อยู่เมืองไทยสบายกว่าอยู่เมืองนอก

[Bonita]

ใช่เลย<span style='color:red'>หมูหยอง</span> บ้านเหมียวอยู่ไม่ไกลจากเมืองนั้นมากนักหรอกจ้า ขับรถไปรับได้จ้า เหมียวหลังไมค์ไปหาแล้วนะ ไม่รู้จะได้รับเปล่า มันขึ้นเออเล่อร์อ่ะ ถ้าไม่ได้รับ ยังไงขอฝากบอกไว้ตรงนี้เลยนะ เหมียวขอเบอร์บ้านหมูหยองที่เมกาน่ะ จะโทรไปคุยด้วยนะ ขอเป็นเบอร์บ้านนะจ๊ะ เพราะโทรฟรีอ่ะนะ หุ หุ หุ

ดีใจจัง จะได้เจอเพื่อนใหม่อีกคนแล้วววววว..... จุ๊บ ๆๆ ทำงานก่อนน๊า... เดี๋ยวแว๊บมาดูใหม่จ้า


ปล. เจ้าของกระทู้เค้าจะว่าไหมเนี่ย ไม่ได้เกี่ยวกับกระทู้เล้ย..... ขอโทษด้วยนะคะ

[Mooyong]

ได้รับแล้วค่ะ แล้วหลังไมค์คุยกันนะคะ msn ก็ได้ค่ะ

ปล. โนย่าลูกสาวหนิงชอบเจ้า avatar ของเหมียวมากเลย เห็นทีไรหัวเราะทุกที

[fanta1973]

เหมียวจ๋า ชีวิตที่นอร์เวย์ สนุกและตึ่นเต้นน่าดูทีเดียวจ้า ได้ทำทุกอย่างเลยน่ะจ๊ะ งานก็ดี เก่งมากๆเลยจ้าโดยเฉพาะเรื่องภาษา เก่งๆๆๆๆนับถื่อมากกกกจ้า แต่ดูแล้วอยู่ทีนอร์เวย์ ไม่น่าเบื่อดีนะ

[farin]

เมืองนอกน่าเบื่อมากที่สุด ยิ่งอยู่บ้านนอกของสวีเดน มีแต่ป่ากับนำ หนาวๆๆๆๆๆๆ หิมะทั้งนั้น ยังกับอยู่ในตู้เย็นเกือบทั้งปี ของก็แพงโคตรๆ หน้าร้อนมีไม่เกิน 20 วันต่อปี อยู่เมืองไทยสบาย สบาย อาหารอร่อยๆก็เยอะ คิดไปรายได้ก็พอๆกันกับเมืองนอก หากคิดถึงของที่แพงๆเมืองนอก มันก็พอๆกันนั่นแหละ กล้วยลูกหนึ่งก็ปาไปลูกละ เกือบ 30 บาทแล้ว และที่สำคัญไม่หนาวด้วยด้วย ว่าแล้วก็อยากทิ้งสามีกลับไปอยู่บ้านแต่สามีไม่ยอมให้กลับน่ะซิ ....นานาจิตตัง คนชอบอยู่เมืองนอกเพราะคิดถึงเงินอย่างเดียว ที่ทนๆอยู่เมืองนอกนี่ก็รอเงินเท่านั้นแหละ....นี่ขนาดอยู่เมืองนอกมานานแล้วนะนี่ ยังเซ็งอยู่เลย ไทยแลนด์คือสวรรค์ขอให้มีเงินก่อนเถอะ อยู่สบายเลย

[Mareena]

