ใช้บริการTAXI METER ที่สุวรรณภูมิAirport

[Mareena]

<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>......คือว่ากลับถึงแผ่นดินไทยวันที่ 16 ตุลาคม เพื่อไปเยี่ยมครอบครัว และเพื่อนๆ น่ะค่ะ.. หลังจากที่รับเอาสัมภาระของตนเองในAirportเรียบร้อยแล้ว ก็เข็นรถลงมาชั้นล่างเพื่อใช้บริการของ TAXI METER แต่ด่านแรกที่เจอคือTAXI ป้ายดำที่ยืนคอยดักลูกคัาเพื่อเหมาไป และเคัาถาม มารีน่า ว่าจะไปไหน มารีน่าตอบเค้าว่า อ่อนนุช ซอย17 เค้าบอกว่า 500 บาท ไปมั้ย มารีน่าบอกเค้าว่าไม่ไปค่ะพี่มันแพงมากสำหรับไปอ่อนนุชในราคานี้ พอพ้นจากโชว์เฟอร์คนแรก คนที่สองมาถาม มารีน่าอีก และบอกในราคาเท่าๆกัน มารีน่าก็บอกว่าไม่ไปขอบคุณมากนะคะ แต่หนูอยากนั่งTAXI METER มากกว่าค่ะเพราะไปไม่ไกลมาก และเค้าก็ยังเติมอีกว่าทำไมไม่ไปพัทยา เดี๋ยวคิดราคาพิเศษให้ มารีน่าก็เลยบอกเค้าว่า อ้าว!!!!พี่คะบ้านหนูไม่ได้อยู่ละแวกนั้นหนูจะไปพัทยาทำไมละคะ โอ้!!!!คนเรานะเป็นไปได้ งง!!!!!

พอเดินไปที่เคัาท์เตอร์TAXI METER และบอกเจ้าหน้าที่ ที่เขียนคิวว่าลูกค้าจะไปไหน พอเจ้าหน้าที่เขียนเสร็จและส่งให้ โชว์เฟอร์TAXI พอเค้ารับมาอ่านว่า มารีน่าไปอ่อนนุชเค้าก็ทำเป็นนิ่งก่อน แล้วเจ้าหน้าที่อีกคน ก็แซวให้โชว์เฟอร์อีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆช่วยอ่านหน่อยว่า มารีน่าจะไปไหน แต่โชว์อีกคนเค้ายืนยิ้มแต่ไม่อ่าน ....... ด้วยความซื่อของมารีน่า ก็คิดว่าเจ้าหน้าที่คงเขียนตัวหนังสืออ่านยากมั้ง มารีน่าเลยพูดว่าไปอ่อนนุช ซอย17 ค่ะ เท่านั้นแหละพวกโชว์เฟอร์เค้าก็หัวเราะกันดังลั่น มารีน่าก็มองพวกเค้าอย่าง งงๆ....หลังจากนั้นลุงโชว์เฟอร์ของมารีน่าก็พาเดินมาที่TAXI ของเค้าที่จอดรอคิวอยู่ ซึ่งเค้าไม่ช่วยมารีน่าถือกระเป๋ายกใส่รถเค้าให้เลย "แต่อันนี้ไม่อยากใส่ใจคิดมากเพราะกระเป๋าของฉัน ฉันรับผิดชอบเองได้" ..... ลุงโชว์เฟอร์เค้ายืนดูมารีน่ายกกระเป๋าใสท้ายรถเค้าแล้วก็พูดขึ้นมาว่า รู้มั้ยมันจี๊ดนะ !!!!!!! และเค้าก็ทำท่าไม่พอใจและก็มองมารีน่าเดินเข้าไปนั่งในรถเค้าด้วยสายตาไม่เป็นมิตร มารีน่าก็ยัง งงๆ เราทำอะไรผิดหรือ?????

พอเค้าเข้ามานั่งและสตาทร์TAXI ออกมาประมาณ2เมตร และเค้ายิ่งทำท่าไม่พอใจ กระฟัดกระเฟียดใส่มารีน่า และพูดว่า เนี่ยรู้มั้ย!!!!!! ผมมารอต่อคิวตั้งแต่เมื่อคืนตอน4ทุ่ม..{ ไม่อยากเชื่อ } แต่คุณจะไปแค่อ่อนนุช 17 มันคุ้มที่ผมรอผู้โดยสารมั้ย???????? มารีน่า ฟังแล้วสะอึกเลย อะไรกันนี่ก้าวแรกที่เหยียบแผ่นดินไทยเรารู้สึกอึดอัดและไม่สบายใจเลยหรือนี่!!!!!! มารีน่าเริ่มมองหน้าลุงโชว์เฟอร์ด้วยสายตาไม่พอใจเหมือนกัน แล้วนิ่งไปสักพัก แล้วพูดขึ้นว่าเดี๋ยวหลุดจากAirportลุงช่วยจอดรถให้หนูลงหน่อยนะคะเดี๋ยวหนูจ่ายให้ลุง 300 บาท..{ คนขับอายุประมาณ55ปี อ้วนพุงใหญ่ ใบหน้า มีหลุมไม่เรียบ } เดี๋ยวหนูจะหาโบกTAXIคันใหม่ไปถ้าหาไม่ได้เดี๋ยวหนูโทรหาตำรวจ191ให้มารับหนูบนเส้นทางAirportเอง......{ลืมบอกไปTaxiจากAirportถึงอ่อนนุช ซอย 17 ประมาณ 137 บาทกว่าแต่ไม่เกิน 150 บาท ประมาณนี้แหละ แต่ทุกครั้งที่มา มารีน่า จะจ่ายให้เค้าเกินตลอดประมาณ 350-400 บาท รวม50บาทที่Taxiจะต้องจ่ายให้Airportด้วย} ...... หลังจากที่ลุงโชว์เฟอร์ฟังพูดเสร็จว่าจ่าย300บาทและให้จอด เค้าเลยพูดว่า ไม่เป็นไรไหนๆก็ออกมาแล้วเดี๋ยวจะไปส่งถึงอ่อนนุช ซอย17เลย.. แต่มารีน่าก็บอกเค้าว่าต้องการให้จอดจริงๆเพราะนั่งแล้วรู้สึกอึดอัดไม่สบายใจ "เหมือนเป็นตัวซวย" ของลุงที่ไม่สามารถได้ลูกค้าระยะทางไกล แต่มันเป็ความผิดของผู้โดยสารหรือคะที่ใช้บริการไปใกล้ๆก็บ้านหนูอยู่ย่านนั้น หนูไม่สามารถรู้ได้ว่าลุงต้องการลูกค้าระยะทางไกล หนูเคยใช้TAXI METER ตรงจุดบริการของAirport บ่อยครั้งไม่เคยมีปัญหา หนูเห็นเป็นTAXI METER ไง ราคามิตรภาพดี ....... ถ้าหนูรู้ว่านั่งTAXI METERแล้วไม่สบายใจแบบนี้หนูใช้บริการTAXIป้ายดำ ดีกว่าแพงหน่อยตกลงด้วยความพอใจ ถ้าลุงอยากได้เงินเยอะๆกว่านี้ทำไมลุงไม่ไปขับTAXI ป้ายดำเลยล่ะคะ ผู้โดยสารจะได้รู้ราคาที่ตกลงล่วงหน้า .... หนูนั่งแล้วรู้สึกว่ามาอาศัยและขอร้องให้ลุงไปส่งหนูฟรีๆ หนูไม่สบายใจค่ะ.....

