้จักคำว่า...ก้าวต่อไปและไม่หยุดนิ่ง.</span>
ถนนสู่ความสำเร็จ...หากยืนกรานด้วยความมุ่งมั่น และอดทน...แล้วละก็
ไม่มีอะไรจะมาขวางกั้นจิตใจที่มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าได้
รางวัลแห่งชีวิต...ไม่ได้อยู่ที่ปลายทางของการเดินทาง
แต่อยู่ที่ต้นทางของวันนี้ต่างหาก... นั่นหมายถึง
หากเราเป็นผู้ชนะในวันนี้และเดี๋ยวนี้...เราจะเป็นผู้ชนะตลอดกาล</span>
เราเอง "<span style='color:green'>การชนะที่มีค่าที่สุด คือชนะใจตัวเอง</span>"
..................... EM150 EM251 EM257 EM258 EM239 ........
อาจารย์สง่ากล่าวว่า สาเหตุุุุุที่ทำให้อ้วนลงพุงได้แก่ <span style='font-size:14pt;line-height:100%'><span style='color:purple'>"กินเกิน เพลินไม่ขยับ บังคับสติไม่ได้"</span></span>
สาเหตุุุุุเหล่านี้แก้ไขได้ด้วยหลักการ "3 อ." ของกรมอนามัยได้แก่ อาหาร (ควบคุม) ออกกำลัง และอารมณ์ (ดีๆ) ผู้เขียนขอเรียนเสริมข้อนอนให้ไปเข้าไปด้วย จึงเป็น "3 อ. 1 น."
ผลจากการศึกษาพบว่า
คนที่นอนวันละ 5 ชั่วโมง > เสี่ยงโรคอ้วนเพิ่มขึ้น
คนที่นอนวันละ 4 ชั่วโมง > เสี่ยงโรคอ้วนเพิ่มขึ้น 73%
แรงจูงใจก็มีบทบาทมากๆ...
ถ้าแรงจูงใจชัดเจน จะมีโอกาสลดความอ้วนสำเร็จเพิ่มขึ้น
ยิ่งถ้ามีบัดดี้ (buddy) หรือคนที่ตั้งใจจะลดความอ้วนพร้อมกันเป็นคู่หู หรือลดกันเป็นกลุ่ม (peers) แล้ว โอกาสลดความอ้วนสำเร็จจะเพิ่มขึ้น
**<span style='color:red'>ต่อไปเป็นคำตอบซึ่งท่านผู้อ่านอาจจะสงสัยอยู่ในใจว่า ทำไมไม่ลดความอ้วนให้เร็ว เหตุผลสำคัญที่ควรลดความอ้วนช้าๆ ทว่ายั่งยืนได้แก่</span>
-ถ้าลดเร็วเกินสัปดาห์ละ 0.5 กิโลกรัม > โอกาสเกิดผิวหนังสลด ย่น หย่อน ยานจะสูง เนื่องจากผิวหนังที่ถูก "ยืด" มานาน ปรับตัวไม่ทัน
-ถ้าลดลงเร็ว > โอกาสสูญเสียมวลกล้ามเนื้อจะมาก ทำให้อัตราการเผาผลาญอาหารช้าลง (กล้ามเนื้อเผาผลาญเร็วกว่าไขมัน) ผลคือ โอกาสกลับไปอ้วนใหม่ หรือ "โยโย่ (yoyo = ลูกซิงที่เด้งขึ้นๆ ลงๆ)" สูง แถมน้ำหนักขาขึ้นมักจะเป็นไขมันล้วนๆ
-ถ้าลดลงเร็ว > โอกาสเกิดนิ่วถุงน้ำดีจะเพิ่มขึ้น เรียกว่า เสี่ยงเจ็บตัว และเสี่ยงตายโดยไม่จำเป็น (ไม่มีการผ่าตัดใดที่ไม่มีอัตราตาย)
ตอนผู้เขียนเป็นเด็ก (30+ ปีก่อน) มีหนังกังฟูเรื่องหนึ่งทางโทรทัศน์ อาจารย์ท่านสอนไว้ว่า <span style='font-size:14pt;line-height:100%'><span style='color:red'>"หลีกเลี่ยงดีกว่าต้านทาน" </span></span>
คำสอนนี้ใช้ได้ดีในการลดความอ้วน เนื่องจากถ้าเราปล่อยให้มีสิ่งกระตุ้นมากๆ เช่น อาหารอร่อยๆ ฯลฯ หรือไปงานเลี้ยง... แบบนี้โอกาสพ่ายแพ้สูงมากๆ
