เตือนเพื่อน ๆ พี่ ๆ ที่เข้าพักที่โรงแรมแุถวสุขุมวิทย์

[ansan]

อัญเคยเจอเหมือนกันค่ะ ที่โรงแรม The park Hotel เหมือนกับพี่ปา
ตอนที่กลับเมืองไทยครั้งแรก ลงเครื่องที่ดอนเมืองแล้วก็เข้าพักที่โรงแรมนี้
พอเอากระเป๋าไปเก็บ ก็เวลา ประมาณ สองทุ่มกว่าๆ แล้วก็
ออกจากห้องเพื่อไปกินข้าว จำได้ว่า ออกจาก ห้องแค่ ชั่วโมงกว่าๆ
มากินอาหารที่ห้องอาหารของโรงแรม แล้วก็กลับขึ้นไป และไม่เคยออกจากห้อง
อีกเลย พอถึงเช้า
แฟนก็เช็คเอ๊าซ์ ตอน 9 โมง พอกลับมาถึงญี่ปุ่น สิ้นเดือน ปรากฏว่า สลิปเครดิต
แพงมากคิดเป็นเงินไทย ประมาณ 250,000 บาท
แฟนก็งงค่ะมาได้ไง เพราะว่า แฟนเพิ่ง ทำบัตรเครดิตใบใหม่ และไม่เคยใช้ที่ไหนเลย
จะจ่ายแค่ค่าโรงแรมที่ The park Hotel ที่แรก และที่เดียวเท่านั้น
เพราะอันกับแฟนชอบใช้เงินสดมากว่า
ก็เลยโทรไปที่บริษัท ของบัตรว่าทำไม่ ยอด ออกมาแพงขนาดนี้ เค้า ก็บอกว่างง
เหมือนกันที่ยอดออกมาแพง เพราะแฟนเพิ่งทำได้แค่ วันเดียวแล้วมาที่เมืองไทย
ทางเค้าก็เลยตรวจสอบค่ะ ว่าถูกใช้ที่ไหน เค้าบอกว่า ญี่ปุ่น
แล้วก็บอกวันเวลา ต่างๆ ที่เครดิตถูกใช้ไป บังเอิญว่ามันตรงกับ วันที่แฟนยังอยู่ที่
เมืองไทย จำได้ว่าตอนนั้น อยู่เมืองไทย กันวันที่ 12-20 ธันวาคม เข้าพักที่โรงแรม
วันที่ 12 แล้วกลับบ้านต่างจังหวัด และ ขึ้นเครื่องกลับวันที่ 20 ตอน 24.21 นาที
แล้วบัตรก็ถูกใช้เมื่อ วันที่ 15-16-18 ธันวาคม
แฟนก็เลยบอกทางบริษัทว่า ตอนนั้นยังอยู่ที่เมืองไทย อยู่ จะใช้ที่ญี่ปุ่นได้ยังไง
อีกทั้งตอนอยู่เมืองไทย ก็สามารถเช็ครายชื่อ และเวลากลับ ญี่ปุ่นได้ที่สนามบิน
ดอนเมือง ทางบริิษัท เค้าก็เลย ตรวจสอบ หลักฐานต่างๆ ก็ตรงกับความเป็นจริง
ทางบริษัทก็เลยยกเลิกหนี้ให้ และแฟนก็เลยระงับบัตรเครดิตใบนี้ไปเลย

[ansan]

คุยกันกับเพื่อนๆ ก็มีหลายโรงแรมนะ ส่วนใหญ่จะอยู่แถวสุขุมวิท

ไม่อยากพูด ชื่อโรงแรมอะคะ บอกได้แค่ว่า จะ อยู่ แถว สุขุมวิท

ซอย 5-6 และเป็นโรงแรมที ใหญ่มาก หลาย โรงแรมเหมือนกัน

[kookmartin]

พี่ปา คุณอัญ โชคดียังไม่เคยไปพักแถวสุขุวิทค่ะ แต่มีแบบนี้น่ากลัวนะค่ะ ภาพพจน์ประเทศและอื่น ๆ อีกหลายด้าน กุ๊กอ่านแล้วกลัวค่ะ ไม่อยากเจอและไม่อยากโดนเอาเปรียบแบบนี้เลย คดีนี้น่าจะเอาโทษให้ถึงที่สุดนะค่ะ ทั้งเจ้าของโรงแรมและพนักงาน ถือว่าละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ปลอมแปลงบัตรเครดิต เอาให้เป็นคดีตัวอย่างไปเลย เจ้าของโรงแรมด้วยจะได้จัดระเบียบพนักงานให้เคร่งครัดขึ้น พี่ปากุ๊กรออ่านความคืบหน้านะพี่