มารีน่า พูดเหตุผลที่ต้องการให้เค้าจอด ยาวเลยค่ะ ..... แต่เค้าก็ไม่จอดให้ลงนะคะ และไปส่งมารีน่า จนถึงจุดหมาย....พอมารีน่า ลงจากรถก็ไม่พูดคำว่าขอบคุณให้เค้าเลย เพราะบริการแบบกระฟัดกระเฟียด ไม่น่ามอบคำนั้นๆให้เค้าหรอกนะ และมารีน่าก็ให้เงินเค้าไป 370 บาท ..... มารีน่าก็ยังพูดต่ออีกว่าหนูไม่ใช่คนเลวนะคะหนูเป็นคนไทยมีน้ำใจคนนึงนะคะ และลุงTAXIโชว์เฟอร์ก็ไม่พูดขอบใจสักคำที่ มารีน่าจ่ายเกินค่าMETERซะอีก..... คนแบบลุงTAXIโชว์เฟอร์คนนั้น ไม่น่ามาทำงานบริการแบบนี้เลยถ้าเค้าเปิดร้านอาหารกคงไม่มีใครเข้ามาทานหรอก หน้าหงิกมากๆ ลุงTAXIโชว์เฟอร์คนนั้นน่าจะเปลี่ยนอาชีพไปเป็นคนทวงหนี้ดีกว่า หน้าบึ้งๆหงิกๆดี ดูน่ากลัวลูกหนี้จะได้รีบจ่ายเร็วๆ.......

....... ขอต่ออีกนิดว่า TAXI ชั้นบนที่มาส่งผู้โดยสารขาเข้า บางคันเค้าส่งผู้โดยสารเสร็จ เค้าก็ยังมองหาเก็บตกผู้โดยสารอีกเผื่อจะได้ผู้โดยสารออกไปอีกไม่เสียเที่ยวขับรถออกไปเปล่าๆ เมื่อก่อนมารีน่าชอบขึ้นชั้นบนเพราะไม่ต้องจ่าย50บาทให้Airport แต่พอครั้งสุดท้ายที่ใช้บริการแบบนั้นเจอดีค่ะ เพราะก่อนนั่งTAXI METERจากAirportจะถามก่อนว่าเปิดMETERมั้ยคะ เค้าบอกเปิดมารีน่าก็เข้าไปนั่งเลยพอTAXIใกล้พ้นจากAirportโชว์เฟอรบอกว่า บวก150บาท หลังราคาMETERนะครับ มารีน่าก็บอก อ้าว!!!พี่เมื่อกี้พี่บอกเปิดMETERไงแต่ทำไมพี่จะเอาเงินหนูเพิ่มอีก 150 บาทล่ะ เค้าก็บอกว่าเมื่อกี้พี่จ่ายเงินให้Airportไป พี่ก็เลยเอาเงินเพิ่มจากน้องนี่แหละ มารีน่าก็พูดว่ารถของพี่ไม่ได้ต่อคิวTAXI METER ที่ชั้นล่างแล้วพี่จะจ่ายค่าคิวได้ไง พอพูดเสร็จมารีน่าเริ่มสังเกตคนขับ เล็บมือยาวดำสกปรก เสื้อโชว์เฟอร์ก็ไม่ใช่สีฟ้า แต่เป็นเสื้อยืดคอกลมสีเทาๆ คราวนี้มารีน่าเริ่มหวั่นว่า เค้าเป็น โชว์เฟอร์จริงหรือเปล่า ชักไม่แน่ใจ มารีน่าก็เลยเปิดกระเป๋าเอาPassportกับเงินยูโรมาเหน็บที่ขอบกางเกงตัวน้อยด้านในชุดกระโปรงแซค ตอนที่โชว์เฟอร์มองไปที่อื่น มารีน่าชอบนั่งTAXIที่เบาะหลังของคนขับ เค้าคงมองไม่ถนัดหรอกว่ามารีน่าทำอะไร แต่มารีน่าก็แยกเงินออกไว้400 บาทแล้ว ไปอ่อนนุชคงไม่เกินนี้หรอก.... มารีน่ากลัวสิ่งไม่คาดฝันในทางร้ายเกิดขึ้นหลังจากนั้นเลยเงียบไว้ไม่อยากต่อล้อต่อเถียง เค้าอุตส่าห์ขอเพิ่มแค่150บาท ดีกว่าพาไปจอดปล้นที่เปลี่ยวและทำร้ายเราหรือว่าเอาเอกสารสำคัญเช่นPassportหรือCardที่ใช้ในยุโรป..... แต่สุดท้ายโชว์เฟอร์พาส่งถึงจุดหมาย....เฮ้อ!!!!!!!!กลัวไปเองว่าค้าจะทำอะไรไม่ดีกับเรา.....

