ครัวไกลบ้านได้ทำการปรังปรุงเวบไซต์ให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นในระบบสมาร์ทโฟน และได้รวมข้อมูลเมนูอาหารและ สมาชิกจากทั้งเวบไซต์เก่าและใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว

สมาชิกท่านไหนมีปัญหาไม่สามารถล็อกอินได้ ให้ทำการเปลี่ยนพาสเวิร์ดโดยคลิ๊กลิ้งค์นี้ ลืมรหัสผ่าน
ถ้าท่านใดมีชื่อสมาชิกมากกว่าหนึ่งชื่อแล้วต้องการรวมโพสทั้งหมดให้อยู่ในชื่อสมาชิกเดียว หรือมีปัญหาในการใช้เวบไซต์
สามารถส่งอีเมล์แจ้งรายละเอียดมาได้ที่ admin@kruaklaibaan.com หรือส่งข้อความได้ที่ user: sillyfooks

ถ้าชอบครัวไกลบ้าน อย่าลืมคลิ๊กไลค์เฟสบุ๊คให้ครัวไกลบ้านด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

ชีวิตที่เลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นได้

อยากคุย อยากเล่า อยากบ่น เรื่องสุข เรื่องทุกข์ เรื่องสารพันปัญหา เชิญคุยกันได้ตามสบายที่ห้องนี้ค่ะ

โพสต์โดย พี่มิ้นท์ » จันทร์ มิ.ย. 19, 2006 11:16 pm

อาจจะเหนื่อยมากตอนนี้ แต่รอไม่ได้แล้ว ยายหนููต้องควบคุมให้ตาบิลจัดทำบัญชีรายรับ/รายจ่ายที่ถููกต้องแล้วจ้า

ก่อนที่มันจะเป็นดินพอกหางหมูู จับต้นชนปลายไม่ถููก นี่ก็เพิ่งจะสองเดือนกว่าเอง ต้องรีบแล้วนะ อย่าลืมกันรายจ่าย

เรื่องภาษีมููลค่าเพิ่ม / ภาษีรายปีอีก ดููแล้วตอนนี้แทบจะไม่เหลือเป็นเงินเดือนสองตายายแล้ว แต่ 3-6 เดือน แรก

แค่เสมอตัว ไม่ขาดทุน ชักเนื้อ ก็ถือว่าดีแล้ว คิดเสียว่าเป็นการโฆษณา อาหารควรค่อยๆลดปริมาณลง แต่ต้องสังเกตว่า อะไรที่เหลือ เพราะอะไร ให้เยอะไป หรือไม่รสชาติไม่ถููกใจลููกค้า อีกอย่างอาหารแต่ละเมนููยายหนููควร
เขียนเป็นสููตรแน่นอน เพื่อที่ว่าสามารถจ้างคนทำอาหารได้แต่ปรุงตามสููตรยายหนูู เราเป็นคนควบคุมคุณภาพ
ถ้ายายหนููมัวแต่ผัด แต่ปรุงอยููในครัว ยายหนููจะไม่สามารถบริหารอะไรได้เลยจ้า ไม่ใช่ปล่อยให้คุณลุงบิลมาจ่าย
ค่าแรงเรา เราคือหุ้นส่วนจ้า ยายหนููพููดเพราะความน้อยใจ แต่ตอนนี้ต้องเปลี่ยนแล้ว พยายามหาคนทำอาหาร
แต่ยายหนููควบคุมจ้า จะได้มีเวลาออกมาดููแลข้างนอกด้วย อีกอย่างเกิดยายหนููไม่สบาย ทุกอย่างก็ดำเนินไปได้เอาเวลามาจี้ลุงบิลทำบัญชีให่ถููกต้องดีกว่า เปลี่ยนเป็นบริหารจ้า จัดการบริหารคนของเราก่อน ด่วนจ้า

อดทนนะจ้ะยายหนูู พี่มิ้นท์ชอบที่น้องแอมเบอร์แนะนำด้วยจ้า ยายหนููลองประมวลเอานะ รีบบริหารคนก่อน

ต้องค่อยๆยึดอำนาจ อย่ารุนแรงกับเค้าและตัวเอง ใช้สมอง และ สมาธิ นะคะ
<span style='font-size:14pt;line-height:100%'><span style='font-family:Arial'><b>การให้อภัย ชนะการให้ทั้งปวง</b></span></span><br><br><span style='color:blue'><span style='font-family:Arial'><b> นอร์เวย์ค่ะ</b></span></span>
พี่มิ้นท์
แม่ไข่กุ้ง พ่อไข่ปู
 
โพสต์: 2013
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ม.ค. 15, 2006 8:17 pm

โพสต์โดย สาวน้อยในเทือกเขาร็อคกี้ » จันทร์ มิ.ย. 19, 2006 11:27 pm

พี่ยายหนูคราวหน้าต้องใจเย็นๆ ตั้งสตินะคะ อย่าทำให้ตัวเองเจ็บเลยค่ะ เจ็บทั้งตัวเรา และคนที่รักเราก็เจ็บที่ใจด้วยนะคะถ้าเห็นพี่หนูทำอย่างนั้นอีก

เรื่องราคาพี่ยายหนูขึ้นไปเลยค่ะ ไม่ต้องถามลูกค้าหรอกค่ะ ที่นี่เค้าก็ขึ้นราคาแต่น้องก็ยังซื้อเรื่อยๆ เพราะอยากกิน + ของมันอร่อยไงคะ ลูกค้าเข้าใจค่ะว่าค่าครองชีพมันแพง ก็ต้องมีขึ้นราคากันบ้าง
<a href='http://rockiesgirl.blogspot.com/' target='_blank'>พาเที่ยว พาชิม By Rockies Girl</a><br>
ภาพประจำตัวสมาชิก
สาวน้อยในเทือกเขาร็อคกี้
แม่ไข่ดาว พ่อไข่เจียว
 
โพสต์: 475
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 20, 2006 8:11 am

โพสต์โดย น้ำฝน » อังคาร มิ.ย. 20, 2006 12:53 am

เข้ามาอ่านแล้วเห็นใจยายหนูมาก มีหลายคนบอกว่าร้านอาหารมันเหนื่อยมาก แต่ก็ยังไม่ร้ายเท่าบริหารคนซึ่งมีปัญหามากทีเดียว ถ้าเราจัดระบบไม่ดีพอ เราเองจะเหนื่อย. ดิฉันเองมีคนรู้จักทำร้านอาหารไทย 2 คนผัวเมีย เขาจ้างคนครัวและผู้ช่วยอย่างละ 1คน ส่วนตัวเขาทำอาหาร สามีเก็บเงินและทำอาหารด้วยถ้ามีลูกค้ามามาก นอกจากนั้นเขาจ้าง receptionist เอาไว้ดูแลลูกค้าที่เข้ามา และยังมีคนเสริฟ 2 คน ร้านเขาไม่ได้ใช้ซอฟแวร์แต่เขามี copyของแต่ละออเดอร์ไว้ยันกัน คนงานของเขาเป็นเด็กอเมริกันและฟิลิปปินส์ เขายังมีคนหนึ่งที่ทำหน้าที่ทำความสะอาดและยกของเก็บของหนัก เขาสองคนมีลูกเล็กๆซึ่งไม่ยอมนอนตอนกลางคืนมาคอยกวนไม่ให้นอนอีก คืนหนึ่งเขานอนคนละ 2-3 ชั่วโมง ร้านไม่ใหญ่เป็นห้องเดียวแบบยายหนูแต่ดูเหมือนจะเล็กกว่าสักนิด.