[ไอติม]

ขอคุณมากเลยค่ะ ต่อไปจะได้ระมัดระวังเกี่ยวกับการใช้บัตรเครดิต
เป็นประโยชน์มากเลยค่ะ

[pimlapas]

น่าทำเป็นคดีตัวอย่างจริง ๆ หากน้องอัญ เคยเจอมาและเป็นโรงแรมเดียวกันคือ The park Hotel
มันต้องมีพนักงานที่ทำแบบนี้กับแขกที่มาเข้าพัก ต้องเอาเรื่องให้เข็ดและเจอคุกเท่านั้นค่ะ

เพราะพวกเราไปใช้บริการ เลี่ยงไม่ได้เลยที่จะต้องให้เค้าเอาบัตรของเราไปรูด เพราะเรารูดด้วยตัวเองไม่ได้นี่นา
หากจะคิดว่าระวังตัว เราจะระวังการก๊อปปี้บัตร ได้อย่างไรกัน อย่างนี้ต้องเลิกใช้บัตรเครดิตถึงจะปลอดภัยจ้า เราจะระวังได้ต่อเมื่อเราเจอ บิลค่าใช้จ่ายตอนเช๊คเอ้าท์ออกจากโรงแรมเท่านั้นเอง ส่วนเงินค่าจากการโดนก๊อปอย่างกรณีของน้อง ทั้งสองคน เราระวังไม่ได้เลยจริงมั้ยน้องเอ่ย อย่างนี้ต้องพึ่งกฏหมายเท่านั้นค่ะ โรงแรมต้องโดนเป็นอันดับแรกเลยล่ะ

พวกเราก็คงต้องใช้เงินสดกันให้มากหน่อย และเลี่ยงการใช้บัตรเครดิตกัน แต่คงจะไม่สะดวกแน่นอนนะ เพราะใครจะพกเงินสดกันที่ละมาก ๆ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในระหว่างที่เราอยู่เมืองไทยน่ะค่ะ
น่ากลัวมากเลย จะเอาเรื่องยื่นให้ตำรวจสอบดีมั้ยค่ะ หรือคิดกันว่าไง หากเป็นในบางท้องที่ หรือบางประเทศ เรื่องนี้ ต้องถึงมือ FBI เลยนะคะเนี้ย เพราะร้ายแรงมาก ๆ

[kitty]

<span style='color:blue'>คุณปาคะ</span> ทางโรงแรมต้องรับผิดชอบในเบื้องต้นค่ะ ถ้าสามารถตรวจสอบว่าสาเหตุมาจากโรงแรม เรายืนยันได้จากใบแจ้งหนี้บัตรเครดิตว่าเราใช้ที่ไหนบ้าง จะดีใหญ่ถ้าก่อนและหลังจากที่ไปใช้ที่โรงแรมไม่มีรายการใช้ทั่วไป แต่มีรายการที่ถูกแอบไปใช้ โดดขึ้นมาจำนวนมากอย่างเห็นได้ชัดเจน เพราะพวกโกงมันไม่ห่วงเรื่องจำนวนอยู่แล้ว หลังจากนั้นก็เป็นเรื่องของโรงแรมที่จะไปดำเนินการกับพนักงานของเค้า แต่ก็เข้าใจว่ามันจับตัวได้ยาก มันไม่เหมือนโจรที่ขโมยทรัพย์สินธรรมดาที่มีหลักฐานคาหนังคาเขา พวกที่มันทำเพราะมันรู้ช่องทางและช่องโหว่น่ะค่ะ
อย่าว่าแต่โรงแรมเลยค่ะ ที่ไหน ๆ ก็อันตรายที่จะใช้บัตรเครดิตถ้ามีคนที่จ้องจะทำ ทั้งร้านค้า ร้านอาหาร ปั้มน้ำมัน ฯลฯ ทางที่ดีพกบัตรเอทีเอ็มที่กดเงินได้ทั่วโลกดีกว่ามั้ยคะ ปลอดภัยสบายใจกว่ากัน