ไม่ว่าจะTAXI METER หรือ TAXI เก็บตกผู้โดยสารมารีน่าไม่อยากใช้บริการแล้ว ครั้งต่อไปจะลองใช้TAXIป้ายดำบ้าง เพราะตกลงราคากันก่อนล่วงหน้า.....แต่ก็ยังไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นอีก เบื่อจังกับTAXI Airport อยากให้มีรถไฟฟ้า BTS มาถึง Airport เร็วๆจัง ไม่อยากใช้บริการ TAXI Airport อีกต่อไปแล้ว เสียความรู้สึกจริงๆค่ะ!!!!!!!!!!!!!!!!</span>

[zarack]

น้องอย่าคิดมากเลยนะคะ เพราะพี่เจอบ่อยๆ ตอนกลับไทยปีที่แล้ว แต่ไม่โดนที่สนามบิน
ครั้งแรก นั่งรถทัวร์ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ เขาจอดให้ลง ฟิวเจอร์รังสิต เพราะเขาไม่ผ่านหน้าสนามบิน เราลงปุ๊ป แท๊กซี่รอตรึม หอบกระเป๋ากะคุณสามีคนละใบสองใบ เขามาช่วยนะ พอขึ้นเสร็จเขาไม่ติดมิเตอร์ จากฟิวเจอร์ ไปสนามบินดอนเืมือง บอก สองร้อยยี่สิบบาท เขาบอกรอเกือบทั้งคืนล่ะ พี่บอกไม่ไป บอกสามีขนกระเป๋าลง เขาก็ขอร้องนะ บอก ร้อยห้าสิบ เราก็โอเคช่วยได้ ไปก็ไปเพราะกลัวไม่ทันเครื่องจากกรุงเทพฯ ไปภูเก็ต

ครั้งที่สอง หรืออื่นๆ อีกหลายครั้ง จากสนามหลวงมา เอ็มบีเค หนึ่งร้อยบาท เขาวนเลยออกไปไกล เราก็รู้อยู่นะ แต่เบื่อการทะเลาะกลับเท็กซี่ ทั้งที่ขาไป จากมาบุญครอง ไป สนามหลวงสี่สิบเก้าบาทเอง

ต้องทำใจคะ แต่ไปสุวรรณภูมินี่ดีหน่อย พี่เขยมารับ มาส่ง แค่เลี้ยงข้าวเขาเท่านั้นเอง

เพื่อนที่นี่เวลากลับ ก็พี่เขยไปรัีบ ให้และไปส่งไปสนามบินดอนเมืองเพราะเขาเบื่อๆปัญหาแท็กซี่กัน

ยิ่งน้าเขยเป็นคนเยอรมัน จากสุวรรณภูมิไปดอนเมือง เขาขับเกือบสองชั่วโมง เจ็ดร้อยบาท

หากินกันแบบนี้ล่ะ

[naddyswiss]

จะบอกว่า แท๊กซี่ส่วนใหญ่ส่ายหัวค่ะ ไม่ค่อยอยากไปสุวรรณภูมิ เพราะถ้าไปแล้วเค้าไม่ได้ลูกค้ากลับมา เค้าบอกว่าเค้าไม่ค่อยคุ้มน่ะค่ะ

ครั้งล่าสุดพี่ไปกะนาตาลีสองคนพี่ใช้บริการ airport limosine เค้าบอกว่าเค้าเป็น airport limosine แต่พี่คิดว่าน่าจะเป็นป้ายดำมากกว่าน่ะ เค้าจะมายืนถือป้ายชื่อเรารอที่สนามบินเลย แล้วพาเราไปขึ้นรถที่ๆจอดรถน่ะค่ะ ตอนนั้นโหน่งจ่ายไป 600 บาทมั๊ง ไปส่งถึงจรัญ 35 บ้านโหน่งเลยอ่ะ รวมค่าทางด่วนด้วยน่ะค่ะ เค้าบริการดีเหมือนกัน โหน่งบุ๊คจากสวิสไปน่ะค่ะ จ่ายเงินที่คนขับที่เมืองไทย

แต่เข้าใจนะคะว่าบ้านคุณอยู่ใกล้ๆก้อไม่รู้จะใช้บริการทำไม แต่รออีกสักหน่อยสิคะ คุณมารีน่า เร็วๆนี้รถไฟฟ้าจะเสร็จแล้วค่ะ เดี๋ยวพวกแท๊กซี่พวกนั้นจะหนาวไข่ที่ชายแดนนะคะ

จะบอกว่าเคยไปเรียกเหมือนกันไอ้แบบเสียค่าอะไร 50 บาทน่ะค่ะ จะบอกว่ารถก้อเก่ารุ่นกรุงศรีแตกอีกต่างหาก โหน่งเลยคิดว่านั่นแบบที่โหน่งใช้การครั้งที่แล้วดีกว่า สบายอารมณ์รถก้อใหม่ๆ เราเลือกได้ด้วย ถ้าเรามีกระเป๋าเยอะ เราก้อเลือกรุ่นรถที่ใส่กระเป๋าได้เยอะๆได้น่ะค่ะ