คิดว่าคุณควรต้องใช้ซอฟแวร์เข้ามาช่วยในการลงออร์เดอร์ซอฟแวร์ตัวนี้เวลาสั่งอาหารแล้วมันจะปริ้นแต่ละออเดอร์ไปตามลำดับ เราสามารถกำหนดให้มันปริ้นท์ออกมา 2 copy เมื่อตอนยายหนูทำออรเดอร์เสร็จก็แนบใบออเดอร์ไปด้วย ส่วนอีกใบยายหนูเก็บไว้เพื่อไว้เช็คตอนเก็บร้าน ว่ามันตรงกันหรือไม่. ถ้ามีพนักงานเสริฟเขาจะ take order แล้วนำมาลงในคอมฯ ทีนี้ก็ไม่ต้องกลัวว่าข้อมูลจะหาย เพราะเด็กเสริฟจะสั่งอาหารได้ก็ต้องผ่านคอมฯเท่านั้น ถ้าออเดอร์ถูกลบหลังจากสั่งอาหารคุณสามารู้ได้ว่าถูกเด็กโกง เพราะคุณยังมีสำเนาต้นฉบับอยู่ ใบออเดอร์ที่แนบไปกับอาหารที่เด็กจะต้องไปเสริพ ใบนี้เด็กจะต้องแนบสลิปการจ่ายเงินของลูกค้าในกรณีที่เขาใช้บัตรเครดิต ถ้าลูกค้าจ่ายเป็นเงินสดเด็กต้องลงว่าเงินสดที่สำเนานั้นและสำเนาส่วนนี้เด็กต้องเก็บไว้ที่เครื่องคิดเงิน ซึ่งในตอนปิดร้านในแต่ละวันคุณต้องตรวจเช็คเอง ให้แม่ครัวและนายบิลไปทำความสะอาดและเช็คของว่ามีอะไรต้องซื้อเพิ่ม คุณต้องแยกว่าใครทำอะไร ส่วนเรื่องขึ้นราคาอาหารไม่เห็นด้วยเพราะคุณเพิ่งเปิดเดี๋ยวลูกค้าหนี้หมด ลดปริมาณอาหารจัดอาหารให้ดูน่ากินและสะดุดตา อีกส่วนคือลดต้นทุนส่วนอื่นๆ ส่วนคนที่มาใหม่ให้มาช่วย 3-5 วันแรกไม่มีการจ่ายเงิน เขาจะได้แต่อาหารและทิปที่ได้จากการเสริฟ. คุณดูการทำงานของเขาถ้าไม่พอใจ คุณไม่เสียอะไร ก็หาใหม่ไปเรื่อยๆ คิดว่าคุณต้องไปได้ดี แต่อย่าอารมณ์เสียเพราะมันทำให้ไม่มีสมาธิทำให้เรามองบางอย่างพลาดคะ หวังว่าข้อแนะนำเล่านี้คงมีส่วนช่วยได้บ้างไม่มากก็น้อยนะคะ จำไว้อย่างงานหนักเราอย่าทำ ให้คนอื่นทำ เรื่องเงินคุณคุมเองไม่ต้องไปสนใจนายบิลคะ
บุญไม่มีขาย ถ้าอยากได้ให้ทำเองคะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
น้ำฝน
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 34
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ม.ค. 18, 2006 5:15 am

โพสต์โดย มี๊หนูเม้เม » อังคาร มิ.ย. 20, 2006 5:58 am

ถึงยายหนู อย่าทำร้ายตัวเองเลยค่ะ มันไม่ได่ช่วยให้อะไรดีขึ้น แม่ตุ๊กเคยมีร้าน carry out ในดี.ซี. ก็คงจะคล้ายๆกับร้านของยายหนู ทำกันเองในครอบครัวเหมือนกัน ตอนแรกที่เปิดมีพ่อเลี้ยง แม่ และก็จ้างคน มีัญหาสารพัดเหมือนกันค่ะ ทั้งในครัว ทั้งข้างนอก เรื่องเงินสำคัญค่ะอย่าไว้ใจใคร ที่เครื่องคิดเงินมันจะมีกด full report ได้ตอนปิดร้านก็กดเช็คทุกวันสิค่ะ ว่ามียอดเข้าเท่าไหร่ตรงกับจำนวนเงินที่ได้มั้ย กลับบ้านก็ทำบัญชีเลยว่ารายรับ รายจ่ายวันนี้ได้เท่าไหร่ อย่าขึ้นราคาอาหารเลย เอาเป็นลดปริมาณลงก่อน ลองหาทางลดต้นทุนดูด้วย เช่น ถ้า้่ตลาดอยู่ไม่ไกลมากนักเราก็ไปซื้อของเอง แทนการสั่งให้มาส่ง เป็นต้น งานร้านอาหารทั้งหนักและเหนื่อย ช่วงหลังแม่ให้ตุ๊กับน้องชายไปทำงานด้วย เพราะมีปัญหาเรื่องเงินกับลูกจ้าง เห็นพ่อเลี้ยงทะเลาะกับแม่เกือบทุกวัน ตอนหลังก็ไม่มีคนงานหาก็ยาก ตุ๊กก็แต่งงานมีลูก น้องชายต้องเรียนต่อมหาลัย ก็บอกแม่ว่าปิดไปเถอะ ทั้งหนักและเหนื่อยไม่มีเวลากับครอบครัว
เท่าที่อ่านของยายหนูมาในตอนนี้ยังไม่คุ้มค่าเหนื่อย อาจจะเป็นเพราะร้านใหม่ ลองทำเมนูแจกตามบ้าน แล้วหาคนส่งdeliveryสิค่ะ ก็เป็นทางเพิ่มรายได้ด้วย เป็นกำลังใจให้นะค่ะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
มี๊หนูเม้เม
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 3
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 01, 2006 7:55 am

โพสต์โดย ยายหนู » อังคาร มิ.ย. 20, 2006 7:50 am

ขอบคุณเพื่อนๆมากเลย ยายหนูกลับเข้ามา ก็รีบอ่านเลย ตาลายเลยอ่ะ..