[Daniel UK]

ยังไม่ได้เรื่องอะไรเลยค่ะ
แต่เมื่อวานมีโทรทางไกลจากเมืองไทยเข้าเบอร์บ้าน
(ตอนบ่ายปาไปทำงานส่วนสามี คงหลับนะคะ )
ฝากข้อความไว้ แต่ฟังไม่ออกว่าพูดอะไรบ้าง
แ่ต่คิดว่าไม่ใช่คนทางบ้านปาแน่นอน เพราะเป็นเสียงผู้ชาย( ที่บ้านไม่ค่อยโทรมา ถ้ามีก็พี่สาวซึ่งจะโทรเข้ามือถือมากกว่า) ส่วนเมล์ก็ไม่เห็น คงต้องรอสักพักหล่ะค่ะ ถ้ายังเงียบไป สามีก็จะจัดการเอง

ส่วนเรื่องมินิบาร์ที่ว่า นะคะ
อันนี้ไม่ใช่จากโรงแรมนั้น แต่ปาเจอกับตัวเอง โซดา กับน้ำอัดลมกระป๋อง พร้อมน้ำขวดที่ต้องเสียตังส์
วันสุดท้ายที่เช็คเอาท์ออก กลับมีบิลพวกนี้มา อันนี้เถียงเต็มที่ค่ะ เพราะปาไม่ดื่มน้ำอัดลมอยู่แล้ว เหล้าหรือเบียร์
ถ้าจะดื่ม ดื่มก่อนเข้าพัก ส่วนน้ำดื่มก็จะดื่มที่เค้าให้สองขวด และก็จะซื้อมาตุนเป็นโหล เพราะดื่มเยอะมาก
ทางโรงแรมก็เถียงค่ะ เพราะเค้าเจอกระป๋องเปล่า และขวดน้ำหล่นอยู่ใต้เก้าอี้ บางอันก็อยู่ในห้องน้ำ
เราก็เถียงอีกว่า เราไม่ใช่คนชุ่ยขนาดนั้น ทุกครั้งที่ใช้ของหรือทิ้งของจะลงถังขยะหมด
หรือไม่ก็เก็บเข้าที่เดิม แถมก่อนออกจากห้องก็เช็คทุกครั้งว่าลืมอะไรบ้าง บางทีเดินเข้าออกสองสามรอบ
เพื่อความแน่ใจ สืไปสืบมา เป็นแม่บ้านค่ะ ที่ืำืำทำแบบนี้ เค้าแอบหยิบเครื่องดื่มออกไปแล้วเอาขวดเปล่ามาสวมรอย
ทำมาหลายห้อง หลายครั้งแล้ว แต่ไม่มีใครติดใจ เพราะคิดแค่ว่าคงดื่มไปจริงๆ
แต่ดันมาเจอปา ซึ่งถามว่าเป็นคนรอบคอบไหม ค่อนข้างจะรอบคอบมากค่ะ
ไม่ใช่ว่างกอะไรหรอกค่ะ แต่ เราอยู่เมืองไทยหลายวัน ค่าใช้จ่ายมันสูง
และปากับสามีก็ไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกัน ต่างคนต่างไป เจอกันก่อนบิน วันสองวันเท่านั้นเอง
แล้วเรามีลูก เราจะดื่มหรือทำอะไรจนจำไม่ได้ขนาดนั้นเลยหรือ
จนเราต้องขู่นะคะ เค้าถึงยอมรับสารภาพ และอีกอย่างปามีเพื่อนคนไทยไปพักด้วย ก็เลยมีพยานรู้เห็น

ราคาก็ไม่มากมายหรอกค่ะ แต่จะให้เราต้องมารับภาระในสิ่งที่เราไม่ได้ทำนั้น เราไม่ยอมค่ะ
ก็อยากเตือนเพื่อน ๆ นะคะ คนไทยเข้าพักอาจจะไม่ค่อยเจอปัญหาเหล่านี้
แต่เมื่อเราเข้าพักกับสามีคนต่างชาติ บางที่บางแห่งมักจะสวมรอยเพราะคิดว่าคนต่างชาติไม่ใส่ใจเรื่องเล็ก ๆ น้อยๆ