[Mareena]

น้องอย่าคิดมากเลยนะคะ เพราะพี่เจอบ่อยๆ ตอนกลับไทยปีที่แล้ว แต่ไม่โดนที่สนามบิน
ครั้งแรก นั่งรถทัวร์ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ เขาจอดให้ลง ฟิวเจอร์รังสิต เพราะเขาไม่ผ่านหน้าสนามบิน เราลงปุ๊ป แท๊กซี่รอตรึม หอบกระเป๋ากะคุณสามีคนละใบสองใบ เขามาช่วยนะ พอขึ้นเสร็จเขาไม่ติดมิเตอร์ จากฟิวเจอร์ ไปสนามบินดอนเืมือง บอก สองร้อยยี่สิบบาท เขาบอกรอเกือบทั้งคืนล่ะ พี่บอกไม่ไป บอกสามีขนกระเป๋าลง เขาก็ขอร้องนะ บอก ร้อยห้าสิบ เราก็โอเคช่วยได้ ไปก็ไป

ครั้งที่สอง หรืออื่นๆ อีกหลายครั้ง จากสนามหลวงมา เอ็มบีเค หนึ่งร้อยบาท เขาวนเลยออกไปไกล เราก็รู้อยู่นะ แต่เบื่อการทะเลาะกลับเท็กซี่ ทั้งที่ขาไป จากมาบุญครอง ไป สนามหลวงสี่สิบเก้าบาทเอง

ต้องทำใจคะ แต่ไปสุวรรณภูมินี่ดีหน่อย พี่เขยมารับ มาส่ง แค่เลี้ยงข้าวเขาเท่านั้นเอง

เพื่อนที่นี่เวลากลับ ก็พี่เขยไปรัีบ ให้และไปส่งไปสนามบินดอนเมืองเพราะเขาเบื่อๆปัญหาแท็กซี่กัน

ยิ่งน้าเขยเป็นคนเยอรมัน จากสุวรรณภูมิไปดอนเมือง เขาขับสองหรือเกือบชั่วโมง เจ็ดร้อยบาท

หากินกันแบบนี้ล่ะ

มันน่าเบื่อจริงๆนะคะพี่ ทุกอย่างเป็นเงินเป็นทองหมด น้ำใจของคนไทยกำลังแห้งลงทุกวันๆ!!

[MHUNTHOW]

เหตุการ์ณที่คุณมารีน่าเล่ามา เป็นเหตุการณ์ ปกติค่ะ แม่หมั่นโถเจอทุกครั้งที่กลับไทย โชว์เฟอร์ทุกคันค่ะจะเป็นแบบนี้ บ้านหมั่นโถอยู่ไกลค่ะ ปทุมธานีในเมือง โชว์เฟอร์เรียก พันแปดร้อย ราคาเมื่อสองปีก่อน หมั่นโถบอกไปมิตเตอร์เธอบอกที่นี่ไม่มีหรอก ขากลับก็ไม่มีคน ไม่ได้ราคานี้ก็ไม่ไป อ้าวโชว์เฟอรพูดแบบนั่นเลย เสร็จหมั่นโถตัดสินใจเอากระเป๋าใหญ่ๆ ทั้งสองใบ นั่งรถวนรับผู้โดยสารไปสถานีรถเมล์ ..รอไปค่ะ..รอรถเมลออกและนั่งหลับไปตลอดทางสองชั่วโมงถึงฟิวเจอร์ปาร์ค แอร์เย็นแต่ช้านิดเพราะทางไกล ลงที่หน้าตลาดสองร้อยปี จ่ายค่ารถเมล์สามสิบห้าบาท และ เรียกแท็กซี่ต่อ จ่ายอีก หนึ่งร้อยบาทถึงบ้าน สบายใจ แต่ที่หมั่นโถกล้านั่งรถเมล์เพราะเป็นเวลากลางวันค่ะ ถ้าเครื่องถึงเมืองไทยกลางคืน หรือ เย็น หมั่นโถคงต้องบอกที่บ้านให้เอารถมารับหล่ะค่ะ ให้ที่บ้านเสียเวลาดีกว่า เราเสียอารมณ์ หรือ เสียทรัพย์สินระหว่างการเดินทางค่ะ (รถเมล์จากสุวรรณภูมิ มารังสิต น่ากลัวค่ะ เพราะผู้โดยสารไม่มาก เป็นเวลากลางคืน เสี่ยงเหมือนกันค่ะ คิดว่า..) แต่ถ้าเมืองไทยมีบริการเช่ารถแบบอเมริกาก็ดีนะคะ
เช่าและขับเอง ถึงเวลาก็เอามาคืน สบายใจกว่ากันเยอะ..ราคาก็ถูกอีกด้วย..อันนี้สำคัญ สรุปคือ มาตรฐานการบริการเมืองไทยยังไม่ไปไหนค่ะ อยู่ที่เดิม รบกวนถามคุณโหน่งค่ะ บริการแอร์พอร์ตรีมูลซีนนี่ เข้าไปในแว๊ปไหนค่ะ หมั่นโถจะได้ลองเช็คราคาไปเมืองปทุมธานีบาง ถ้าราคาไม่เกินไปนักจะได้ไม่ต้องกวนที่บ้านมารับ..ขอบคุณค่ะ

[ปอ.ปลาตากลม]

<span style='color:blue'>ช่ายค่ะช่าย เสียความรู้สึกมากๆค่ะ คิดแล้วม่ายอยากใช้บริการเลยค่ะ
เคยเจอแบบนี้เหมือนกันค่ะ เหตุผลเหมือนเดี๊ยะ ฮือๆๆๆ</span>