ของผมลำบากต่างกันครับเพราะมันต่างสถานที่และสถานะภาพกัน แต่ถ้าถามว่าที่ไหนรู้สึกอิสระกว่าต้องบอกว่าที่ฮอล์แลนด์ครับ เพราะผมว่าที่นี้มันเหมาะกับผม ผมรักงานศิลปะ คนที่นี้ก็ให้ความสำคัญของมัน ไม่ไช่ว่าคนไทยจะไม่รักงานศิลปะนะครับ เพียงแต่ว่าพวกเราต้องขยันทำงานเก็บเงินซื้อรถ ผ่อนบ้าน ล้างหนี้บัตรเครดิต พอมีเวลาว่างก็เข้าห้างหรือโรงหนังส่วนงานนิทรรศการศิลปะนิยมกันน้อยมากเพราะซื้อภาพโปสเตอร์ติดข้างฝาราคาถูกกว่างานศิลปะหลายร้อยเท่า

ผมจบทางศิลป์มา ทำงานอยู่กรุงเทพ 6 ปี ไม่เคยได้จับภู่กันสักครั้งเพราะกลับจากทำงานถึงบ้านก็เป็นศพแล้ว แต่อยู่ที่ฮอล์แลนด์ปีแรกสร้างงานศิลปะตั้งเกือบ 12 ชิ้น ไปดูนิทรรศการอย่างน้อย 2 ครั้งต่อเดือน ชีวิตมีความสุขต่างกันครับแล้วแต่เราจะเลือกมองตามมุมและต่างเหตุผลกัน ส่วนตัวมองว่าค่านิยมของคนต่างกันด้วยครับเพราะบ้านเราแข่งกันรวย เธอมีได้ฉันก็ต้องมีมั้ง(ก็ทำโอทีเข้าไปซิ เคยเป็นเหมือนกัน555) แต่ที่นี่ผมได้เรียนรู้จากคนรอบข้างว่าความสำเร็จของชีวิตมันไม่ได้วัดกันแค่ที่ทรัพสินเงินทองเพียงอย่างเดียว ความสุขในชีวิตต่างหากที่น่าจะเอามาวัดกัน

คุณ tawud คะ Mareena อ่านแล้วเห็นด้วยค่ะ ความสำเร็จของชีวิตไม่ใช่ที่ความรวยจริงๆคะ ความสุขของชีวิตสำคัญกว่า!!!!
<span style='font-size:14pt;line-height:100%'> Mareena ชอบอยูู่ฝรั่งเศสค่ะอยากทำอะไรก็ทำ ไม่มีคนคอยดูถูกเหมือนอยู่เมืองไทย เมื่อ4ปีก่อนที่รู้จักแฟนใหม่ๆไปไหนมาไหนกับแฟน คนก็ชอบซุปซิบประมาณว่า เนี่ยมีแฟนฝรั่งจะต้องไปเป็นผู้หญิงแบบนั้น มาแน่ๆเลย บางทีได้ยินแล้วอยากจะเอาลูกมะละกอเข้าไปฝากในปากของคนที่นินทาอยู่เลย และพอวันไหนเราเอาสร้อยทองเส้นใหญ่ๆขึ้นมาใส่ก็พูดอีกเนี่ยไปอยู่กับฝรั่งมาค้าเลยซื้อ อยากจะย้อนไปจริงๆเลยว่า พวกเธอเคยเห็นตอนที่ทำงานเหนี่อยมั้ย ตอนทำงานที่บริษัทซีเกท เทพารักษ๎ เมื่อก่อนที่นั่นจะมี O.T บ่อยมาก ใน จันทร๎-ศุกร๎ สามารถทำงานต่อไปอีกกะได้ ทุกวัน ส่วนวันอาทิตย๎ มารีน่าจะทำ O.T ทั้ง3กะเลย จาก 6โมงเช้าวันนี้-ไปออกกะ6โมงเช้าอีกวัน กว่าจะได้เงินง่วงแล้วง่วงอีก ต้องอดทนอย่างเดียวบางทีเหนื่อยจนอยากร้องไห้ แต่พอเงินเดือนออกแล้วภูมิใจค่ะ!! และอยู่นี่เวลาเดินไปไหนนอกบ้านคนก็จะส่งคำสวัสดีกันบ่อยไม่ค่อยถือตัวทั้งๆที่เราก็ไม่รู้จักเค้า แต่ก็ยังทักทายกัน ไม่เหมือนคนรวยในไทยพูดทกทายคนที่ด้อยกว่าไม่เป็น..... </span>

