ก่อนอื่นขอ..สวัสดีสวยๆจากพี่นายนะคะ..พี่เพิ่งรู้ว่านกน้อยเป็นคนเมืองลุง..วันนี้นับว่าโชดดีมากที่สูดและปลื้มใจมากที่สุด.ที่ได้เห็นบ้านเกิดเมืองนอนของพี่โดยไม่นึกไม่ฝันมาก่อนและได้รู้จักนกน้อยคนบ้านเดียวกัน ไมนึกเลยว่าจะได้เห็นภาพที่เคยเห็นมาตอนเด็กๆและติดตาพี่มาตลอดไม่เคยลืมเลือน..ดูไปนํ้าตาก็ไหลไปด้วยความปลื้ม ไม่คิดว่าจะมีใครที่จะไปเก็บภาพเมืองลุงมาลง พี่เคยคิดไว้แล้วว่า หากได้กลับไปเมืองลุงจะนำภาพเมืองลุงมาลงในครัวสักครั้ง เพราะพี่คิดว่าเมืองพัทลุงจะมีคนได้ยินหรือว่ารู้จักแต่ชื่อ แต่ยังไม่เคยเห็นทัศนียภาพของเมืองว่าสงบเงียบอยู่เบียบสบายๆไม่วุ่นวายอะไรเลย พี่ไปอยู่ที่ไหนๆก็ไม่เคยลืมบ้านเกิดของตัวเอง ทุกๆวันก็ยังคิดว่าตัวเองยังอยู่ที่พัทลุงอยู่เลย เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาพี่ยังโทรศัพท์ไปคุยถามน้องๆเลยว่า ตอนนี้บ้านเรายังเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่า น้องบอกพี่นายว่าเหมือนเดิม คือหมายถึงสงบเงียบเรียบร้อยเหมือนเดิม แต่หากว่าเจริญขึ้น ตึกบ้านช่องเก่าก็ไม่ค่อยมีแล้ว จะมีการสร้างใหม่ดูดีขึ้นมาก
ส่วนเขาเมืองพี่ก็ไม่ค่อยรู้เท่าไรเหมือนกันแต่พอจะเล่าได้นิดหน่อยค่ะ .." เขาว่ากันว่าเขาเมือง ก็คือท่านเจ้าเมืองพัทลุง ท่านมีเมียสองคน ซึ่งไม่ค่อยถูกกันเท่าไหร่นัก วันๆมีแต่จะทะเลอะ ไม่เว้นทะเลอะในขนะที่ต่างคนต่างทำงาน คือทำงานไปก็ทะเลอะกันไปเป็นว่าเล่น จนวันหนึ่งท่านเจ้าเมืองไม่อยู่ เมียหลวงก็กำลังผ่าฝืน ส่วนเมียน้อยก็กำลังตำข้าวเปลือก สองคนเกิดทะเลอะกันรุนแรงมากกว่าครั้งอื่น เหตุว่าสามีไม่อยู่ด้วยเลยไม่มีไครกล้าห้ามทั้งสองทะเลอะกันแต่ปากยังไม่พอ ดันให้เกิดโทสะทุนแรงถึงขึ้นลงไม้ลงมือ ต่างคนต่างใช้อุปกรณ์ของตัวเอง เมียน้อยใช้สากแทงอกเมียหลวง ส่วนเมียหลวงแคันนัก ก็ไม่รอช้า ใช้ขวานผ่าศีษะเมียน้อยในทันใด ท่านเจ้าเมืองมาก็สายไปเสียแล้ว เมียทั้งสองได้ตายไปแล้ว ท่านเจ้าเมืองเสียใจมาก ร้องไห้จนขาดใจตายตามเมียทั้งสอง ....เลยได้เกิดตำนานเล่าขานกันต่อมาจนถึงทุกวันนี้ " (ต้องขออภัยหากเล่าผิดผลาดไปบ้าง)
หมายเหตุ...เขาเมืองคือ.. เจ้าเมืองพัทลุง
เขาอกทะลุคือ..เมียหลวง
ส่วนในวันแต่งงาน.."ข้าวเหนียวหน้าสังขยา" จะถือว่าเป็นหน้าตาของงานแต่งค่ะ หากงานไหนไม่มี " ข้าวเหนียวสังขยา "อาจถือว่า เจ้าสาวและเจ้าบ่าวอาจจะอยู่กันไม่ยืดยาว "