ทางที่ดีคือ "หลีกเลี่ยงดีกว่าต้านทาน" เช่น
ลดสิ่งกระตุ้นที่ทำให้หิว เช่น งานเลี้ยง อาหารบุฟเฟต์ ไม่เข้าไปในตลาดหรือบริเวณใกล้ร้านอาหาร-ร้านขนมโดยไม่จำเป็น ฯลฯ แม้แต่ภาพก็ห้ามดู
เตรียมอาหารสุขภาพกำลังงานต่ำ เช่น ฝรั่ง ชมพู่ แครอต ฯลฯ ไว้ให้พร้อม ปอกใส่ตู้เย็นไว้ หรือปิดภาพอาหารแคลอรีต่ำไว้ใกล้ตัว เวลาหิวจะได้กินทันที
เรื่องผลไม้นั้น... ควรนั่งลง เคี้ยวช้าๆ กินช้าๆ ถ่วงเวลาให้ครบ 20 นาที เพื่อให้สมองเกินความรู้สึก "อิ่ม"
เมื่ออิ่มแล้ว ควรรีบ "หยุด" กินทันที เพื่อฝึก <span style='color:red'>"คิดใหม่-ทำใหม่"</span> จนเกิดเป็นนิสัยใหม่ หลังกินผลไม้ควรรีบบ้วนปากทันทีหลายๆ ครั้ง เพื่อลดโอกาสฟันสึกหรือผุจากกรดในผลไม้ และกรดจากการย่อยสลายน้ำตาลในช่องปาก
ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องน้ำตาลเทียมนั้น... อาจารย์สง่าท่านว่า ให้งดไปเลย เนื่องจากจะทำให้ลิ้นติดความหวานอยู่
เรื่องนี้ตรงกับการศึกษาที่ผ่านมา ซึ่งพบว่า คนที่กินน้ำอัดลมประเภท "ไดเอต" หรือใช้น้ำตาลเทียมลดความอ้วนไม่ค่อยสำเร็จ
ทีนี้ถ้า "<span style='color:red'>หลีกเลี่ยง</span>" ไม่ไหว ต้องหัด "<span style='color:red'>ต้านทาน</span>" ให้ได้ คือ รู้จักติดเบรค อยากกินจริงๆ ก็กินได้ แต่ต้องลดปริมาณ และอย่าเสียดายของ ที่เหลือให้ทิ้งไปเลย
ตัวอย่างเช่น ถ้าอยากกินก๋วยเตี๋ยวผัดไทย... อาจจะขอแบบผัดแห้งๆ ใช้น้ำมันน้อยๆ ผักมากหน่อย เส้นน้อยหน่อย
หรือจะกินแบบ "ครึ่งจาน" ได้ก็ยิ่งดี ที่เหลือทิ้งไปเลย
สิ่งที่มีส่วนทำให้การ "ต้านทาน" อาหารล้มเหลวนั้น นอกจากจะเป็นสี เสียง กลิ่น รส และสัมผัสของอาหารแล้ว แอลกอฮล์ (เหล้า เบียร์ ไวน์ สาโท ฯลฯ) ก็เป็นศัตรูสำคัญ เพราะทำให้แรงต้านทานสูญสลายหายไปกับสายลม
ถ้าท่านหันมาใส่ใจสุขภาพ และหันมาลดความอ้วนแล้ว... นับว่า ท่านมีส่วนช่วยชาติประหยัด และช่วยตัวท่านเองตลอดจนคนที่ท่านรักประหยัดชีวิต ทำให้มีโอกาสมีชีวิตยืนยาวอย่างมีคุณภาพยิ่งขึ้น
ถึงตรงนี้... <span style='color:green'>ขอเชียร์ครับ EM239 เชียร์ให้ท่านผู้อ่านทุกท่านลดความอ้วนได้สำเร็จ และมีอายุยืนยาวอย่างมีคุณภาพไปนานๆ</span>
**ยกมาบางตอนเพราะยาวมาก (ตั้งใจเอามาแปะ จะได้อ่านเตือนสติตัวเอง) และเผื่อสมาชิกชาวอ้วนจ้า
ขอขอบพระคุณค่ะ
ที่มา
-ข้อมูลและการอ้างอิงในบล็อก "บ้านสุขภาพ" เป็นไปเพื่อส่งเสริมสุขภาพ และป้องกันโรค ไม่ใช่รักษาโรค
-นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์