แล้วจะมารายงานผลนะคะว่าคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว

[จ๊อก]

ข่าวแบบนี้ไม่ใช่แค่ที่โรงแรมนะคะ ระวัง!!! !!!ตามห้างร้าน และร้านอาหารด้วยค่ะ
เมืองไทยทุกวันนี้ น่ากลัวจัง ความปลอดภัยในทุกอย่างมีน้อยมาก
ป้าแก่แล้วป้ายังกลัวเลยค่ะ EM183

[nushanarthunt]

ขอบคุณ คุณปามากๆ น่ะค่ะ
สำหรับคำเตือน เพราะเวลาหนิงกลับไปเมืองไทย หนิงก็ชอบใช้การ์ดเป็นประจำ ไม่ว่าจะซื้อของหรือใช้ตามร้านอาหาร หนิงคิดว่าหนิงได้คำเตือนดีๆ จากคุณปามากเลยค่ะ ต่อไปคงจะต้องระมัดระวังยิ่งๆ ขึ้น

[Daniel UK]

สามีบอกว่า ทางโรงแรมเงียบไปเลยค่ะ ไม่มีการเมล์ตอบกลับมา แต่เรื่องของบัตรเครดิตนั้น ทางบัตรเค้าทำบัตรใหม่ให้สามีแล้วละึค่ะ บัตรเก่านั้นยกเลิกไปเลย และทางเราก็ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในตรงนี้

ตอนนี้สามีส่งเมล์เกี่ยวกับโรงแรมที่ว่าไปตามเวบไซต์ของบริษัททัวร์ที่เค้าติดต่อประจำแล้วละค่ะ และก็เมล์ไปที่โรงแรมทุกวัน จนกว่าเค้าจะตอบกลับมา และก็เมื่อถึงเวลาเดินทางไปเมืองไทยครั้งหน้า ก็จะนำหลักฐานทุกอย่างที่มีไปแจ้งความ และลงหนังสือพิมพ์ที่เพื่อนเค้ารู้จัก อ้อ ตอนนี้ก็เมล์ไปหาเพื่อนให้ช่วยลงเรื่องนี้ให้ด้วย แต่ไม่รู้ว่าจะได้เรื่องแค่ไหน

เค้าบอกว่าไม่อยากได้เงินคืน หรืออะไรทั้งนั้น แต่อยากให้ทางโรงแรมรอบคอบและรับผิดชอบมากกว่านี้ อยากให้กรณีเค้าเป็นกรณีตัวอย่างที่จะนำคนผิดมาลงโทษ หรือไม่ก็อย่าให้มีคนประเภทนี้ทำงานที่นี่ เพราะคนทำอาจลอยนวล แต่ทางโรงแรมเองที่จะเสียชื่อและเสียหาย

แล้วจะมารายงานผลเรื่อย ๆ ค่ะ

[MaeHongSon]

โอ้ย คนพวกนี้ี้มันทำไหมชอบเอาเปรียบคนอื่นจังเลย ไม่รู้จะพูดจะใช้คำอะไรกับพวกเขานะมันถึงจะได้สะใจ กับพวกมารร้ายคนพาลของสังคม นึกถึงสภาพที่เจอบิลแล้วก็โมโหแทนนะคะ เราไม่ได้ซื้อได้ใช้แล้วมาเรียกเจ็บเงินจากเรา