เรื่องซ๊อฟแวร์ดูเข้าท่าดีนะ แต่ยายหนูไม่มีความรู้อะไรเลย จบแค่ประถม 7 เล่นคอมเป็นก็บุญหัวแล้ว แค่ใช้โปรแกรมทำเมนูอาหารก็เล่นเอาจนแจ้งสว่างคาตาเลย...

คำแนะนำ ข้อคิด ของทุกคนดีๆทั้งนั้น ยายหนูจะต้องนำไปปฏิบัติแน่ เลือกเอาตามที่พอจะทำได้ คงจะต้องใช้แบบคนจีนสอนลูกให้ทำบัญชีการค้า ไม่ต้องเรียนสูงๆก็ทำได้(แต่ไปแบบเต่า)เคยเข้าไปดูโปรแกรม Bookeeping ดว่าเราน่าจะทำเองได้ ถ้าทำทุกวันเพราะร้านเราเล็ก คนงานก็แค่ 2คน

เห็นด้วยค่ะที่ว่าจะต้องหักค่าแรงของเราทั้งสองคนออกไปด้วย เพราะก็เท่ากับว่าเราเป็นคนงานคนหนึ่งของร้านเหมือนกัน เจ้าของร้านแค่ลงทุนแล้วก็เก็บกำไร สมควรจะต้องแยก...ค่าแรงก็ส่วนค่าแรง กำไรก็ส่วนกำไรคนละส่วนกัน ยายหนูเคยพูดกับคุณบิลแล้ว เขาฟังแล้วก็ทำเฉยๆ บางครั้งก็เบื่อ...

เราทั้งสองคนเป็นคนขี้เกรงใจ อย่างที่ว่านั่นแหละ ถ้าขึ้นราคาเกรงว่าจะหายหน้ากันไปหมด...ยายหนูมีไอเดียใหม่เพิ่งคิดได้วันนี้เอง เนื่องด้วยเป็นคนชอบปรับปรุงแก้ไขตลอดเวลา

เรื่องรสชาติของอาหาร ไม่ต้องเป็นห่วง มีเพียงแต่ว่าอาหารบางรายการฝรั่งไม่เคยเห็น เลยไม่กล้าซื้อ อย่างสะโพกหมูทอดกระเทียมพริกไทย เป็นอย่างพวกเราเห้นก็ต้องกิน แต่ฝรั่งเขาว่ามันแห้งๆ ไม่มีน้ำ แต่หมูพะโล้ซึ่งไม่คิดว่าจะขายได้กลับขายได้ขายดี ปอเปี๊ยะทอดน่าจะขายดีแต่คนที่ชอบกลับมีไม่กี่คน ตอนนี้ที่ขายเป็นหลักแบบขาดไม่ได้เลยก็มี
กลางวันซึ่งเป็นอาหารถาด
ปอเปี๊ยะสด
แกงเผ็ดไก่
ต้มข่าไก่
ผัดกะเพราหมูหรือไก่สับเผ็ดๆ
ผัดขิงไก่หรือหมู
ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมฯ
ไก่พีนัทซอส สูตรคุณทา
ผัดวุ้นเส้น
ผัดไทย
พะโล้(อะโดโบ้)สะโพกหมู น้ำขลุกขลิก (แต่ทำแบบลูกผสมไทย-ฟิลิปปินส์ ส่วนขาหมูต้มโค๊กสูตรคุณหมูแดง นั้นยังคาเตาอยู่เป็นเมนูพรุ่งนี้ คุณบิลชิมแล้วบอกว่าอร่อย
ซี่โครงหมูอบสัปปะรด (บางวันเท่านั้น)

แล้วก็จะเป็นเมนูพวกเต้าหู้กับเห็ดต่างๆ ซึ่งนั่นจะเป็นมื้อเย็นซะส่วนใหญ่

การรับคนที่ไม่ไช่คนไทยเข้ามาฝึกงานในครัว ไม่ไช่เรื่องง่ายๆเลย...ถ้าจะเปรียบเทียบกับการเรียนก็เหมือนเริ่มต้นที่ ก.ไก่ ทุกวันนี้อุษาซึ่งเป็นคนเนปาล ยังหั่นของได้ไม่ดีเลย เพราะการจับมีดและการเฉือนลงไปไม่เหมือนกัน สอนยากจัง ทำเราอารมณ์เสียด้วย..ยกตัวอย่างการหั่นไก่ ต้องหั่นตามแนวเส้นของเนื้อไก่ ถ้าหั่นตามขวางเวลาสุกเนื้อไก่มันจะขาดออกจากกันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยร่วนไม่สวย ส่วนหมูกับเนื้อต้องหั่นขวางเส้น...สอนก็แล้ว อธิบายก็แล้ว ทำให้ดูก็แล้ว วันที่สอนก็พอทำได้ดี วันรุ่งขึ้นก็กลับไปแบบฉบับของเข้าเอง นี่ฝึกกันมา สองเดือนแล้ว ยังไม่ไปถึงไหนเลย แถมยังมาโกงค่าตัวอีก คิดว่าเรารู้ไม่ทัน

วันนี้ อุษาขอคุยด้วยหลังปิดร้าน บอกว่า สามีเธอมาบอกว่าร้านอาหารจีนซึ่งเป้นเพื่อนกับสามีเธอ เสนอให้เป็นเงินเดือน เดือนละ 2,500 หยุดวันอาทิตย์ เหมือนกัน ยายหนูรู้ได้ในทันทีว่าเธอต้องการอะไร เลยสวนไปเลยว่า "ถ้าเขาให้อย่างนั้นก็ไปทำเลย แต่ถามเขาก่อนนะว่าจะให้ไปทำอะไร ไม่ไช่เขาคิดว่าเธอเป็นกุ๊กอยู่ร้านนี้นะ" อุษาบอกว่า แต่ฉันไม่ต้องการไป ฉันชอบเธอ ฉันคิดว่าเธอคือแม่หรือพี่สาวฉัน ฉันชอบอาหารไทยของเธอ" อ้าว...แล้วมาบอกทำไม ต้องการอะไรหรอ ฉันไม่เข้าใจ ยายหนูแกล้วถาม "ฉันอยากจะขอเธอ ให้ฉันเท่าที่เขาเสนอได้ไหม" ยาหนูเลยถามว่า นี่ขนาดยังปรุงอาหารเองไม่เป้นนะ ยังของขนาดนี้ ถ้าเก่งแล้วจะขนาดไหน ต้ดไฟแต่ต้นลม ฉันไม่แคร์ จะออกก็ออก ฉันหาคนใหม่ได้แค่ทำความสะอาด หั่นหมูไก่ ชั่วโมงละ7.50ก็มีคนมาสมัครแล้ว ไม่ต้องจ่าย 9เหรียญเหมือนอย่างเธอ ภาษาก็ฟังไม่รู้เรื่องพาให้ฉันประสาทตาม...ตกลง เธออยู่ต่อ...