[fon1981]

<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>เข้ามาสนับสนุนด้วย คน ว่า เสียความรู้สึก มา หลายต่อหลายครั้งกับ แท็กซี่ สุวรรณ ภูมิ ทั้ง ป้าย ดำ ป้ายแดง กดมิตเตอร์ หรือ เก็บ ตกผู้โดยสาร <span style='color:red'>หาดียากคุ่ะ</span> หรือ ถ้า จะใช้บริการ รถของสนามบิน ก็ แพง ไป ค่ะ อย่างบ้านใกล้ๆ อย่างคุณมารีน่า(ขอบอก บริการดี) แต่ ฝนจะ ใช้บริการก็ ต่อ เมื่อ กลับพร้อม กับสามี เพราะ สองคน ยังไงก็ คุ้ม ถ้า กลับคนเดียวสัมภาระไม่มี จะ ใช้บริการแท็กซี่ ของสนามบิน ก็ เสียดายเงิน อีก อย่าง ด้วย ความที่ เป็นคนไทยอะไรก็ ได้ พักหลัง ขึ้น รถเมล์ ค่ะ ลำบากนิด แต่ สบายใจสุดๆ รอ รถ ไฟฟ้า อยู่เหมือนกันค่ะ

แท็กซี่ สนามบินสมัย นี้ ทำตัวอย่างกะโจร ปล้นเงินเรา แบบซึ่งๆหน้าเลยค่ะ
และที่ร้ายกาจ คือ พูดจา สุนัข ยังเบื่่่อ เพดดีกรี!!

ฝนมีประสบการณ์ แท็กซี่ มอม ยา ด้วยค่ะ คุณมารีน่า นั่งแท็กซี่บ่อยๆ ต้องระวังน่ะค่ะ</span>

[pimlapas]

น้องมารีน่า และท่านอื่น ๆ ค่ะมีหลายคนที่เจอเหตุการณ์อย่างนี้ มันไม่ดีเลยนะคะ ต่อไปก็ใช้บริการของ airport limosine จะมีเค้าเตอร์อยู่ค่ะ ไปรอนิดหน่อยยื่นชื่อเราแล้วบอกเส้นทาง มีคนขนกระเป๋า บริการดีมาก รถคันใหญ่ ใหม่เอี่ยมเลยค่ะ แพงนิด แต่บริการดีสุด ๆ ถึงที่หมาย หากเป็นโรงแรม ก็ต้องให้เคาน์เตอร์โรงแรมเซ้นต์รับผู้โดยสารด้วยนะคะ แล้วเค้าจะวอ บอกศูนย์ว่าส่้งเราเรียบร้อยแล้วค่ะ ประทับใจสุด ๆ ราคายอมรับได้ค่ะ พี่นั่งจากสุวรรณภูมิ มาแถวประตูน้ำ ราคา เก้าร้อยบาท แต่ประทับใจดีค่ะ ใช้บริการมา สามครั้งแล้วติดใจเหมือนเดิมค่ะ แท๊ํกซี่ป้ายดำ อันตรายไม่น้อยนะคะ อย่าใช้เลยค่ะ หากไปคนเดียวนะ

[miipanda]

สวัสดีค่ะน้องมารีนา

พี่รสค่ะ อยู่ฟินแลนด์ พี่ก็เคยใช้บริการ แท็กซี่มิเตอร์รอคิวและก็
แท็กซี่ airport limusine แต่พี่คิดว่า รถของ airport limusine บริการดีกว่ามากมายค่ะ
บ้านพี่อยู่ ไทรน้อย คิดค่าบริการ 1000 บาท แต่รวมหมดทั้งทางด่วน เร็วมากค่ะ ไม่ต้องยกกระเป๋าเองด้วย ถึงบ้านรวดเร็ว ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ถ้าเทียบกับแท็กซี่มิเตอร์จอดรอคิว ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ และต้องจ่ายทางด่วนเองด้วย ยังไงก็พิจารณาดูดีๆน่ะค่ะ ถ้าคราวหน้าเดินทางกลับบ้านอีก เดี๋ยวนี้บ้านเราไม่ค่อยจะปลอดภัยแล้วค่ะ เงิน 500 บาท (10 euro) ซื้อความปลอดภัยดีกว่าค่ะ
Take Care

[แตง]

เจอเหมือนกัน บ้านอยู่บางบัวทองเค้าเรียกค่าแท๊กซี่ 1,200 บาท เลยเดินที่ๆเค้าเตอร์ ที่เค้ามีคิวแท๊กซี่จอดรออยู่ เจ้าหน้าที่ตรงนี้เค้าเรียกแบบเหมาจ่าย 600 บาท ไม่รวมค่าทางด่วน เราเลยตกลงไป เพราะมัีนตีสองตีสามแล้วจะโทรปลุกให้น้องมารับก็กลัวเค้าไปทำงานสาย แต่ดีี่ที่คนขับแท๊กซี่อารมณ์ดี คุยตลอดทาง เค้าบอกว่ามารอผู้โดยสารคิวนี่ใช้เวลาร่วมสี่ห้าชั่วโมงหรือมากกว่านี้กว่าจะได้ผู้โดยสาร ซึ่งเราดูๆแล้วก็จริงอย่างที่เค้าพูดนะ และเค้าคุยเรื่องลูกและครอบครัวให้เราฟัง ตอนจ่ายเงินเราเลยแถมทิปให้ต่างหากเพื่อเค้าจะได้กลับบ้านไปหาลูกที่ตั้งตาคอยพ่อกลับบ้าน
แต่ถ้าเจอคนขับพูดไม่ดีแถมใส่อารมณ์ด้วยคงได้ลงกลางทางเรียกรถใหม่เหมือนกัน
นี่ถ้ากลับบ้านปีหน้า จะลองใช้ แท็กซี่ airport limusine บ้างตามคำแนะนำของหลายๆคน