เรื่องการใช้บัตรเครดิต พ่อบ้านจะย้ำเสมอให้ระวังมากๆ (ที่บ้านจะไม่ค่อยพกเงินสดกันค่ะ เวลาไปเมืองไทยก็้จะพยายามใช้บัตรเสมอ เพราะคิดว่าไม่อยากถือเงินสดว่ามันไม่ปลอดภัย จะถือก็แค่เล็กน้อยมาก เผื่อหิวก๋วยเตี๋ยว ส้มตำขึ้นมาจะได้ซื้อกินบ้าง
แต่ไม่ว่าจะเป็นการ ใช้เงิน หรือใช้บัตรก็มีทั้งข้อดี ข้อเสียเนาะ จะเล่าเรื่องการใช้บัตรที่บ้านให้ฟัง เมื่อ8 ปีที่แล้วตอนไปเมืองไทยไปซื้อของที่ห้างแห่งหนึ่งในเมืองเลยนะ จะจ่ายเงิน คนขายของเงินสด เราบอกว่ามีไม่พอ ใช้บัตรได้ไหม (ตอนนั้นคือเป็นการใช้บัตรครั้งแรกและใหม่สำหรับเรา(คือก็เห็นเครื่องหมายบอกรับบัตรไงถึงได้เข้ามาซื้อ หมายถึงบัตรของวีซ่า คนรับเงินรูดบัตรไม่เป็น เลยไปตามผู้จัดการ พร้อมกับถือบัตรเราไปด้วย แฟนก็ทำหน้างง ว่าเกิดอะไรขึ้น แกก็รีบเดินตามเขาไปก่อนเรา แล้วกวักมือเรียกเราตาม และถามว่าเขาทำอะไร
เพราะแกฟังไม่รู้เรื่อง ตอนนั้นเราก็โมโหนะว่าถามทำไมเขาจะไปรูดบัตร แต่มารู้ภายหลังแฟนอธิบายให้ฟังเรื่องข้อเสียและความน่าจะเกิด ก็คือแบบที่คุณปาเล่านั่นล่ะ เราจะต้องตามเขาไปทุกที่ ที่เขาจะรูดบัตรเรา และต้องตรวจและเช็คของตามเขาเวลาเขาเราจะจ่ายเงิน เคยมีคนแอบก๊อปปี้บัตร

จริงๆคนขายคนนั้นเขาก็คงไม่ได้มีเจตนาไม่ดีหรอกนะ แต่แฟนเราเคยเกือบโนมาแล้ว ที่ในกรุงเทพฯ จำไม่ได้ว่าที่โรงแรมหรือที่ไหนนี่ล่ะ เดี๋ยววันหน้าถามแกอีกจะมาบอกว่าที่ไหนวันนี้ดึกมากแล้ว) คือแกจะจ่ายเงินนั่นล่ะ เขารูดบัตรแกไปแล้ว แต่ทำเป็นว่ารูดไม่ได้ไม่ติดตั้งหลายครั้ง พอยื่นสลิบให้แกเซนต์ แกเลยถามว่าแล้วนั่นกระดาษอะไร ทำเป้นยึกๆหยักๆจะมไ่ให้ดู แกเลยพูดขึงขัง เอาจริงเอาจังแล้วเขาเลยยื่นมาให้ดู เป็นอันว่าเล่นไม่ซื่อ แกดมโหมากแต่ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ฉีกทิ้ง และเซนต์ให้แค่ใบเดียว ทำเป็นไม่พอใจให้แกด้วย เขาคงคิดว่า เกลียดนะอีตานี่รู้ทันเกมส์โกงของเรา นั่นล่ะตั้งแต่นั่นมาแกเลยได้ประสบการณ์ จากนั่นเราก็เอาตามไม่โกรธแล้วที่เขาบอกให้ตามบัตรไปเวลาเขาไปรูด หรือคนรูดทำเป็นรูดบัตรไม่ได้ แกจะขอเขารูดเองเลย

และที่สำคัญนะคะ อยากจะแนะนำเพื่อนๆ ที่เข้ามาอ่านมาเจอกระทู้นี้ หรือผู้ที่ใช้บัตรเครดิตทั้งหลาย บางคนอาจจะรอบคอบดี บางคนอาจจะไม่รู้ เพราะเรียมเองก็เรียนรู้กับแฟน คือเราจะต้องเก็บสลิบที่เราเซนต์ และกระดาษส่วนที่มีหมายเลขบัญชีที่บัตรของเราให้ดีนะ อย่าได้ไปทิ้งขว้างที่ไหนๆ ถ้าจะไม่ใช้ก็ทำลายให้ดี (ทีบ้านจะเก็บหลักฐานพวกนี้ไว้อย้่างน้อย7 ปี คือเก็บเข้าแฟ้ม )
ถ้าจะทำลายก็คือเอาลงที่เครื่องตัดกระดาษให้มันป่นปี้ไปเลย ก่อนที่จะเอาลงขยะ หรือรีไซเคิล คือป้องกันปัญหาที่จะเกิดเรื่องคนโกง ปลอมแปลงเอกสารหรือใช้บัตร ใช้บัญชีเรา้ถ้ามีเงินในบัญชี55 และถ้าทำได้หลายคนมีคอมใช้คอมเป็น ก็คือทำโปรแกรมรายรับ-รายจ่าย อันนี้แฟนทำนะคะ เขาจะเช็คได้จากคอมว่ายอดจ่ายที่ไหนบ้างวันนี้ และหากมีรายการที่มาไม่ซื่อคือเราไม่ได้เซนต์ได้ซื้อโผล่มา เราก็แจ้งไปที่ธนาคารถัดเวลา