เรื่องภาษี เมื่อปีที่แล้ว เราทำบัญชีว่าขาดทุน เลยไม่ต้องเสีย เพราะลงทุนไปเยอะมากหลายรายการ เล็กๆน้อยอ่ะ ดีดออกมาแล้วเงินทั้งนั้น....เห็นเขาว่าทำแบบนี้ได้แค่ 3ปีเท่านั้น ถ้ายังขาดทุนอยู่อีก เขาจะส่งคนมาตรวจ...

มี๊หนูเม้เม...ทุกวันนี้ยายหนูทำแบบไม่ได้หยุดเลยนะ 3-5โมงต้องปิดร้านหนีลูกค้า เพราะต้องเตรียมของไว้มื้อเย็น ลูกค้าโทรมาสั่งก็ไม่รับสาย เพราะหาเวลาทำไม่ได้เลย เมื่อวันศุกร์ 3โมงแล้วเปลี่ยนป้ายเป็นปิดร้านแล้ว ยังมีลูกค้าเดินเข้ามานั่งเฉยเลยอ่ะ เราก็ต้องต้อนรับ สักพักเดินเข้ามากันติดๆ จน 5โมงหั่นของไม่ทัน ปอเปี๊ยะก็ต้องห่อเอง ให้อุษาห่อก็ห่อไม่แน่นลูกค้าบอกไม่อยากได้ ให้ยายหนูห่อเอง เราจึงต้องออกกฏว่า 3-5โมงล็อคประตู และห้ามรับโทรศัพย์ และแจ้งให้ลูค้าทราบด้วย ก็มีงอนกันบ้าง เพราะเขาเลิกงานในช่วงเวลานั้น ต้องการสั่งอาหารกลับบ้าน เพราะซื้อจากเราคุ้มกว่าทำเองที่บ้าน เธอว่า

มื้อกลางวันเป็นอาหารแบบตักราดใส่กล่องโฟมหรือจานกระดาษ 11โมงถึงบ่าย 3โมงจะขายได้วันละประมาณ400-500 มื้อเย็นก็เป็นอาหารตามสั่งแบบทั่วไป ก็ขายได้พอๆกันกับกลางวัน แต่มื้อเย็นดูจะยุ่งมากกว่าเยอะ
ตอนนี้ยายหนูจะต้องรีบหาจุดที่จะต้องแก้ไข วันนี้ก็ได้ไอเดียมาคือ..

ปัจจุบันเราขายอยู่ที่ 7.95 ข้าวราด ถ้ากับข้าว 2อย่าง 8.95 แต่ปริมาณอาหารในจานนั้นเท่ากันนะ มื้อเย็น ผัดไทย 8.50 ถ้าข้าวราดกับ 9.50 ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นหมูกับไก่ ไม่มีอาหารทะเล ดูน่าจะได้กำไรดี แต่ทำไมมันได้น้อยจัง...ทีนี้ ไอเดียที่ว่า

จะปรับราคาขึ้นอีกนิดหน่อยเมื่อผ้าปูโต๊ะที่สั่งหลานสาวมาถึงเราจะจัดโต๊ะใหม่ให้ดูดีขึ้นและจะเปลี่ยนจากใส่จานกระดาษมาเป็น จานกระเบื้อง ในมื้อกลางวัน ทำเป็นอาหารชุดดูสะอาดน่ากินกว่าเดิม คิดว่าคงไม่มีลูกค้าตำหนิหรอก เพราะถึงอย่างไรก็ยังถูกกว่าร้านอาหารอื่นๆอยู่ดี ยกเว้นบัฟเฟ่ร้านจีน ถูกกว่าแต่รสชาติแย่(ลูกค้าบ่นให้ฟัง)
ในถาดจะจัดจานเปล่าไว้ให้ดูในช่วงแรกๆ ถ้าเวิร์ค จะถ่ายรูปติดให้ลูกค้าดูแบบแม็กโดนัล ถาดอาหารจะย้ายเข้าไปอยู่ในครัว
1,จานใบใหญ่ จะเป็นข้าว1ถ้วยหรือทับพี
2,จานเล็กขนาดจานรองถ้วย จะเป็นพวกผัด (เลือกเอาหนึ่งอย่าง)
3,ถ้วย จะเป็นต้มหรือแกง (เลือกเอาหนึ่งอย่าง)
ส่วนน้ำไม่รวม ต้องซื้อเอาเอง

วันนี้ยายหนูลองจัดถาดพร้อมอาหารดูแล้ว ดูน่ากินกว่าเยอะเลยค่ะ แต่บิลเกี่ยงเรื่องเก็บจานเช็ดโต๊ะใครจะเป็นคนทำ ยายหนูเลยบอกว่า ฉันทำเองได้ บิลเกรงว่าจะหนักเกินไปสำหรับยายหนู เพราะจะต้องคอยทำอาหารเติมในถาดเวลาว่างก็หั่นพริกหั่นหอมฯลฯไม่มีได้หยุด แล้วจะเอาเวลาตรงไหนมาทำ ยายหนูเลยว่า ถ้ามันยุ่งจริงๆ ก็เอากะละมังสำหรับใส่จาน ไปวางตรงถังขยะที่ลูกค้าเคยทิ้งจานกระดาษ แล้วเขียนว่า ขอบคุณ 555 (คิดเล่นๆอ่ะ) ไว้ถึงเวลานั้นก่อนค่อยว่ากันอีกทีเน้อะ....เพื่อนๆว่าไงล่ะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ยายหนู
แม่ไข่นกกระทา พ่อไข่จะละเม็ด
 
โพสต์: 2789
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.พ. 15, 2006 11:54 pm

