
- ต้องอดหลับอดนอนจนเบลอ: เวลาบินไปยุโรปใช้เวลาบินสิบกว่าชั่วโมง ผู้โดยสารได้นอนแต่พวกเธอไม่มีสิทธิ์ พอถึงจุดหมายกว่าจะได้เช็คอินโรงแรม ต้องปรับตัวกับความแตกต่างของเวลาอีก เวลามันเหมือนกลับตาลปัตไปหมด บินออกมาตอนกลางวันพอมาถึงก็ยังกลางวันอยู่อีกแทนที่จะเป็นกลางคืน เพลียๆอยู่พอมาเจอแดดก็ตาสว่าง ถ้าเที่ยวไหน flight ขากลับอีก 2-3 วันก็ค่อยมีเวลาพักผ่อนและเที่ยว แต่ถ้า flight ขากลับเป็นวันรุ่งขึ้นก็แทบไม่มีเวลาพักผ่อนกันเลย พวกเธอก็ต้องลากยาวกันตามระเบียบไป พอกลับมาถึงบ้านเมืองไทยสิ่งแรกที่เธอทำคือนอน กับนอนเหมือนคนตาย
- กองทัพเดินด้วยท้อง กับ มาม่า เสบียงของนางฟ้า
ด้วยความที่ไม่ค่อยถูกปากกับอาหารฝรั่งประกอบกับราคาที่แพงลิ่ว พวกเธอจึงพกพามาม่า(รสต้มยำกุ้ง) ในกระเป๋าเดินทางที่เห็นพวกเธอเดินลากๆกันนั่นแหละ มีแต่มาม่าทั้งนั้น และที่ขาดไม่ได้ก็คือหม้อหุงข้าวไฟฟ้าใบเล็กๆ ไม่งั้นจะต้มมาม่ากับอะไรหละ พอเปิดกระเป๋าออกมาหม้อกระเด้งขึ้นมาก่อนเลย
- ต้องนอนรวมกับคนอื่น อันนี้อาจจะไม่ยากสำหรับคนอื่นแต่มันค่อนค้างยากสำหรับคุณหนูอย่างเธอ เวลาเช็คอินโรงแรมเขาให้นอนห้องละ 2 คน(เป็นอย่างต่ำ) เธอหลับยากเพราะไม่เคยชินกับการนอนรวมกับคนอื่น (ที่ไม่ใช่สามี)
เธอสรุปว่าอาชีพนางฟ้าอย่างเธอนั้นลำบากและต้องฝืนสังขารมากกว่าอาชีพอื่นๆที่อยู่บนพื้นดิน แต่ที่พอได้ให้ชื่นใจขึ้นมาหน่อยก็คือรายได้ พวกเธอกินเงินเดือนไม่มาก แต่อาศัยว่ามีค่าเที่ยวบิน คล้ายๆกับเบี้ยเลี้ยงทุกเที่ยวบินต่างหากจากเงินเดิน เที่ยวบินละหลายพันบาท สัปดาห์หนึ่งเธอได้บิน 2-3 ครั้ง แต่สิ่งที่นางฟ้าอย่างพวกเธอต้องพึงระวังก็คือ สามีที่บ้านหนะสิ เธอหายไป 2-3 วันไม่รู้ว่าระเริงไปถึงไหน แหม...แต่สวยเข้าขั้นนางฟ้าขนาดนี้ สามีคงไม่คิดจะไปหาใหม่หรอก...จริงไหมคะ ใครที่มีแฟนเป็นนางฟ้าก็อย่าคิดนอกใจพวกเธอเลยนะคะ เพราะว่าพวกเธอเสียสละและเหนื่อยกันทุกคนจริงๆ