เมือเดือนที่แล้วนี่เอง พาลูกไปเล่นที่งาน นิทรรศการ คือมีของเล่น ชิงช้า เรือไวกิ้ง ม้าหมุนฯลฯ โดยซื้อบัตรผ่านเล่นราคาบัตเดิม50เหรีญลดมา35เหรียญ แต่วันนั่นลดอีกหลือ20 เหรียญ และเขารูดบัตรและให้เวนตืก่อนเซนต์แฟนก็ตรวจดูเรียบร้อยแล้ว ชารต์ไป20 เหรียญ พอ3วันหลังแกเปิดคอมเห็นรายการชาร์จเป็น 50 เหรียญ 2 ครั้ง เขาก็รีบโทรไปที่ธนาคารแผนกบัตรเครดิต และแจ้งรายการที่จ่ายและสถานที่ๆจ่าย แล้วเขาก็โทรติดต่อกับสถานที่ๆนั่น พอวันต่อมาดูที่คอมอีกรายการชาร์จเกินก็หาย ก็มีแต่รายการที่เราควรจ่ายจริง มันเป็นไปซะอย่างนเนี๋ยะ ถ้าลำพังเรียมเองก็คงไม่ได้รอบคอบไม่ได้ทำแบบนี้หรอก แต่ที่เล่ามาคือแฟนทำ แม้ก็ภาษาอังกฤษนะแบว่า......เราไม่แข็งแรงนะ

เขามีวิธีใช้บัตรโดยไม่ต้องให้เขาหักดอกเบี้ยด้วยนะตัวเอง จะบอกให้ บอกให้ไปก่อนว่าไม่จ่ายเกินไงล่ะ คือใช้2 บัตรคู่กันไป ช่วงวันที่นี้ ถึงวันที่นี้ เราใช้วีซ่านะและวันที่นี้ถึงนี้เราก็ใช้มาสเตอร์นะ อะไรประมาณนี้ ที่สำคัญไม่จ่ายเกินยอดที่เรามีในแบงค์ เตรียมจ่ายเมื่อถึงกำหนดไงล่ะค่ะ

[Daniel UK]

อือ เมื่อวานแฟนเล่าให้ฟังว่า บริษัทของบัตรใบนี้ยังหักเงินเค้าทุกเดือนค่ะ ตอนนี้หักไปสองเดือนแล้ว
ก็พยายามโทรหาเค้านะคะ แต่ อย่างว่า answer machine อยู่นั่นแหละ

ตอนแรก สามีคิดว่าเป็นการหักจากค่าบ้าน ก็เลยไม่สนใจ แต่ พอมาเช็คอีกทีมันไม่ใช่
สามีจะเช็คผ่านเน็ตทุกวันค่ะ ก็เลยได้รู้ว่าอะไำรเป็นอะำไร ส่วนทางโรงแรมเงียบหายไปแล้วค่ะ
สามีเปลี่ยนเมล์ใหม่ คอมมีปัญหาด้วย กลับมาอีกที ทุกอย่างที่เครื่อง หรือเมล์เก่าหายเกลี้ยง

ตอนนี้ก็พยายามติดต่อกับบัตรดูนะคะ แล้วไงจะมารายงานอีกทีนะคะ

[อำแดงสวีดา]