โพสต์โดย ยายดา(ผ่าหมาก) » อังคาร มิ.ย. 20, 2006 8:36 am

ยายหนูเจอเหตุการณ์เดียวกันกับเพื่อนยายดาเลยค่ะ(ที่ย้ายไปอยู่อิปสวิช)
แต่ยายหนูยังโชคดีกว่า ที่อ่านออกเขียนได้แถมเล่นเน็ตเป็น และลุงบิลใจดีด้วย
เพื่อนดาเธออ่านไม่ออก-เขียนไม่ได้ เล่นเน็ตก็ไม่เป็นด้วยจ้ะ ต้องพึ่งสามีทุกอย่าง
เธอทำอาหารไทยขายตามงานแฟร์และคาร์บู้ทเซลส์ กำไรดีมากค่ะ แต่ก็ยังไม่วายมีปัญหาเรื่องเงิน?
เวลามีปัญหาทีรัย เธอก็จะถือแต่มีดแล้วขู่สามีว่าจะกรีดแขนตัวเองน่ะค่ะ(แต่ไม่เคยกรีดสะที)
และสามีเธอก็จะโทรฯเรียกแต่ตำรวจมาเคลียร์อย่างเดียวเลย บ่อยครั้งมาก
ยิ่งตอนก่อนที่จะย้ายไปนี่ สามีเธอโทรฯตามแต่เพื่อนคนไทยไปช่วยตลอด
ล่าสุดนี่โทรฯตามดาไปช่วยพูด ดาก็ได้แต่ไปนั่งฟังอย่างเดียว เพราะเป็นเรื่องเงินๆทองๆ(ไม่กล้ายุ่งล่ะ)
เลยได้แต่ปลอบใจ ไม่พูดอะไรมาก เดี๋ยวสามีเธอเรียกตำรวจมาอีกล่ะก็ เซ็งเลย
ใจนึงก็ไม่อยากไปฟังเรื่องผัวๆเมียๆหรอกค่ะ แต่ดากลัวสามีเธอเรียกตำรวจมา
แล้วให้เซ็นต์เอกสารบางอย่าง สุดท้ายแล้วรถหวอของรพ.จิตเวช ก็จะมารับตัวเธอไปน่ะค่ะ
เพราะมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับเพื่อนคนไทยที่นี่มาแล้ว!!! เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ3ปีที่แล้วนี่เอง

คือสามีเธอไปเที่ยวเมืองไทยแล้วไปเจอผู้หญิงคนใหม่ กลับมาแล้วก็คอยแต่จะหาเรื่องทะเลาะกับเมียทุกวัน
จนเมียเก่าประสาทเสีย ขึ้นเสียงโวยวายด่าทอเพราะเจอเรื่องไม่เป็นเรื่อง เลยหมดความอดทน
สามีเธอเรียกรถจากรพ.จิตเวช มารับไปเลยค่ะ หลังจากนั้นยังทำเรื่องฟ้องหย่า(หาว่าเมียประสาทเสียไปนู่น)
ดีว่าได้เพื่อนคนไทยและสามีที่เปิดร้านอาหารไทยอยู่ที่นี่ ไปเซ็นต์รับรองเอาเธอออกจากรพ.จิตเวช
เพื่อที่จะมาขึ้นศาลสู้คดีกับสามีเธอเองน่ะค่ะ ปกติคนที่จะรับรองเอาเธอออกมาได้มีแค่สามีเธอ
และบุคคลที่มีกิจการหลักฐานน่าเชื่อถือ และต้องมีสัณชาติอังกฤษด้วย(นับว่าเธอยังโชคดีอยู่ค่ะ)
ทุกวันนี้เพื่อนคนนี้เธอยังอยู่เมืองเดียวกับดานี่ล่ะค่ะ ส่วนสามีเธอหลังจากฟ้องหย่าเสร็จเรียบร้อย
เขาก็บินไปแต่งงานกับแม่ม่าย(ลูกติดสองคน)อยู่ที่เชียงใหม่ และเสียชีวิตไปเมื่อสามเดือนที่แล้วนี่เอง..

ดาว่าเรื่องเงินๆทองๆนี่เป็นเรื่องรองของสาเหตุน่ะค่ะ เรื่องจริงคงมาจากความที่เราเหนื่อย-เพลีย-ท้อใจ
สุดท้ายเลยไปลงที่เรื่องเงิน ยังไงก็ต้องหันหน้ากลับมาคุยกันใหม่ทีละเรื่องล่ะค่ะ
และให้ยายหนูรวบรวมเอกสารของพนักงานที่เรารับเข้ามา และออกไป(รวมทั้งสาเหตุ)ไว้ให้เป็นหมวดหมู่
เพื่อที่เราจะได้ใช้เป็นข้ออ้าง ในการขอวีซ่าให้ลูกชายมาช่วยงานได้ง่ายยิ่งขึ้นน่ะค่ะ
ไปหาหมอทุกครั้ง ไม่ว่าจะด้วยเรื่องเจ็บป่วยเล็กน้อยใดๆก็ตาม เก็บประวัติการรักษาเอาไว้ให้ดี
เพื่อใช้ยื่นเป็นหลักฐานพร้อมกันตอนขอวีซ่า ดามั่นใจว่าอีกไม่นานลูกชายยายหนูคงได้มาช่วยแม่แน่นอน

ป/ล ยายหนูเหนื่อยนักก็พักผ่อนมั่งนาคะ อย่างอนลุงบิลแกนักเลย(แอบเห็นใจลุงบิล อิอิ)
ส่วนแขนที่เจ็บและบวมนั่นก็ไปหาหมอเถอะค่ะ อย่านิ่งนอนใจเกิดอักเสบขึ้นมาล่ะแย่เลย
บอกหมอว่ายกของหนักแล้วพลาดตกมาทับมือตัวเอง จะได้มีเหตุผลของการป่วยเพิ่มยิ่งขึ้นไปอีก แหะๆๆ

หายไวๆนาคะเป็นกำลังใจให้เสมอล่ะค่ะ
<span style='font-size:13pt;line-height:100%'><i><span style='color:red'>~~คนที่ดังกว่าเรายังมี คนที่ดีกว่าเรายังเกร่อ~~ <br>~~อย่าข้ามเมื่อเห็นคนล้ม อย่าสมน้ำหน้าคนเซ่อ~~ <br>~~อย่าคิดว่าตัวเลิศล้ำ อย่าตามใจตัวเป็นใหญ่~~<br></span></i></span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
ยายดา(ผ่าหมาก)
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 25
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ม.ค. 18, 2006 6:16 pm
ที่อยู่: Sudbury,Suffolk,UK

โพสต์โดย bakerkitchen » อังคาร มิ.ย. 20, 2006 9:52 am

ป้อมเห็นด้วยกับพี่มุ้ยค่ะยายหนู การบริหารคนสำคัญมาก
ถ้าทุกคนเป็นงาน และรู้หน้าที่ของตน ปัญหาเรื่องหยุมหยิมกวนใจก็คงจะไม่มี
ตั้งแต่ติดตามเรื่องของยายหนูมา ป้ญหาเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์มาจากคน ไม่ใช่งาน
ยายหนูลองคุยกับคุณบิลอีกที อันที่จริงป้อมก็เห็นยายหนูคุยไปหลายทีแล้ว
แต่คุณบิลก็คงเป็นห่วงอยากช่วยยายหนูด้วยถึงต้องคอยเข้า ๆ ออก ในครัว
แกคงอยากแบ่งเบาภาระของคนอื่น เพียงแต่มันผิดหน้าที่ไปนิดเดียวเท่านั้น
หันหน้าคุยกัน ใจเย็น ๆ อย่าทำร้ายตัวเองอีกนะคะยายหนู ทุกคนรักยายหนู

ป้อม ดูไบ
<span style='color:orange'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'><span style='font-family:Optima'><b>*** ป้อม @ Dubai ***</b></span></span></span><br><img src='http://i76.photobucket.com/albums/j35/red2hose/Untitled.jpg' border='0' alt='user posted image' />
ภาพประจำตัวสมาชิก
bakerkitchen
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 186
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ เม.ย. 16, 2006 11:13 am