[Mareena]

<span style='color:purple'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>เอาอย่างนี้ซิน้องเดี๋ยวพี่จะบอกทํางานเหนื่อยไม่มีเวลาทํากับข้าววันไหนหยุดงาน
ก็เลือกเมนูอาหารที่เราชอบจัดไว้เลยสักสอง สามอย่างทํําทีให้เยอะหน่อยและก็จัด
ใส่กล่อง พัฟเปอร์แวร์ไว้ กะให้พอทานเป็นอาทิตย์เลย รอให้เย็นก็จัดใส่ช่อง
ฟิชเซอร์ไว้ กลับจากทํางานมาเหนื่อยๆไม่ต้องมาคิดเรื่องทําอาหารเพราะเราทําของเรา
เตรียมไว้เรียบร้อยเพียงแต่เอามาอุ่นแค่นั้น พี่ไม่เคยทํางานนอกบ้านเลย แต่พี่ก็ทําอาหารแช่แข็งของพี่ไว้ตลอด คือบางทีเราขี้เกียตนึกเมนูไม่ออกอาหารที่เราทําเตรียมไว้ช่วยเราได้มาก ลองทําดูนะจ๊ะ น้องบุศราคัม</span></span>

ใช่เลยค่ะ หนูก็ชอบทำแล้วแบ่งแช่แข็งเลย เพราะเดินทางไปซื้อผักบ่อยๆไม่ได้มันไกลเปลืองน้ำมันรถค่ะ หนูชอบทานผักคะน้า เอามาต้มจับฉ่ายแล้วเก็บไว้ พอนำมาอุ่นรสชาติกยังดีอยู่ค่ะ!!

[samsky]

<span style='color:blue'><span style='font-size:21pt;line-height:100%'>ความคิดผมนะ


มันก็ดีคนละแบบกันคับ แต่สำหรับผมแร้ว อยู่นอกทามงาน เก็บตังเอาไปผลาญ เอาไปช๊อปพาราก๊อน กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดส์เริ๊ดดดดดดส์

สู้ๆค้าบบพี่ๆ มากันแร้วนี่ คนในอยากออก คนนอกก็อยากเข้า คิคิ</span></span>

ถ่ายรูปมาไห้พี่ๆๆดูด้วยย คิคิคิ แท๊กซี่ไหม๊ค้าบบ

[samsky]

สู้ๆๆ

[เจ้าหญิง]

เหตุผลที่อยากอยู่เมืองไทยมากกว่าเมืองนอกคือ ได้อยู่ใกล้แม่ ใกล้น้องสาว มีเพื่อนที่คุยกันถูกคอแบบจริงใจ ไปนวดแผนโบราณได้ทุกอาทิตย์ ไม่ต้องสระไดร์ผมเอง ของกินหาง่ายและไม่แพง นี่คือเหตุผลทั้งหมด ส่วนเหตุผลที่เหลือ คือ ส่วนดีของอยู่เมืองนอกแหละจ้า

[หญิงป้า ณ คุ้มฮาแตก]

<span style='color:deeppink'>ขึ้นอยู่กับการแบ่งเวลาให้ถูกต้องด้วยค่ะ
เวลางาน ก็ไปทำงาน
กลับบ้าน ก็มาพัก
ถึงเวลาที่ๆทำงานอนุญาตให้ลาพัก ก็ต้องพัก
ถ้าไม่พัก ก็ไม่มีใครว่า แต่ไม่ใช่ว่าจะได้เงินเพิ่มมากขึ้น
(ที่ Holland จะให้พักสามช่วง คือต้นปี พักร้อน และพักปลายปี)