[Karn]

,,

[prettypass2000]

อย่ากังวลค่าเพราะโดนเหมือนกัน แต่เวลาเรียกรถจากสนามบินกลับบ้านหรือจากบ้านไปสนามบินอ่ะจะใช้บริการรถลีมูซีนสนามบินน่ะค่ะ ยี่ห้อนกพิราบหรือพระพิราบนี่แหละค่ะ รถใหญ่ดีแล้วบริการดีมาก จ่ายตังค์ที่เค้าเตอร์แล้วก็มีคนเข็นกระเ้ป๋าพาไปขึ้นรถเลยน่ะค่ะ แต่ต้องทิปคนขับด้วยน่ะค่ะเพราะเขาขนกระเป๋าเข้าบ้านให้แล้วคนขับขับดีมากแถมพูดจาระรื่นหูด้วย ส่วนแท๊กซี่นี่ไว้ใช้เวลาไปห้างน่ะค่ะแต่ต้องเตรียมเงินให้พอดีหรือเหลือนิดหน่อยนะคะ ถ้าให้แบงค์ใหญ่ไปเคยเจออ้างว่าไม่มีทอนน่ะค่ะ หรือถ้าเรียกไปไกลๆหรือแหล่งรถติดนี่ส่วนใหญ่เขาบังคับให้เหมาน่ะค่ะเพราะเห็นเรามีลูกเล็กๆกะสามีฝรั่งด้วยมั๊ง แต่ไม่เคยยอมไปนะคะยอมรอคันถัดไปหรือโทรเรียกแท๊กซี่มารับแต่จ่ายเพิ่ม 20บาทดีกว่าน่ะค่ะ ครั้งนึงที่เด็ดสุดคือ ยามที่ CTWเรียกให้น่ะค่ะ พอออกรถมามันกดปิดมิเตอร์แล้วบังคับให้เหมาเป็นราคา 170บาทจาก CTW-ซ.ศุนย์วจัยน่ะค่ะ ไม่ได้ไกลเลยแต่มันคงเ้ห็นว่าสี่ทุ่มกว่าแล้วเราคงไม่มีปัญญาหาแท๊กซี่ได้ใหม่น่ะค่ะ แค้นนนนน

[Nok HI]

เคยเจอดี แท็กซี่ ครั้งเดียว และคิดว่าครั้งสุดท้ายจ๊ะ น่ากลัวเจง ๆๆ

ปตกติเวลาพี่กลับเมืองไทยเมื่อไหร่ พ่อกะแม่พี่ก็จะเอารถมารับที่สนามบินทุกที อยู่โรงแรมที่กรุงเทพคืนนึง
แล้ว ตอนบ่าย ๆ ก็ตีรถกลับพิษณุโลกกันเลย....

แต่ว่า....ช่วงที่พี่พาพ่อแม่เดวิดขึ้นรถทัว เพื่อที่จะไปต่อเครื่องบินไปภูเก็ต ต้องเรียกแท็กซี่ ก็ดันได้เจ้าป้ายดำ

คนขับรีบ เอากระเป๋าของพี่ไปไว้ด้านหน้าคนขับหมดเลย....พี่ก็คิดว่า ทำไมมันไม่เอาไปไว้กระโปงหลังรถนะ

ถึงบางอ้อ....เพราะคนขับคิดว่าพี่มากะเดวิดวิดสองคน พี่บอก มีพ่อ มีแม่ด้วย...แกเลยหน้าซืดดดดนึดนึง รีบเอา

กระเป๋าไปไว้ในกระโปงหลังรถ....

ทีนี้....พี่นกก็ตะหงิด ๆ ล่ะ เพราะตอนนั้น พี่เริ่มท้องได้เดือนนึงละ นั่งในรถได้กลิ่นยาอะไรไม่รู้ ชวนจะให้อาเจียรจริง ๆ และประตูรถมันก็ล๊อก เปิดไม่ได้นอกจากคนขับ แถมปิดหน้าต่างหมด...

อ่า...นั่งไปแป๊ปนึง คนขับคอยเอามือมาอัง ๆ ที่แอร์ ทีนี้ล่ะกลิ่นยามากกว่าเดิมอีก...

ทีนี้รู้แล้วล่ะว่าโดนมอมยาแน่ ๆ เลย แต่ไม่กลัวล่ะจ๊ะ เพราะมากันสี่ แถมพ่อแม่ และ เดวิด ไม่ค่อยเมาเท่าไหร่...

พี่บอกคนขับ...เลื่อยกระจกลงเดี๋ยวนี้เลย ไม่งั้นชั้นจะอ้วกให้เต็มรถเลย แล้วจะถึงแอร์พอร์ยัง เหม็นยาในรถนี่จะตาย

คนขับมันรู้น่ะ....ว่ามันเอาพวกพี่ไม่ได้...มันรีบขับจะแย่ กลัวพี่อ้วกรดรถมัน...หุหุหุ....

ได้พวกนี้นี่เดนสังคมจริง ๆ เลย...

พอพี่ถึงแอร์พอร์นะ...เฮ้อ วิ่งเข้าห้องน้ำก่อนเลย คิด ๆ อยู่ว่ากำลังท้องยังมาเจอยาไอ้เวรนี้อีก...