โพสต์โดย bunny » อังคาร มิ.ย. 20, 2006 11:26 am

มาให้กำลังใจยายหนูคะ เพราะว่าเพื่อนๆ ให้คำแนะนำดีๆๆทั้งนั้นคะ เรื่องชอฟแวร์ ที่เมืองไทยมีขายคะ เป็นของสำเร็จรูปคะ ง่ายๆ เป็นภาษาอังกฤษ และ ไทย ด้วยคะ ลองให้ ลูกยาย หนู หรือว่า ใครก็ได้ที่มีความรู้ด้านบัญชี ไปหาชื้อ ที่พันธุ์ทิพย์ ดูนะคะ ราคาไม่แพงคะ

สู้ต่อไปคะ นี้เพียงแค่เริ่มต้นแค่นั้นเอง จะเป็นกำลังใจให้คะ
<span style='font-size:14pt;line-height:100%'><span style='color:blue'>บางอย่างที่ว่าแน่นอน มันกับไม่แน่นอนเอาชะเลย อย่าคิดไรมากมาย อะไรจะเกิด มันก็ต้องเกิด ทำดีที่สุดในวันนี้ก็พอ</span></span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
bunny
แม่ไข่กุ้ง พ่อไข่ปู
 
โพสต์: 1650
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ม.ค. 19, 2006 9:12 pm

โพสต์โดย แพม » อังคาร มิ.ย. 20, 2006 2:08 pm

ยายหนู ใช้ถ้าเกิดทำการค้าแล้ว 3 ปีแล้วกิจการยังยื่นขาดทุนอยู่ทางสรรพากรจะส่งคนไปตรวจ อย่างที่เมืองไทยสรรพากรจะเข้าไปนั่งอยู่ในร้านแต่เค้าจะเลือกไปนั่งวันที่ลูกค้าเยอะๆอย่างวันศุกร์ วันเงินเดือนออก (วันพุธ วันกลางเดือนเค้าจะไม่ไป) แล้วเค้าจะขอตรวจบิลในร้าน(บิลเงินสด)แล้วเครื่องคิดเงินเช็คยอดตรงกันหรือเปล่า ทางสำนักงานบัญชี คือต้องทำหลักฐานให้ตรงกันกับหลักฐานที่สรรพากรเอาไป พวกร้านอาหาร จะมีสมุดบัญชีของเค้า แล้วทางเรา(สำนักงานตรวจสอบบัญชี จะต้องทำสมุดบัญชีเก็บไว้เพื่อยื่นภาษีต่างห่าง แล้วถ้าเกิดย้อนหลัง 5 ปี) คือทางสรรพากรเค้าจะเข้าไปนั่งนับชามกันเลย ฮิฮิ วันนี้คุณขายได้กี่ชาม แล้วคูณด้วยจำนวนวัน ถ้าหยุดวันอาทิตย์เดือนประมาณ 26 วัน ถ้าขายได้วันละ 100 ชามชามละ 10 ดอลลาร์ เท่ากับ 1000 ดอลลาร์คูณด้วย 26วัน เท่ากับ 26,000ดอลลาร์(ดีไม่คูณ 365 วัน)
คือเค้าถือว่าถ้าคุณขาดทุนทั้งหลายปีอย่านี้ แล้วคุณจะทำทำไม่ละ ความน่าจะเป็น ตอนที่แพมปิดงบบัญชีให้ลูกค้า(บางครั้ง make ยอดในอากาศ) คือปีแรกลงทุนมากขาดทุนอยู่แล้ว แถมกู้เงินจากสถาบันการเงิน ดอกเบี้ยเงินกู้ก็ถือว่าเป็นค่าใช้จ่าย ค่าจัดตั้งกิจการ พวกสินทรัย์(แอร์คอนดิชั่น โต๊ะ เก้าอี้ สารพัดอย่าง หักค่าใช้จ่ายได้ ตามอัตราส่วนต่อปี)
ยายหนูคนจีนเค้าจะสอนลูกให้ทำบัญชีการค้าใช้ลูกคิด(เรียกไม่ถูก) คือเค้าคิดถึ่งหลักความจริง แพมเองยังทึ่งเลย (ลูกค้าคนจีนมาก)แถวเยาวราช ตลาดเก่า (กรุงเทพ) ไชน่าเทาวส์ แล้วลูกเค้าเรียนสูงๆ คือใช้หลักง่ายๆแต่ก็ถูกต้อง คือใช้ประจำวันได้
ถ้าความคิดของแพม คือถ้าลดต้นทุนต่างๆได้จะดีมากเลย คือหรือทำรูปแบบที่ยายหนูทำ แบบแม็กโดนัล แบบkfc (เคเอฟซี่)ลูกค้าจะได้มีความรู้สึกว่ามีอาหารครบชุด แล้วตอนนี้ยายหนูก็ตั้งราคาไปเลย(เป็นสินค้าใหม่ตั้งราคาต้องรวมทุกอย่าง นะยายหนู )เงินเดือนของยายหนู กับคุณบิลก็ต้องมี(เพราะจะได้ถือเป็นค่าใช้จ่ายด้วย) แต่เมนูเก่าๆบอกจริงๆแพมไม่อยากให้ขึ้นราคากลัวลูกค้าหาย ลูกค้าอเมริกันเอาใจยาก ดูแต่สามีเรายังเอาใจยากเลย 555(นอกเรื่องด่าพ่อบ้านเสียหน่อยจ้า)
ยายหนูแพมขอร้องอย่าง อย่าทำร้ายตัวเองเดี่ยวเรื่องยิ่งไปกันใหญ่ ใจเย็นๆ ค่อยพูดค่อยจากัน ยิ่งใช้อารมย์แทนที่จะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ เดียวแก้ลำบาก ใจเย็นๆจ้า
ด้วย
ภาพประจำตัวสมาชิก
แพม
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 279
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ม.ค. 18, 2006 10:45 pm

โพสต์โดย ยายหนู » อังคาร มิ.ย. 20, 2006 4:18 pm

<span style='color:red'>"ที่เหลือให้เป็นกำไร แต่ต้องเหลือ 3 เท่าที่เราจ่ายไปถึงจะรอด ไม่งั้นเหนื่อยฟรีค่ะ"</span>
ทุกวันนี้ ขายได้ทั้งหมด ต้องการจะแบ่งเป็น 3ส่วน คือ
ส่วนที่1 ของที่ซื้อมาปรุงขาย
ส่วนที่2 บิลต่างๆรวมทั้งค่าแรง
ส่วนที่3 เป็นกำไร
ยายหนูก็ยังทำไม่ถึงเลย มองดูแล้วมันไกลมากยากที่จะทำได้ สมมุตินะคะว่าจะให้ได้กำไรขนาดนั้น จากเดิมที่ขายอยู่ 9.50จะต้องเพิ่มอีกเท่าตัวคือ จานละ 18เหรียญจึงจะให้ได้กำไร 3เท่าของ ต้นทุนที่จ่ายไปทั้งหมด(รายเดือน) <span style='color:red'><span style='color:green'>แล้วอย่างนี้ยายหนู สมควรจะทำอย่างไรดี ขอคำแนะนำด้วยค่ะ ไม่อยากจะประสาทกิน</span></span>