ทุกวันนี้ทำงานที่สถานพยาบาลคนแก่สองที่
แล้วกลับมาเขียนหนังสือ
เป็นแม่ของลูกชายวัยสิบเก้า
เป็นนายหญิงที่บ้าน (อันนี้งานหนักมาก เพราะต้องคิดว่าทำยังไงจะให้เราเป็นคนถูกได้ตลอดไป บางครั้งคนที่นอนข้างๆบอกว่า ผมได้ยินเสียงคุณละเมอว่า "คุณไม่ผิด แต่ฉันถูก...")
เป็นลูกน้องที่เจ้านายส่งไปปราบคนแก่ที่ดื้อจนหายดื้อ
จนในที่สุดคนแก่นั้นบอกว่า ฉันรักเธอนะ (แล้วแกก็ตายจากเราไป)
ทุกอย่างเป็นงานหนัก แต่แยกเวลา งานกับเรื่องส่วนตัวได้
จึงไม่ท้อแท้...หรือถ้าท้อแท้
ก็จะมองคนที่ทุกข์มากกว่าตัวเรา

ทางที่ดี ปลอบใจตัวเองโดยการไม่เปรียบเทียบชีวิตที่เมืองไทยกับที่อื่น
เพราะมันจะทำให้เราไขว่คว้าในสื่งที่เราไม่มี ณ ที่ๆเรากำลังยืนอยู่

ให้หันมาค้นหาในสิ่งที่ตัวเองกำลังมี
และทำให้ตัวเรา หัวใจของเรา มีความสุข ณ ที่นี้ เวลานี้ จะดีกว่า

เพราะจากประสบการณ์ที่ดูแลคนแก่ คนพิการมานาน
พวกเขาเหล่านั้น ไม่สามารถอยู่โดยปราศจากความช่วยเหลือจากคนอื่นได้
ไม่ต้องทำงานหนัก มีเวลาเหลือเฟือกับชีวิต แต่วิตกกังวลวันละไม่ต่ำกว่าสิบชั่วโมง

ทำให้ทราบว่า ความสุขที่แท้จริงนั้น คือสิ่งที่เราสร้างได้ ทุกสถานที่ๆเราอยู่ ทุกเวลาที่เราต้องการ

บางครั้งการทำงานหนัก อาจจะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับคนที่ใช้ชีวิตในต่างแดนอย่างเรา
อย่างน้อย...ก็ทำให้เรารู้ว่า ตัวเราเป็นคนที่มีค่า แม้จะอยู่ในต่างแดน</span>

[meawmark]

คุณหญิงป้าแสดงความคิดเห็นดีมากค่่ะ

[antmod_ant]

อยู่เมืองไทย
ตื่น 7 โมง แหกขี้ตา ฝ่ารถไฟฟ้า ไปทำงาน
4 โมงเย็น เลิกงาน ฝ่าฝน เบียดคนบนรถไฟฟ้า กลับบ้าน
สองทุ่ม แต่งตัว ไปลันลา กับเพื่อนร้ากกๆๆ ดื่ม ดิ้น กิน เที่ยว ตีสอง กลับบ้าน คร่อกฟี้

อยู่เมืองนอก
ตื่น 6 โมง ชงกาแฟ ทำกับข้าว ถวายสามี ซักผ้า
แล้วก้อไปลันลา ตาม community ที่แทสมาเนีย มี คลับแบบนี้เยอะค่ะ มีหนังสือ และ กีฬาให้เล่น

แต่.... จะไปซุปเปอร์ที ขับรถ ครึ่งชั่วโมง
 &nsbp; &nsbp; &nsbp; &nsbp; ไปซุปเปอร์ มีทุกอย่าง ขับรถ หนึ่งชั่วโมง ..บ้าไปเลย

เซ็ง สุดๆ ไม่มีเซเว่น แบบบ้านเราเล้ย...ผักก้อสุดแสนจะทรมานหัวใจแม่บ้าน

แถมเมืองเรา ก้อเงียบดุจดินแดนคนชรา....สามทุ่ม คร่อกฟี้...ชีวิตหรรษาหยุดลงทันใด

เซร็งงงงงงงงงงงงงงงงงงง !!!!