นั่งแท็กซี่เดี๋ยวนี้ต้องระวังมาก ๆ เลยล่ะ ทั้งลูกค้า และ คนขับ ก็น่ากลัวพอ ๆ กัน ผลัดกันปล้นอะไรทำนองนี้...หุหุ

ส่วนคุณลุงแท็กซี่ ที่ไปส่งน้องมารีน่าเนียะ....คิดว่าไปคนทวงหนี้อย่างที่น้องว่าจะดีกว่า รู้ก็รู้อยู่ว่าจะคาดหวังกะลูกค้าไม่ได้ว่าจะได้ส่งไกล ส่งใกล้...ไม่ใช่ความผิดของเราซะหน่อย

[เด็กชายข้าหลวง]

<span style='color:green'>กลับเมืองไทยทุกปีจะให้คนที่บ้านมารับแต่ปีนี้กลับไปจะเซอร์ไพส์คุณแม่เลยไม่โทรบอกที่บ้าน ใช้บริการแท็กซี่เข้าคิวของสนามบินค่ะ โชคดีเจอน้องแท็กซี่น่ารักมาก เรียกจากสนามบินไปโรงแรมที่สุขุมวิท 23 น้องเค้ากดมิเตอร์ค่ะ แล้วพี่ตีชวนคุย เค้าก็บอกพี่ตี น้องเค้ามาเข้าคิวตั้งแต่สี่โมงเย็นได้พี่ตีเป็นเจ้าแรก(พี่ขึ้นรถตอนสองทุ่ม) รถแท็กซี่เยอะกว่าจะถึงคิวได้คน บางคันโดนเรียกไปไกลก็ไม่อยากไปเพราะขากลับตีรถเปล่ากลับมาต่อคิวใหม่เวลาเกือบสองชั่วโมง ก็น่าเห็นใจเค้าเหมือนกันนะคะ น้องคนนี้อัธยาศัยดี คุณสาก็ชอบน้องเค้าแต่คุณสาบ่นเรื่องไม่มีเข็ดขัดนิรภัยเบาะหลัง พอถึงโรงแรมพี่ตีจ่ายค่าทางด่วนกับค่ามิเตอร์บวกค่าบริการห้าสิบประมาณสามร้อยห้าสิบกว่าๆนะคะ แต่ให้ทิปน้องเค้าไปสองร้อย และนัดน้องให้มารับที่โรงแรมไปส่งที่บ้านคุณแม่ที่นนท์ เจ็ดโมงเช้าน้องเค้ามารับหกโมงครึ่ง น้องเค้าบอกค่ะ เค้ามารอลูกค้าดีกว่าให้ลูกค้ารอ แถมกลับมารับนี้ใส่เข็ดขัดนิรภัยเบาะหลังให้ด้วย สองวันต่อมาโทรเรียกเค้าให้มารับไปส่งโรงแรมน้องเค้าก็มาตรงต่อเวลาเหมือนเดิม พี่ตีเก็บเบอร์น้องเค้าไว้อยู่ ถ้าใครสนใจใช้บริการอยากได้เบอร์หลังไมค์มาหานะคะ เพราะคนขับแท็กซี่ดีๆก็ยังมีเหลืออยู่ค่ะ...</span>

[bunny]

พูดเรื่องแท็กชี่ แล้วเจ็บใจ หุหุหุ ขอเม้าท์หน่อยนะคะ แบบว่ามัน คับหน้าอกตู้มๆ มานาน คริๆ คือว่ากลับเมืองไทย สามปีที่แล้ว ไปคนเดียวคะ สามีตามทีหลัง เราก็อุตสาห์ไปดักจับแท็กชี่จากที่เค้ามาส่งผู้โดยสารขาออก พอเราได้มา มันก็บริการดีนะ พอออกมาจากแอร์พอตได้ มันหัน มาบอกว่า เพ่ แท็กชี่สนามบินนะ ขอเหมา เลย 300 มัน มัดมือชก ค๊า หน้าด้าน (โธ่ไอ้หน้ามึน) แล้วมัน
ก็หาว่า เราไป ฮอ่งกง หรือ สิงคโปร์มา ไม่พูด มันก็ชวนคุย เกลียดมัน มั๊กกกก

ตัดสินใจจ่ายมันไป จบ ลงที่มันพาเราไปเลี้ยวซอยผิด เรา... อุ๊ย.. คำนี้ถูกเซ็นเซอร์ค่ะ ...ต้องหิ้วกระเป๋า มาที่ โรงแรมเอง ฮ่วย มันทำลาวโกอินเตอร์ เจ็บใจอีกละ แค้นฝั่งหุ่น หุหุหุหุ

แล้วอีกครั้ง ครั้งนี้ ฝังลึก จำได้ขึ้นใจมั๊กๆๆ สังสัยว่าเราไปทำบุญร่วมชาติ หรือก่อกรรม
กะ พี่แท็กชี่มาก่อนแน่ๆๆ (แท็กชี่ดีๆ ก็มี ที่ประทับใจนะ แต่ขอเล่าไอ้ที่มันเจ็บใจก่อน)

ซวยอีก นั่งแท็กชี่จาก หน้าเช็ลทรัลลาดพร้าว ไปประตูน้ำ คราวนี้ไปกะคุณพี่หมูอ้วน
มัน พาขัยรถวนๆๆๆๆ มันหันมาถามเรานะว่า น้องอยู่ที่ไหน กรุงเทพเปล่า

เราก็บอกหน้าแบบนี้นะ ไม่ใช่กรุงเต๊บหรอก ลาวคร๊าบ ล้านเปอร์เซ้น อ้าย อิอิ แหมๆๆๆๆ
ที่นี้ละ พี่ท่าน พาดิชั้นขับผ่านประตูน้ำ ไปไหนต่อไหน โอ๊ยจนถามว่า จะพาชั้นไปไหน มันก็ว่าประตูน้ำ เราก็ว่า ผ่าน มาแล้ว ทำใมไม่จอด ฮ่วย มันว่าลาวแบบเราโง่ มันก็ว่า นี้
มันหาอยู่ ลงตรงนี้เปล่า ไอ้บ้า มรึงจะให้กูลงตรงกลางสะพานลอยนี้นะ เราก็ว่าไม่ๆ มัน
จะให้ ตรูเหาะไปไงวะ รถก็ติด ไอ้บ้า เอ้ย.....ตอนนี้ ร้อนตู๊ด อดทน ไม่ไหว จะระเบิดละ
มือควานหาปากกา มาจดหมายเลขทะเบียน ชื่อคนขับ รูปมันก็ไม่ชัด แต่คนขับ ชื่อสมบูรณ์ อุ๊ยๆๆๆๆ อยากเผาพริกกะเกลือให้มัน จริงๆๆๆ