เงินที่ลงทุนไปไม่ไช่เงินสด แต่เป็นบัตรเครดิตทั้งหมด 8ใบ
เดี๋ยวออกไปร้านก่อนนะ เจอกันคืนนี้...
ภาพประจำตัวสมาชิก
ยายหนู
แม่ไข่นกกระทา พ่อไข่จะละเม็ด
 
โพสต์: 2789
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.พ. 15, 2006 11:54 pm

โพสต์โดย bunny » อังคาร มิ.ย. 20, 2006 6:11 pm

ยายหนูคะ บันนีว่า ถ้ายายหนูขึ้นราคา ลูกค้าร้านยายหนูต้องเสียไปส่วนหนึ่งแน่นอน บันนีคิดอย่างพี่แพมคะ เพราะว่าที่อังกฤษ หรือว่าที่อื่นในยุโรบ เค้าจะทำแบบ ตักให้ใส่จานให้ ลูกค้ายืนรอตรงนั้น แล้วเค้ายกไปจ่ายเงินเอง และยกไปกินเอง และเก็บเอง ไม่มีใครว่าสักคน แถมสะดวกด้วย และที่สำคัญเราไม่ต้องจ้างคนมาเก็บโต๊ะ เดินเสริฟ ...ปริมาณอาหารควรจะลดลง ไม่ควรเยอะเกินไป ถ้าลูกค้ากินแล้วห่อกลับแสดงว่ายายหนู ให้เยอะมากๆๆ การทำอาหารแบบข้าวแกง อย่างยายหนู อาศัยการขายเอาปริมาณเยอะคะ ถึงจะได้กำไร

ถ้าคิดกำไรให้ได้ 3 ส่วน อย่างเพื่อนแนะนำ มันสายแล้วคะ เพราะว่ายายหนูตั้งราคานี้ตั้งแต่เริ่มต้น คงจะยาย นอกจาก สิ้นปีนี้ไป ปีใหม่ ยายหนูค่อยขยับราคาขึ้นจะดูดีและมีเหตุผลคะ อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวคะ ลองฟังเพื่อนคนอื่นดูนะคะ ยายหนู เป็นกำลังใจให้คะ
<span style='font-size:14pt;line-height:100%'><span style='color:blue'>บางอย่างที่ว่าแน่นอน มันกับไม่แน่นอนเอาชะเลย อย่าคิดไรมากมาย อะไรจะเกิด มันก็ต้องเกิด ทำดีที่สุดในวันนี้ก็พอ</span></span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
bunny
แม่ไข่กุ้ง พ่อไข่ปู
 
โพสต์: 1650
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ม.ค. 19, 2006 9:12 pm

โพสต์โดย สาวน้อยในเทือกเขาร็อคกี้ » พุธ มิ.ย. 21, 2006 12:43 am

อย่างที่พี่บันนี่ว่า ทำเป็นแบบ self-service ก็ดีนะคะ จะได้ไม่ต้องจ้างคนเสริ์ฟ เพียงแต่ต้องคอยตามเก็บจาน
<a href='http://rockiesgirl.blogspot.com/' target='_blank'>พาเที่ยว พาชิม By Rockies Girl</a><br>
ภาพประจำตัวสมาชิก
สาวน้อยในเทือกเขาร็อคกี้
แม่ไข่ดาว พ่อไข่เจียว
 
โพสต์: 475
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 20, 2006 8:11 am

โพสต์โดย น้ำฝน » พุธ มิ.ย. 21, 2006 3:14 am

ก็อย่างคุณแพมว่าเมนูเก่าเราก็คงราคาไว้ก่อนแต่ลดปริมาณอาหาร แล้วเอาเมนูใหม่เข้ามาสักอาทิตย์หรือ2 อาทิตย์แล้วจึงลบเมนูเก่าออกไป.

ส่วนใหญ่เมืองที่ดิฉันอยู่ ผัดไทยมื้อเย็น ถ้าเป็นไก่นะ 14 เหรียญ กุ้งเพิ่มเป็น 14.99 ทำนองนี้คะ แต่โดยถั่วเฉลี่ยจะอยู่ราวๆ 14.99 -18.99 เหรียญคะ ยกเว้นโป๊ะแตกกับอาหารที่เป็นเซ็ท.

โปรแกรมที่ดิฉันบอกไม่จำเป็นต้องใช้กับคอมฯแต่มันสามารถใช้ได้กับเครื่องคิดเงินคะ ไม่อย่างนั้นพวกบริษัทพิชซ่าคงเขาคุมคนไม่ได้หรอกคะ ร้านพิซซ่าเขาใช้ตัวนี้คะ เดี๋ยวจะลองค้นหาดู. แต่ที่รู้เมืองไทยมีโปรแกรมการจัดการร้านอาหารซึ่งมันรวมถึงสั่งอาหารและคอนโทรของที่เราต้องซื้อในแต่ละวันด้วย.
บุญไม่มีขาย ถ้าอยากได้ให้ทำเองคะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
น้ำฝน
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 34
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ม.ค. 18, 2006 5:15 am

โพสต์โดย kitty » พุธ มิ.ย. 21, 2006 3:26 am

น่าเห็นใจยายหนูนะคะ ท่าทางเหนื่อยจังเลย แต่ต้องสู้นะคะ ไม่มีอะไรยากเกินกว่าความสามารถหรอกค่ะถ้าเรามีความตั้งใจ อยากส่งตัวอย่างการปิดบัญชีกำไร-ขาดทุนแบบง่ายๆ ไปให้ดูค่ะ แต่ขอเวลาหน่อยนะคะเพราะต้องให้น้องที่ทำงานเก่าส่งไฟล์มาให้ค่ะ ยังไงๆ ก็ขอเอาใจช่วยนะคะ EM134
ภาพประจำตัวสมาชิก
kitty
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 68
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร มิ.ย. 13, 2006 2:52 pm