เนื่องด้วยว่าเคยทำงานเกสเฮาส์มาก่อนและมีเพื่อน ๆ ทีทำงานโรงแรมก็เยอะ โรงแรมที่ไม่ใหญ่โตมากช่องทางโกงกินมันก็เยอะค่ะ เท่าที่เคยได้ยินมาจากเพื่อนน่ะค่ะ ส่วนใหญ่เค้าทำกันเป็นแก๊งค์ค่ะ ฮั้วกันทั้งแผนกแต่ดิฉันไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเค้าทำกันยังไง เคยได้ยินข่าวว่ามีน้องที่ทำงานทำคล้าย ๆ แบบนี้หล่ะค่ะ ลูกค้าส่งเมล์มาบอก ผจก. ว่าบัตรโดนรูดไปประมาณ 2 แสน เค้าก็เลยเช็ควันเวลาว่าตรงกับพนักงานคนไหนแล้วก็เอาตัวไปสอบสวนเลยค่ะ (รู้สึกว่าเค้าจะปิดข่าวกัน แต่แอบรู้มาค่ะ) น้องเค้ารับสารภาพก็โดนไล่ออก แต่ไม่รู้ว่าหลังจากนั้นเค้าทำอะไรกันบ้าง

ระวัง ๆ กันหน่อยก็ดีค่ะ เมืองไทยไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว แต่ถ้าเอาเรื่องได้ (ถ้าเป็นส่วนตัวหนูน่ะพี่ปา หนูถลกหนังหัวเอาให้ได้เรืองแน่ๆ) ไอ้พวกนอกรีดประเภทนี้ อย่าปล่อยให้ลอยนวลค่ะ

ได้ยินมานักต่อนักแล้วเรื่องแบบนี้

[Thanny]

ตั้งแต่รู้จักกับสามีใหม่ ๆ จนแต่งงานกันไม่เคยเห็นแกใช้บัตรเครดิตรที่เมืองไทยเลยสักครั้งจนแรก ๆ เราคิดว่าแกไม่เคยมีบัตรเครดิตรคะ

พอมาอยู่ที่นี่อะไร ๆ แกก็ใช้บัตรเครดิตรเป็นหลัก และจ่ายยอดเต็มทุกเดือนต่อมาถามแกว่าทำไมอยู่นี้ใช้บัตรแล้วไปเที่ยวไทยใช้

แต่เงินสดเท่านั้นแกบอกที่เมืองไทยมีปัญาเรื่องบัตรเครดิตรแกกลัวมากกกกกกกคะไม่ได้ทำไม่ได้ใช้แล้วต้องมาจ่ายคะ

ขอบคุณที่นำมาเตือนกันให้ทราบ ๆ กันคะจะได้ระวังมากขึ้นคะ

[Sweetcapucino]

เพิ่งมาอ่านเจอกระทู้นี้ของน้องปา เป็นประโยชน์มากเลยค่ะ เพราะโรงแรมที่เอ่ยมาเป็นโรงแรมที่เคยไปพักแล้วเหมือนกันค่ะ ด้วยความที่เขามีคนเข้าพักเยอะ หรือว่าพนักงานทำงานไม่ทัน ห้องที่พี่เข้าพักจัดของในตะกร้าไม่ครบค่ะ มีของวางในตะกร้าน้อยมาก และรองเท้าใส่ในห้องก็มีแค่คู่เดียว พี่พักสองคืนค่ะ เข้าพักเรียบร้อยเราก็ออกไปช้อปปิ้ง กินข้าว พอกลับมาก็มาเห็นของในตะกร้าเต็มเลยค่ะ ทุกอย่าง ขนม...ฯลฯ พี่ก็บอกสามีไปว่าของในตะกร้าเพิ่มขึ้นมานะ เขาก็บอกเหรอไม่ทราบเหมือนกัน คืนแรกเสียงรบกวนดังมากเลยค่ะเพราะว่าด้านนอกตัวอาคารเขามีซ่อมแซมปรับปรุง เช้าของอีกวันเราก็บอกว่าขอย้ายห้อง วันที่สองเช็คเอ้าท์เขาก็ถามว่าคุณเห็นรองเท้าในห้องไหมค่ะ ตลกดีค่ะ เราก็บอกว่าเราไม่เห็น มันมีข้างเดียว เขาบอกว่าเราใช้ของในตะกร้าไปค่ะ เยอะด้วยค่ะ ก็เลยบอกเขาว่าไม่ได้ใช้เข้าไปของก็ไม่มีแล้ว เขาก็บอกว่าขอเช็คก่อนนะคะ เสียเวลานั่งรอตั้งนานกว่าจะได้ออกจากโรงแรมดีว่าไม่ตกเครื่อง แย่จริงๆ ค่ะ