ที่นี้มันพา มาโผล่ ที่ เยาฮัน รัชดา บอกให้มันจอดเลย แบบว่า โมโห มาก เลือดขึ้นหน้าคะ จะตืบ มันละ คุณพี่หมูอ้วน มันดึงแขนไว้ พี่แกไม่รู้หรอกว่า เรื่องอะไร บอกว่า ที่
รัก clam down แต่ว่าพี่แกดูสีหน้า และคำพูดของเราออก เราก็เลยโทรหา ร่วมด้วยช่วยกัน อืม ติดนะ แต่ยังไม่ได้คุย พอดี มันจอดรถก่อน

พอดีว่า มี ตำรวจจราจรอยู่ตรงนั่น มันไม่ยอมจอดนะ ยัง มีไถล ไปอีกไกล กะว่า ให้พ้น
ตำรวจ เราบอก ให้จอด จับพี่หมูอ้วน เหวี่ยงไป ตรูจะลุยละ แท็กชี่ แบบนี้ อับอายขาย
หน้าประเทศไทย (อยากตะโกนใส่หน้ามันจริงๆ มรึงอายเค้ามั้ยเนี่ย)คนทำมาหากินแบบนี้ไม่ชอบ

แท็กชี่รู้ว่า เราไม่ใช่ไก่ ให้เชือดง่ายๆ มันพูดว่าไงรู้ปะ

แท็กชี่.......พี่ๆๆ ผม ไม่เอาค่ารถหรอก ผม เอาแค่ 100 เดียว ค่ารถ 185 บาท
บันนี.....ทำใมขับอ้อม นึกว่า โง่ไม่รู้เหรอ
แท็กชี่...ผมไม่รู้ทางครับพี่ พี่รู้ทำใมไม่บอก
บันนี....ไม่เชื่อ ขับมานานแล้ว แล้วก็บอกให้จอดแล้วด้วย เจตนา
แท็กชี่ ...จริงๆพี่ ผมไม่โกหก
บันนี...อายมั้ยเนี่ย อายฝรั่งเปล่า ทำมาหากินแบบนี้เนี่ย
แท็กชี่..พี่ เออ บลาๆๆ จำไม่ได้ว่ามันพูดว่าไร
บันนี พูดรัวเร็ว ชี้หน้าด้วย กะว่า มึงตายแน่ๆ ..

เออ ไม่รู้ เงินแค่ 185 บาทเนี่ย ชั้นไม่ต้องรวย ชั้นก็จ่ายได้ ทำใมอะ หาเงินแบบคนดีๆทำมาหา กินไม่ได้เหรอ ทำใมต้องโกง เงินแค่เนี่ย ทำให้ พี่รวย ขึ้นมาได้เหรอ ไม่เอาละ
แจ้งตำรวจจับดีกว่า จะโทรไปหาร่วมด้วยช่วยกันด้วย จะได้ไม่ทำคนอื่นอีก ขายหน้าฝรั่งต่างชาติด้วย

แท็กชี่ ...พี่ ผมขอละ ผมไม่เอาค่ารถก็ได้ ไหว้ละ...(มันรู้มันผิด)
บันนี...(ใจอ่อนอีกละ บทนางเอกเข้าสิง) เออ เงิน 185 บาท ชั้นจะให้ ชั้นจะถือว่าทำทาน เพราะทำทาน ชั้นก็ทำมากกว่านี้ ครั้งนี้ ชั้นให้ พี่ แต่ถ้าพี่ไปโกงใครอีก ขอให้พี่ทำมาหากินไม่ขึ้น ทำเลวอีก ก็ขอให้เลวๆลง เลวลง ถ้าพี่ทำดี ก็ขอให้ดีขึ้น จำไว้ ว่าชั้นสาปแช่งไว้

จริงๆก็พูดมากกว่านี้แระ แต่จำไม่ได้ละ ก๊ากๆ มันเรียบเรียงไม่ถูกวุ้ย

ตอนนี้พี่หมูอ้วน มันเดิน มาจับมือไว้ (จิตนาการพี่แก คนไทยดีเลิศประเสริฐศรี คงมลายสิ้นละ) หันไปควักเงิน ให้ 185 บาท ตำรวจจราจร เดิน มาถามว่าเกิดอะไรขึ้น แท็กชี่ก็หน้าสลด เราก็บอกว่า แท็กชี่ มันพาอ้อม กะว่าจะฟันพวกเรา
แต่เราไม่เอาเรื่องฮึ ทิ้งทวนก่อนเรียกคันใหม่ โดยพี่ตำรวจจราจรเรียกให้ แล้วกำชับว่าไปส่งพวกเราให้ถึง ที และบอกว่า ถ้าแท็กชี่โกงอีก ให้โทรบอก เด่วพี่จัดให้
ให้มันได้อย่างนี้สิ พี่ตำรวจไทยใจกล้า คริๆๆ

แท็กชี่ แบบนี้เจอหลายคนเหมือนกันคะ

แท็กชี่ดี ก็มีคะ เหอๆๆๆ คนดี คนเลวปะปนกันไป เด่วจำได้แล้วจะมาเล่าใหม่คะ