[บุษราคัม]

แอบเข้ามาฟังความคิดเห็นตลอดนะคะแต่เวลาไม่พอเลยไม่ได้ตอบค่ะต้องขอโทษทุกๆท่านด้วย แต่ละความคิดเห็นก็แตกต่างกันไปแต่ละคนมีความเป็นอยู่ไม่เหมือนกันนะคะแต่ยังไงๆนกก็ขอยึดความคิดเดิมค่ะรักเมืองไทย รักเดียวใจเดียวค่ะอิอิ

[shoydem]

จริงๆๆด้วยนะ เราอยู่เยอรมันมาได้ 10 ปี มีลูก 2 คน ยุ่งและเหนื่อยมากๆๆ ทำงานบ้านทั้ง 3 ชั้น อยู่ เมืองไทยสบายกว่ามาก ไหนจะหางานทำก็ยากเย็น เราอยู่กทม. ทำงานที่จุฬา ถึง ซี 6 แถมจบโทด้วย เพื่อนรุ่นเดี๋ยวกันจบเอก 10 กว่าคนแล้ว เราเพิ่งสอบใบประกอบโรคศิลปะปีนี้ เพราะรอให้เจ้าทะโมน โต ก่อน แถมที่นี่ก็ไม่มีหลักสูตรปริญญาในสาขาที่เราเรียนจบมาด้วย มีแต่หลักสูตรผู้ช่วย ซึ่งเขาก็เทียบให้บ้าง เราไปรร.ที่นี่ เมื่อตค. 2007-กย. 2008 และสอบผ่านด้วยเกรดดีที่สุดในชั้นนะ เด็กเยอรมันที่เรียนด้วยกันนั้น อายุอ่อนกว่าเรา 20 กว่าปี เราต้องทำใจว่าเราเป็นผู้ช่วยเทคนิคการแพทย์ที่นี่ ตอนเรียนนั้นเราต้องไปส่งลูกเข้าอนุบาลก่อน แล้วขับ รถเครื่องไปรร. เย็นกลับมาก็ต้องทำงานบ้าน เสาร์-อาทิตย์ก็งานบ้านอีกนั่นแหละ จนมานั่งสงสัยว่าเรามาอยู่ที่นี่ทำไม คนเยอรมันเขาค่อนข้างดูถูกผู้หญิงไทยด้วย เขานึกภาพไม่ออกหรอกว่ารพ.จุฬาที่เราทำมานาน 11 ปีนั้นทันสมัยแค่ไหนกัน พี่สาวเรามาเยี่ยมเมื่อเดือนที่แล้ว เห็นชีวิตเราแล้วส่ายหัว แต่เราก็มีความสุขกับชีวิตคู่นะ สามีเรารับผิดชอบมาก เราก็ได้แต่คิดว่าไม่มีใครได้ทุกอย่างหรอก อีกอย่างเรามีความรู้ภาษาเยอรมันอีกด้วย

อยากทานอะไรก็ต้องทำเอง เรากลับเมืองไทยทีไรอ้วนกลับมาเพราะทานทุกอย่างที่ขวางหน้า 6 ทุ่มยังพากันขับรถไปโต้รุ่ง หาข้าวเหนียวมะม่วงทานกัน EM123

.....จาก... หญิงไทย ในเยอรมัน

[บุษราคัม]

คุณเหมียวนอร์เวย์ช่างเป็นผู้หญิงที่น่าอิจฉาแท้ๆ มีทั้งเห็ด ทั้งหอย ทั้งกุ้งสด

ป้าดดดด ติโธ้ คือมาคักแท้ อิอิอิ