โพสต์โดย kitty-sumo » พุธ มิ.ย. 21, 2006 8:17 am

พี่ยายหนู เป็นกำลังใจให้ค่ะ งานทุกงานก็เหนื่อยด้วยกันทั้งนั้นแหละค่ะ แอนว่าพี่กับแฟนเหนื่อยบางทีก็มีอารมณ์แต่อย่าเก็บอารมณ์ไว้นาน ๆ นะค่ะ มันจะพาลให้หมดกำลังใจ บางที่ความละเอียดอ่อนผู้ชายมองไม่เห็น แต่ผู้หญิงจะมีมากกว่า แอนก็เป็นค่ะเวลาทำงานหนัก ๆ ก็มีปากเสียงกับแฟน น้อยใจบ้างบางครั้ง แต่จะให้เขามาเห็นข้างในเราก็เป็นไปไม่ได้ เราก็ต้องปรับให้น้อยลงเพื่อไม่ได้เสียงาน เพราะทุกคนก็เหนื่อยเหมือนกัน
เรื่องธุรกิจ เรื่องราคาที่พี่ยายหนูอยากขึ้น ถ้าคิดว่าที่ร้านขายถูกและปริมาณอาหารมาก ก็ลงเพิ่มราคาดูแต่ค่อย ๆ เพิ่มนะค่ะ และดูว่าลูกค้าจะว่ายังไง ถ้าลูกค้าโอเค ก็ยืนที่ราคานั่นไปก่อนแล้วดูความเปลี่ยนแปลงว่าได้กำไรมากขึ้นหรือเปล่า ส่วนปริมาณอาหารถ้ามันมากเกินความจำเป็นพี่ก็ลดลงมาสักหน่อยแต่ให้ดูไม่น่าเกลียด อันนี้ไม่มีใครรู้หรอกค่ะว่าปริมาณที่เหมาะสมอยู่ตรงไหน ต้องลองผิดลองถูกค่ะ เพราะถ้าราคาถูกแล้วให้เยอะพี่ก็เสียวัสดิบโดยเปล่าประโยชน์ในการปรุงอาหาร เสร็จแล้วถ้าลูกค้าทานไม่หมดแล้วไม่นำกลับบ้านก็ต้องทิ้ง ถ้าเอามาร่วม ๆ กันก็คงปรุงอาหารจานอื่นได้อีกแถมยังได้รายได้เพิ่ม อันนี้ไม่ได้หมายความเอาของเหลือมาปรุงนะค่ะ แต่หมายความถึงลดปริมาณวัสถุดิบหรืออาหารลง เพื่อสามารถเก็บไว้ทำอาหารอย่างอื่น แอนเห็นด้วยกับคุณมุ้ยค่ะ การหารายได้เพิ่มโดยการนำพวก ซอส หรืออาหารบางอย่างมาขายในมุมหนึ่งของร้านก็น่าสนใจค่ะ แต่ว่าพี่ยายหนูต้องให้ความรู้กับลูกค้านะค่ะ เพราะซอสบางอย่างลูกค้าทราบแต่ไม่ทราบว่าใช้ปรุงอาหารอะไรได้บาง ซอสบางขวดสามารถปรุงอาหารได้หลายชนิด อย่างนี้ลูกค้าคงชอบติดใจในบริการ เพราะได้ความรู้ติดตัวไป แต่จะให้ลูกค้าปรุงได้อร่อยเท่าพี่คงไม่ได้ยังไงเขาก็จะกลับมาใช้บริการ หรือพี่ลองเปิดสอนอาหารไทยดูสิค่ะ แบบว่าใช้วันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันหยุด เปิดสอนเมนูง่าย ๆ แต่อันนี้บางทีอาจมีส่วนกระทบบ้างกับธุรกิจร้านอาหาร เพราะถ้าลูกค้าทำทานเองก็อาจไม่มาทานที่ร้าน แต่พี่ขายรสชาติก็ไม่น่ากลัวค่ะ ส่วนเรื่องของการลงบัญชี พี่ยายหนูต้องลงบัญชีทุกวันนะค่ะ แอนก็ไม่มีประสบการณ์ด้านร้านอาหารแต่คิดว่ามันเป็นบัญชีที่ยุบยิบค่ะ เฉพาะฉนั้นไม่ควรเก็บเอาไว้ลงที่เดียวเพราะเราจะลืมบางรายการได้ ทำบัญชีกำไร-ขาดทุนแบบง่าย ๆ ก็ได้ค่ะ อย่างน้อยควรแยกหมวดหมู่ของค่าใช้จ่ายกับรายได้ให้ได้ก่อน (อันนี้แอนใช้ในธุรกิจที่แอนทำง่ายเวลาคิดดีค่ะ ) ตัวอย่างเช่น

<span style='color:red'>ค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายประจำ ไม่มีขึ้นลง :</span> ค่าเช่าร้าน ,เงินเดือน ,ค่าขยะ(อันนี้ที่ฝรั่งเศสต้องเสีย) ที่อเมริกา ไม่ทราบค่ะ
<span style='color:red'>ค่าใช้จ่ายที่ไม่ประจำ</span> ก็ประมาณดูแบบคราว ๆ ก่อนก็ได้ค่ะ พอบิลมาก็เอามาเทียบกับของจริง : ค่าน้ำ - ค่าไฟ , เงินเดือนลูกจ้างไม่ประจำ
<span style='color:red'>ส่วนค่าใช้จ่ายพวกวัสถุดิบที่ใช้ประกอบอาหาร</span> อันนี้ต้องประมาณค่ะ พวกซอส เกลือ ใช้การประมาณว่าเดือนหนึ่งเราจะใช้ประมาณเท่าไหร่ พี่ต้องลองเทียบแต่ละเดือนว่าค่ากลาง ๆ ประมาณเท่าไหร่ อันนี้กะแน่นอนไม่ได้ค่ะ
<span style='color:red'>ส่วนผัก</span> เนื้อ ไก่ ฯลฯ ก็ลงตามจริง ทุกวันที่ซื้อค่ะ
<span style='color:red'>จากนั้นก็มาเทียบกับรายได้ที่ได้ในหนึ่งเดือน</span> อย่าลืมเงินเดือนทั้งสองคนนะค่ะ ถ้าไม่เอาเงินเดือน จะทำให้รัฐได้ภาษีมากขึ้น ฮา ฮา เหมือนทำงานให้รัฐเลย อันนี้เป็นความคิดแอนเองค่ะ งกม่ะ แอนว่าแค่นี้พี่ก็คงได้ไอเดียนะค่ะ และไม่ยากด้วยค่ะ หรือทางที่ดีทำฟอร์มค่าใช้จ่าย-รายได้เอาไว้ แค่เอาตัวเลขใส่ เพราะทุกเดือนรายการถ้าไม่ต่างกันมากก็ง่ายและรวดเร็วค่ะ
<span style='color:blue'>ยังไงก็เป็นกำลังใจให้สู้ ๆ นะค่ะ อย่าเพิ่งน้ำมันหมดก่อนค่ะ พี่เป็นหญิงเหล็กอยู่แล้ว</span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
kitty-sumo
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 120
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 24, 2006 6:13 pm

ย้อนกลับต่อไป

ย้อนกลับไปยัง คุยกันเจ๊าะแจ๊ะ

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน