ผ่านมาก็หลายปีแล้วซินะ ที่เราผ่านความเจ็บปวดตรงนั้นมาได้ แต่เราไม่เคยลืมมันได้เลย เริ่มเรื่องเลยนะคะ ตัวเราเกิดในครอบครัวที่พ่อแม่ แยกทางกัน เราจำไม่ได้หรอกว่าตอนนั้นเราอายุเท่าไรที่พวกเขาแยกทางกัน แต่พอจำได้เลือนลางว่าเรายังเด็กมาก โดยที่เราได้รับการเลือกให้อยู่กับพ่อ ส่วนน้องชายได้ถูกเลือกไปอยู่กับแม่ หลังจากนั้นมาเราไม่เคยมีโอกาสได้เจอกันอีกเลย จนเราได้เจอกันอีกทีก็ตอนเราโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว น้องชายโชคดีที่ถูกเลือกให้อยู่กับแม่ แต่เราโชคร้ายสุดๆ เพราะหลังจากที่แม่ไปไม่นาน พ่อก็มีภรรยาใหม่ เราจำไม่ได้หรอกว่าตอนเราอายุเท่าไร แต่จำได้ว่าพอเริ่มโตมาก็อยู่กับเขาแล้ว พ่อจะไม่ค่อยได้อยู่บ้าน จะไปทำงานต่างจังหวัดบ่อยๆ ประมาณครั้งละสองถึงสามเดือน ทิ้งให้เราอยู่กับแม่เลี้ยงตามลำพัง ซึ่งตอนนั้นเขามีลูกเล็กๆ กับพ่อเราสองคน คุณๆทราบไหมคะ ว่าเราต้องทำงานรับใช้เขาทุกอย่าง เช่น ตักน้ำจากลำคลองให้เขาอาบกัน ทั้งๆ ที่คลองก็อยู่แค่หน้าบ้าน ซักผ้าให้พวกเขา ทำอาหาร เลี้ยงลูกให้เขา ตื่นก่อนเขาเพื่อมาหุงข้าว บางครั้งวันหยุดต้องไปเลี้ยงวัวด้วย ตอนนั้นเราเพิ่งอยู่ประถมต้นๆ เอง หากไม่พอใจอะไรแม่เลี้ยงก็จะทุบตีเราเยี่ยงทาส ทั้งกระทืบ เอาไม้กวาดตี ตบหัว เขาชอบตบหัวมากๆ แต่ยังดีที่หัวเราหนาเลยสมองไปฝ่อไปก่อนโต ชอบระบายอารมณ์กับเรา โดยเฉพาะเวลาโมโห เราไม่เคยมีโอกาสได้บอกกับพ่อเลย เพราะโดยขู่ว่าหากพ่อรู้เราจะโดนหนักกว่านั้น จนทำให้เราเป็นเด็กซึมเศร้า ไม่ค่อยพูด จากเด็กที่เคยพูดเก่ง พอพ่อกลับมาบ้านทีก็อยู่ประมาณสองสามวันก็ไปอีก ทุกครั้งที่พ่อกลับมาเราจะรู้สึกมีความสุขมากเพราะจะไม่โดนตี ไม่ต้องทำงานหนัก เขาจะทำเองหมด เราใช้ชีวิตอยู่กับเขาตั้งแต่จำความไม่ได้ จนจบประถมหก กำลังจะเริ่มมัธยมต้น พ่อก็มารับให้ไปอยู่ด้วย ตอนนั้นพ่อมีภรรยาอีกคน โดยทั้งคู่เปิดร้านอาหารด้วยกันที่กรุงเทพ พอแม่เลี้ยงคนแรกรู้ว่าพ่อจะรับเราไปอยู่ด้วย ก็กลัวจะไม่มีคนช่วยทำงานและรองมือรองเท้า สั่งให้เราบอกพ่อว่าไม่อยากไป แต่เราคดว่าคงจะดีกว่าอยู่กับเขาเลยไม่ปฏิเสธพ่อ คุณคะทราบมั้ยดิฉันเหมือนหนีเสือปะจระเข้จริงๆ คิดว่าพ่อรักจะรักไปอยู่ด้วยที่ไหนได้เขาต้องการคนช่วยทำงานค่ะ แม่เลี้ยงคนใหม่ร้ายเหมือนกันเป๊ะ เขาไม่เคยตี ไม่เคยด่า แต่ชอบใส่ไฟให้พ่อเกลียดเรา จากพ่อที่เคยพูดดีกับเรา กลายเป็นไม่เคยพูดดีกับเรา ด่าทอแต่คำพูดหยาบคาย พ่อที่ไม่เคยตีเรา เราโดนตีตลอดเลย เราทนจนถึงอายุสิบเจ็ดตอนนั้นกำลังเรียนมัธยมปลาย เป็นช่วงปิดเทอมที่เราตัดสินใจหนีไปตายเอาดาบหน้า โชคดีตอนนั้นเรามีคนดีๆ คอยช่วยเหลือทำให้ชีวิตไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดไป เขาช่วยประสานงานกับทางมูลนิธิเด็กให้ เพื่ออยากให้เรากลับไปเรียนอีกครั้ง โดยมีการพูดคุยกับพ่อ จะให้เราไปอยู่ให้ความอุปการะของคนที่พ่อรู้จัก และเขาก็มีลูกอยู่ในวัยเดียวกันกับเราจะได้ช่วยเหลือกันเรื่องเรียน หลังจากที่เราได้ไปอยู่กับผู้ใหญ่ท่านนั้น ชีวิตมีความสุขขึ้น มีอิสระ ได้เรียนอย่างเต็มที่ นานๆ ได้แวะไปเจอพ่อบ้าน แต่มันเหมือนแก้วที่แตกแล้ว เรากับพ่อไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป พ่อกลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเรา เรามีปัญหาเราไม่เคยคิดถึงพ่อเลย เราได้อยู่กับผู้รับอุปการะจนเรียนจบมัธยมปลาย ก็ย้ายไปอยู่หอพัก เพื่อเตรียมเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ชีวิตของเราจะแย่อย่างไร เราไม่เคยทิ้งการเรียน เรารักการเรียนของเรามาก เราเชื่อว่าการเรียนจะผลักดันให้ชีวิตเราดีขึ้น ดังนั้นเราจึงตั้งใจเรียน หาเงินเรียนเองพร้อมทั้งกู้เงินรัฐบาลเป็นค่าเทอมด้วย เพราะเรารู้เราคงเพิ่งพ่อไม่ได้อีกแล้ว เราหาเงินส่งตัวเองเรียนจนจบมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบเราได้งานทำที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ทำได้ประมาณสองปีก็เจอกันกับแฟนคนปัจจุบัน ตอนนี้ดิฉันย้ายมาอยู่กับแฟนมีครอบครัวของตัวเองที่อังกฤษแล้วค่ะ
แค่อยากจะเล่าให้เพื่อนๆ พี่ฟังค่ะ เป็นข้อคิดสำหรับผู้หญิงที่เป็นแม่คน ถึงแม้วันหนึ่งคุณจะไม่ได้อยู่กับพ่อเด็กแล้ว แต่คุณอย่าทิ้งลูกนะ ดิฉันทราบความรู้สึกลูกที่ต้องใช้ชีวิตอยู่กับแม่เลี้ยงอย่างลึกซึ้งเลยทีเดียว