ครัวไกลบ้าน • แสดงกระทู้

คิดซะว่าถ้าเราปิดหูปิดตาซะ เอาหูเอาตาเราไปฟังหรือดูอะไรก็ได้ที่ฟังแล้วมันมีความสุขอย่างที่เราเรียกว่าโอสทรส(อ่านว่าโอดทะรดค่ะขอโทษนะคะที่เขียนไม่ถูกแล้วยังอยากจะเออะมาเขียนอีก ใครเขียนถูกข้าน้อยขอคําแนะนําด้วยนะคะ

คุณต้มแซ่บ มาช่วยตอบให้ค่ะ เขียนว่า อรรถรส อ่านว่า (อัด-ถะ-รด) ค่ะ

naddyswiss เขียน: งงๆ กะกระทู้สักนิด แต่ก้อไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะการเป็นภรรยาฝรั่งสมัยนี้ไม่ได้เหมือนสมัย GI เข้ามาเมืองไทยใหม่

ตอนนี้ใครๆอยากมีปั๋วเป็นชาติไหนก้อมีกันไป เพราะความรักไม่มีพรมแดน ไม่มีศาสนา เหอๆๆๆ

ถามว่าทำไมโหน่งอยากมีปั๋วฝรั่ง บอกกันแบบตรงๆ "หาปั๋วไทยไม่ได้น่ะฮ่ะ เพราะหน้าตาเหมือนรองเท้าหูหนีบ"

ถ้าถามว่าสำหรับตัวโหน่งเองเมื่อก่อนทำงานบริษัทไปวัน ถ้าตอนนี้ยังมิได้มีสามีจะมีปัญญามีรถเหมือนทุกวันนี้ไหม

บอกแบบตรงๆว่า "ไม่มีปัญญาซื้อรถเองแน่นอน" ถ้าผ่อนน่ะไม่แน่ แต่ให้ซื้อสดไม่มีปัญญา แต่ผ่อนแล้วจะโดนยึดไหมก้อไม่แน่อีกเหมือนกัน

สรุปโหน่งได้ปั๋ว แล้วปั๋วมีปัญญาดูแลโหน่งและครอบครัวเลยเป็นผลพลอยได้ ก้อรู้สึกดีที่มีปั๋วให้เกาะกินไปวันๆ

แต่ไม่รู้สึกดูถูกเมียฝรั่งว่าเค้าจะเคยเป็นไรมาก่อน ถ้าตอนนี้เค้ารักและดูแลสามีดีก้อโอเคแว๊ว ถ้าคนเลือกเกิดได้เค้าก้อคงไปเป็นลูกคุณหนูกันหมดแระ ถ้าลูกคุณหนูมีปั๋วฝรั่งไม่มีใครว่า ถ้างั๊นผู้หญิงบาร์จะมีปั๋วฝรั่งก้อมิน่าจะเป็นไรหรอก

คนที่เค้าเกิดมาด้อยกว่าคนอื่น แล้วเค้าอยากจะลืมตาอ้าปากได้โดยมีปั๋วอุ้มชูก้อน่าจะเป็นเรื่องของเค้า เพราะบางคนไม่ได้มีปั๋วฝรั่งมีปั๋วไทย สูบตังค์ไปให้ครอบครัวตัวเองมีถมถืด

ฉะนั้นจะมาว่าหญิงไทยมีปั๋วฝรั่งเผื่อกอบโกยก้อไม่แน่เสมอไป ด้วยการละฉะนี้ เอเมน อะมิตตาพุธ

พี่โหน่งพูดถูกใจมากๆ ค่ะ EM131

โดย **bakerkitchen** » ศุกร์ ม.ค. 16, 2009 1:19 pm

เป็นอะไรที่ตอบยากมากเลยค่ะ เพราะขนาดคนแค่หนึ่งคนยังมีตั้งหลายเหตุผล
ในการเลือกคูู่ครองของตน แต่นี้คนเป็นร้อยเป็นพันเนอะ
เหตุผลก็ย่อมมีเป็นหมื่นเป็นแสนตามมา แต่สิ่งหนึ่งที่เชื่อว่าทุกคนมีเหมือนกัน
นั่นก็คือทางเลือกนะ เพราะสำหรับตัวเองแล้วคำว่าไม่มีทางเลือกเนี่ย
ยังไงก็ฟังไม่ขึ้นสักที แต่เลือกเกิดไม่ได้ อันนั้นแน่นอนต้องยอมรับ

เราอยูู่บนโลกเสรีเนอะ ถึงแม้จะมีวัฒนธรรม และคำสอน หรืออะไรต่าง ๆ นา นา
มาเป็นข้อจำกัด แต่คำว่าเสรีมันกว้างนัก เพราะฉนั้นคำพููดหรือ
ความคิดคนไม่ว่าจะชาติใด ภาษาใดเนี่ยมันห้ามกันยาก
แล้วความคิดกับจิตใจเนี่ยยากแท้หยั่งถึงพอ ๆ กัน เพราะฉนั้นปล่อยวางดีกว่าค่ะ
มองอะไรให้เป็นกลางเข้าไว้แล้วชีวิตจะมีความสุขค่ะ

ถือว่าเป็นโชคดีเหมือนกันที่ไม่เคยเจอคำถามแบบคุณหน่อย
เพราะเราก็แต่งงานกับฝรั่งเหมือนกัน แต่ต่างจากน้องโหน่งนิดหน่อย อิ อิ
เพราะของเรามีคนไทยมามองด้วย มาจีบอยูู่เกือบสามปี เราถึงรูู้ตัวว่า
โดนจีบ ขณะนั้นเราก็คบกับสามีอยูู่ แต่อยูู่กันคนละขอบฟ้า
หนุ่มไทยก็หว่านล้อมต่าง ๆ นา นา ว่าระยะทางห่างไกลบ้าง คิดเหรอ
ว่าเขารักเราจริงบ้าง เราเลยตอบไปว่าคนเรารักกันแม้จะอยูู่ร่วมชายคา
เดียวกันหากไม่ไว้ใจซึ่งกันและกันแล้ว ความรักมันก็ไปไม่รอดเหมือนกัน
เพราะฉนั้นคำว่ารักแท้แพ้ระยะทางใช้ไม่ได้สำหรับเรา เพราะรักแท้ของ
เราถึงจะห่างไกลแค่ไหนก็เหมือนอยูู่ใกล้แค่เอื้อม ที่เลือกแต่งงานกับ
ฝรั่งคนนี้ก็เพราะรักล้วน ๆ เพราะความรวยนั้นหนุ่มไทยเธอมีเหนือกว่ามาก
จะมาเปลี่ยนความคิดตอนนี้ก็ไม่ทันซะแล้วสิ อิ อิ

โดย **Hommy** » ศุกร์ ม.ค. 16, 2009 8:56 pm

อื่ม...พิ้งมาเห็นกระทู้วันนี้ หัวข้อน่าสนใจดีน๊อ ขอตอบเป็นข้อๆๆไปนะคะ

เนื่องจากว่าหญิงเหล่านั้นคือ "คนไทย"
อยากคิดมากและเศร้าเลยค่ะ เราไม่ได้ไปเป็นกับเค้าสักหน่อย ถ้าเราไม่ได้เป็นก็ไม่เห็นเป็นอะไรนิค่ะ ขนากคนที่เป็นเค้ายังไม่เดือดร้อนเลย ของก็ของๆๆเค้า ช่างเค้าเถอค่ะ เค้าไม่มีกิน เราก็ช่วยเค้าไม่ได้ ถ้าเราไม่ได้เป็นเราก็อยู่อย่างเรา ใครจะมองประเทศไทยยังไงก็ช่าง ถ้าเราถูกก็ตอบเค้าไปจิค่ะว่า ฉันไม่ได้เป็น และหมั่นใจในตนเอง

อีกย่างราจะไปห้ามคนอื่นหรึอสิ่งภัยนอกไม่ได้ เราก็หักห้ามใจเราเองได้นิค่ะ
หูไม่ฟัง ตาไม่เห็น ก็โอเค แล้วค่ะ

"ทำไมอยากแต่งงานกับฝรั่ง??" คำถามนี้อาจงี่เง่าถ้าหน่อยเป็นคนถาม เพราะหน่อยเองก็มีสามีเป็นฝรั่ง
จริงไม่เคยคิว่าจะต้องแต่งงานกับฝรั่งค่ะ จริงๆๆแล้วที่เรียนก็มีหนุ่มหลายคนมาจีบเหมือนกัน ระหว่างที่คบกับหนุ่มไทยกับฝรั่ง ได้วัตรดูแล้วว่า ฝรั่งคนที่คบดีกว่าคนไทยที่คบกันเป็นไหนๆๆ

เพราะฝรั่งรักจริง (คนชาติไหนๆก็รักจริงค่ะ หากเจอคนจริงใจ)
เพราะฝรั่งเทคแคร์ (คนชาติไหนๆก็เทคแคร์ค่ะหากรักกันจริง)
เพราะเขาดูแลฉันได้ (ใครๆก็ดูแลคุณได้ค่ะ หากเราต้องการคนดูแล)

ใช่ค่ะ ชาติไหนก็รักจริง รักก็มีอยู่จริง เมื่อเราเจอฝรั่งที่รักจริงเราจะแต่งงานกับเค้าไม่ได้หรึอ อย่ามมองว่าเค้าเป็นฝรั่ง มองแค่เค้ารักเรา เราก็รักเค้า
เพราะเค้าดูแลฉันได้ อันนี้ก็จริงค่ะ แต่ตอนไม่แต่งงานก็ดูแลตนเองได้เหมือนกัน

เพราะเขามีเงิน และฉันหวังว่าฉันจะสบายหลังจากที่ฉันกับเขาคบกัน หรือแต่งงานกัน อันนี้น่าจะเป็นเหตุผลหลักของ 90 เปอร์เซ็นของผู้หญิงที่แต่งงานกับฝรั่ง
อันนี้ไม่จริง ไม่จริ๊งค่ะ ฝรั่งไม่ได้รวยเลย อย่างแฟนเนี้ย พึ้งเรียนจบ คบกันตอนเรียนอยู่ ถ้าใครได้สามีรวยก็ถือว่าโชคดีมากๆๆ

แล้วทำไงถึงจะมีสามีเป็นฝรั่งได้ล่ะ การหาคู่ผ่านบริษัทจัดหาคู่ การทำงานเป็นคุณโส การเป็นคุณโสเองนี่ก็มีหลายคลาส ตั้งแต่บาร์เกิร์ล ไปจนถึงไฮโซค่ะ (อันนี้ที่เห็นมาค่ะ) ขนาดไฮโซยังเป็นได้ แล้วเรื่องอะไร คนโลโซ จะเป็นมั่ง ไม่ได้

ส่วนต้นหอมแล้ว คิดง่ายๆๆ คนไหนดีกับเรา เราดีด้วย แม้ว่าเธอจะทำอาชีพอะไร ถ้าคนไหนร้ายมาเราก็ไม่ยุ่งด้วยก็จบ จริงๆเท่าที่ต้นเคยรู้จัก เค้าเหล่านั้นไม่ได้มีจิตใจต่ำชา อะไร และต้นหอมมองว่าเค้าเหล่านั้น ลิ้นรนให้รอดพ้นทางอดยากของตนเอง เพียงแต่อาชีพนั้นคนไทยเราไม่เห็นด้วยเท่านั้น เพราะคนไทยถูก สอนมาอย่างวัฒนธรรมไทย

ผิดปะการใดก็ขออภัยด้วยค่ะ ตอบตามความเข้าใจค่ะ

โดย **Hommy** » ศุกร์ ม.ค. 16, 2009 9:12 pm

noi007 เขียน: ตอบทุกกกกท่านเลย

งงต่อไปเถอะค่ะ (เพราะหน่อยกลับมาอ่านอีกทีก็งงเหมือนกัน อิอิ)

คืองี้ค่ะ
พอดีหน่อยอยากนวดเป็นหน่วยก็เลยลองอ่านเรื่องนวดในเยอรมัน

พออ่านไปอ่านมาก็เจอหลายเรื่อง (ที่ไม่เคยคิดว่ามีอยุ่จริง)
เช่นว่าจ่ายเงินก้อนโตเพื่อมาหาสามีฝรั่งชนิดแบบมาตายเอาดาบหน้าน่ะค่ะ (ที่หน่อยอ่านจ่ายเป็นแสนน่ะค่ะ เหลือเชื่อจริงๆเลย) บวกกับความคิดเดิมๆคือไม่ชอบฝรั่ง (แต่ดันมีสามีเป็นฝรั่ง) เพราะความรู้สึกว่าฝรั่งเอาเปรียบเรามาแต่ไหนแต่ไร
"เลยรำพึงรำพัน"

ฝรั่งท่านก็เลือกสินค้า(หญิงไทย)เราสบายใจเลยค่ะ โดยที่มีคนไทย (อีกนั่นแหละ) ที่ทำกันเองว่าเป็นเหมือนสินค้าโดยการจัดหามาให้

ส่งผู้หญิงให้กับฝรั่งไปแล้วก็อยู่กินด้วยกันจนวีซ่าหมดอายุก็ถูกส่งกลับมายังต้นขั้ว (หญิงไทยนายหน้า) เมื่อสินค้า(หญิงไทยผู้อยากมีสามีฝรั่ง)สอบถามต่อนายหน้า (หญิงไทยผู้ดำเนินการจัดหา) คำตอบคืดเข้ากันไม่ได้

บางคนต้องการหญิงไทยมาเพื่อแค่ระบายความใคร่ และทำความสะอาดบ้าน (แม่บ้านที่คุณสามารถมีอะไรด้วยได้โดยไม่มีปัญหาอะไร)

พอนึกมาถึง
อนิจาหญิงไทยผู้น่าสงสาร(น่าโง่ด้วย) ไม่ได้รู้เลยว่าเขาแค่หากินบนความอยาก (ที่จะมีสามีฝรั่ง)ของตัวเอง ไม่ได้รู้เลยว่าเมืองนอกมันไม่ได้ศิวิไลเหมือนฝัน

คำถามเลยเกิดขึ้นค่ะ
ทำไมอยากมีเหลือเกินนนนนน ไอ้สามีฝรั่งเนี่ย!!!!???? เมื่อเข้าใจจริงๆเลย

คนที่หมู่บ้านหน่อยขนาดลงทุนพาลูกสาวเดินมาถามเพื่อให้หน่อยหาสามีให้
พยาบาลที่หน่อยฝากท้องที่เมืองไทย ขนาดยอมจะลาออกจากงานเพื่ออยากมีสามีฝรั่ง

เนี่ยหละค่ะ ที่เป็นสาเหตุุุ ให้หน่อยรำพีงรำพัน ให้พี่ๆทั้งหลายงงกัน อิอิ ต้องประทานโทษจริงๆค่ะ

ขนาดเรายังมีแฟนฝรั่งเลย คนอื่นเค้าอยากมีมั่งก็ไม่เห็นเป็นอะไรนิค่ะ อิอิ

โดย **nuji** » อาทิตย์ ม.ค. 18, 2009 5:21 am

phimmanee เขียน: คุณหน่อยพูดแรงไปหรือเปล่าคะ หญิงไทยเหล่านั้นน่ะพวกเธอไม่โง่หรอกค่ะ แต่อาจจะเป็นเพราะเหตุผลหลายอย่างที่เราไม่อาจจะรู้ได้บวกกับอาจจะเห็นหญิงอื่นที่ได้สามีฝรั่งแล้วสบายขึ้น แถมยังจุนเจือเผื่อแผ่ไปถึงพี่น้องลูกหลานอีก หญิงไทยเหล่านั้นไม่โง่หรอกค่ะ แต่เธอเหล่านั้นอาจจะทําเพื่อความอยู่รอด ดิ้นรนเพื่อหาโอกาสปลดหนี้สินล้นตัว แล้วเธอก็ไม่ได้รู้เลยว่าเมืองนอกมันไม่ได้ศิวิไลเหมือนฝัน การที่คนเราทําไปเพราะความไม่รู้นี่เขาไม่เรียกว่าโง่หรอกค่ะ คุณหญิงป้าพูดถูกค่ะที่ว่า "ทุกคนมีเหตุผลของเขานะคะ ไม่จำเป็นต้องประกาศให้โลกรับรับรู้ว่า เพราะอะไร(กู)ถึงอยากมีสามีหรือผัวฝรั่ง(ใครจะคิดว่าผู้หญิงไทยหน้าโง่ก็ ช่างเขาเถอะค่ะไปห้ามความคิดของคนอื่นไม่ได้ แต่ไม่มีอะไรเจ็บปวดและเลวร้ายเท่ากับ คนไทยดูถูกคนไทยด้วยกันเองหรอกค่ะ" เราดําเนินชีวิตของเราให้ดีเถอะค่ะ อย่าให้ใครหน้าไหนมาว่าเราได้ "สําเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล"

ได้ใจค่ะ คุณ Pimmanee คนเราก็ได้สิ่งที่ดีทีสุดสำหรับตัวเองกันทั้งนั้น ซึ่งมันก็ต้องดิ้นร้นค้นหากันไป ตามวิธีของตน เราอย่าไปตัดสินคนอื่นโดยที่เรายังไม่รู้จริง ช่วงเวลาลำบากของแต่ละคนมันก็ไม่เหมือนกัน ใครเค้าจะเป็นอย่างไรก็เรื่องของเค้า คนจะทำอะไรมันก็ต้องมีเหตุผล บางคนโอกาสมีมาก บางคนโอกาสน้อย มันขึ้นอยู่กับสถานภาพของแต่ละคน ไม่เห็นด้วยเหมือนกันที่เราจะไปเรียกคนอื่นโง่ คนไทยอย่าดูถูกคนไทยด้วยกันเองเลยค่ะ" ไม่ว่าใครจากไหน ยังไง เดินดิน กิน ..... เหมือนกัน

มีอยู่ช่วงหนึ่งนะคะ สิบปีก่อน
ที่ฮอลแลนด์ เมืองเอเด้อ...
ผู้หญิงไทยที่เคยเป็นหญิงบริการมาก่อน ไล่ลูกของเธอออกจากบ้าน
ลูกผู้ชาย ตอนนั้นสิบห้าปี
เพิ่งมาอยู่ได้ไม่นาน ลูกเกลียดแม่ เนื่องจากไปเห็นแม่มีชู้ ตอนพ่อเลี้ยงกลับมาฮอลแลนด์ ลูกเป็นเด็กเก็บกด เพราะแม่ทารุณกับลูกมาก
ผู้หญิงคนนี้ก่อนอยู่ที่คาราวาน หญิงป้าพาไปที่เขต ไปขอแฟลตอยู่

เขาเคยเลิกกับสามีดัตช์ หอบลูกดัตช์สองคนมา
แต่ไม่รอด เพราะเด็กต้องการแม่
พ่อเด็กต้องกลับไปรับผู้หญิงคนนั้นมา

หญิงป้านู้จักเขา เพราะผู้ใหญ่คนไทยท่านหนึ่งฝากมา
เลยช่วยเหลือเรื่องบ้าน เรื่องอาหารที่เธอยังไม่รู้จักว่าจะทำอย่างไร
แต่ตลอดเวลา เธอคุยให้หญิงป้าฟังว่า เธอร่ำรวย มีกิจการ มีเกสต์เฮาส์
มาอยู่นี่ต้องขายกิจการ

ระยะหลัง ลูกชายคนโต เด็กไทย (ที่ไม่เคยรู้จักว่าพ่อเป็นใคร)
มาหาหญิงป้าบ่อย หญิงป้าก็สอนให้เขารู้จักใช้ชีวิตในฮอลแลนด์
เขาเริ่มเล่าเรื่องแม่ของเขาให่ฟัง มันต่างจากที่แม่ของเขามาเล่าให้ใครต่อใครฟังทั้งหมด และท้ายสุด...เด็กบอกว่า เด็กเกลียดแม่ เพราะแม่มีชู้ ไม่ยอมเลิกอาชีพโสเภณีไปหากินที่ภูเก็ต

หญิงป้าบอกเด็กว่า แต่เขาให้กำเนิดเรา บุญคุณนี้ ใช้ไม่หมด อย่าว่าเขา เขาต้องมีเหตุผลที่เป็นและทำอย่างนั้น

แล้วหญิงป้าก็สั่งไว้ว่า อย่าไปบอกใครที่แม่เคยเป็นโสเภณีและมีชู้ให้เราเห็นตำตา

แตาสภาพจิจใตเด็กแย่ลงทุกวันๆ เพราะแม่ด่า ท้ายสุดถูกแม่ไล่ออกจากบ้าน
พ่อเลี้ยงขับรถมาหาหญิงป้า ถามว่า เขาต้องไปตามเด็ก หนีหายเข้าไปในป่า เจอแล้วขอมาฝากไว้ได้มั้ย หญิงป้าตกลง

พ่อเลี้ยงไปตามเด็กจนเจอ นั่งหนาวสั่นอยู่ในป่า
พอมาถึงบ้านของหญิงป้า เด็กนึกว่าจะถูกหญิงป้าดุ ที่ทำแบบนี้
หญิงป้าไม่ดุค่ะ หาอาหารให้ทาน ไปเปิดห้องนอนที่สำหรับรับรองแขกให้เด็ก
เด็กเขามาร้องไห้ กอดหญิงป้า ถามว่า ทำไมป้าโจ๊ก ไม่เป็นแม่ของต้น ป้าโจ๊กพูดกับน้องเนยเพราะ เลี้ยงน้องเนยให้เป็นเด็กน่ารัก ต้นก็อยากน่ารักแบบนี้บ้าง แต่ต้นไม่มีใครสอน...ป้าโจ๊กโกรธที่ต้นทะเลาะกับแม่ เถียงแม่ใช่มั้ย?

หญิงป้าบอกว่า ไม่ได้โกรธ แต่ป้าไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากจะให้ที่กินที่นอน ต้นยังอายุแค่สิบห้า แม่ยังมีสิทธิ์ในตัวต้น ต้นต้องกลับบ้าน ถ้าพ่อมาตามให้กลับ...

เด็กคนนั้นไปโรงเรียนในวันต่อมา...ตอนบ่ายครูเรียกหญิงป้าให้ไปหา บอกว่า เด็กไม่ยอมกลับบ้าน ต้องส่งไปบ้านฉุกเฉินทันที เพราะเหตุการณ์กำลังแย่ แม่ก็มาให้ร้ายลูกว่าไปเชื่อฟังคนอื่น (คือหญิงป้า) มายุแหย่ให้แม่ลูกทะเลาะกัน

ฟังแล้งงงมั้ยคะ?...

แต่หญิงป้าก็เฉย เพราะเป็นที่รู็จักกันในที่เขตว่า ไม่มีใครขุดหญิงป้ามาจากส้วมหลังไหน ตอนแต่งงานกับพ่อของเจ้าเนย เขาก็เป็นคนที่มีหน้าที่การงานดี จบปริญญาเอก เป็นอาจารย์สอนหนังสือ หญิงป้า...เขาก็รู้จักในฐานะเป็นนักเขียน เพราะตอนนนั้นหนังสือพิมพ์ชอบไปสัมภาษณ์ เรียกว่าเขารู้ว่าหญิงป้าไม่ใช่อย่างที่แม่คนนั้นใส่ร้ายแน่

ทางกองคุ้มครองปกป้องสิทธิเด็กและเยาวชนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเด็กทันที
จับเด็กแยกจากแม่ แล้วทางเขตขอให้หญิงป้าดูแลเด็กวันเสาร์อาทิตย์ เพราะคนที่ดูแลเด็กเขาก็ต้องกลับบ้านของเขา หญิงป้าตกลง

ดูแลเด็กคนนั้น เลี้ยงอบรมให้เด็กมีสภาพจิตใจดีขึ้น
แต่ในขณะเดียวกันแม่ผู้หญิงคนนั้นไปเที่ยวบอกผู้หญิงบริการที่ไปอยู่เอเด้อทุกคนว่า เขามีเรื่องกับหญิงป้าเพราะหญิงป้าไปเอาลูกชายของเขาเป็นผัว แต่ก็ดีที่ลูกชายได้ขึ้นครูดี แล้วหญิงป้าก็อยากจะได้ผัวของเขามาก เลยมีเรื่องกัน

ปกติหญิงป้าไม่เคยดูถูกคนอาชีพนี้ แต่จะดูถูกคนที่สันดานเสีย ปากเสีย จิตใจเสีย อันเนื่องมาจากมีอาชีพนี้ หญิงป้าได้ยินที่คนมาบอกเช่นนั้น ก็เลยเอ่ยออกมาว่า

"โธ่เอ๊ย...ผัวก็ตกงาน ไม่มีจะกิน ต้องอาศัยเงินหลวงกิน ฉันไม่เอาหรอกผู้ชายที่ต้องมาเลี้ยง แถมลูกเลื้อยออกมาเป็นพรวน ไม่มีจะกิน ยังปล่อยให้ท้องได้ท้องดี แล้วเหตุผลที่แน่ๆก็กลัวติดเอดส์จากผัว เพราะเมียเคยเป็นกะหรี่มีชู้มาก่อน"

ผู้หญิงคนนี้ สามีพูดไทย เขียนไทยได้ ทางเขตจึงให้เป็นคนแปลเอกสารบ้าง ส่วนมากจะให้แปลเอกสาร ปริญญาบัตร เมียแอบเอาเอกสารที่เขตมาให้สามีแปล เที่ยวไปให้ผู้หญิงไทยคนอื่นๆดู แล้วพูดว่า "ดูซิ จบปริญญาตรี ยังมาขายฮี๋ ที่เมืองนอก"

สิบปีก่อนหญิงป้าโกรธผู้หญิงคนนี้มาก เพราะว่า มันไม่รู้จักบุญคุณที่เราดคยช่วยมัน
คนเราถ้ามีคนมาช่วยดูลูกให้ ปกติ เขาก็จะบอกว่า ขอบคุณนะป้า ฝากไว้ก่อน ตอนนี้มันยังพูดกันไม่รู้เรื่อง

ซึ่งส่วนมากผู้หญิงไทยที่มีเรื่องงัดข้อกับลูก ก็จะมาขอบคุณหญิงป้าแบบนี้ แล้วก็จะเอามาฝาก บอกว่า "ป้าช่วยดุหน่อย มันฟังแต่ป้า"

แต่ผู้หญิงคนนี้ ไม่สามารถจะดีไปกว่าที่เคยเป็นได้
ขนาดน้องเนย เด็กที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว...เขายังเดินตามด่า แล้วยังไงทราบมั้ยคะ?
เจ้าเนยตอกกลับไปว่า "อีตาเหลือก อีควาย"
เจ้าเนยกลับมาเล่าที่บ้าน เลยขำก้าก ปกติจะบอกลูกว่า อย่าทำ...แต่คราวนี้พยักหน้ารับ

เดี่ยวนี้หรือคะ...เธอก็คงเวียนว่ายเล่าเรื่องนี้ให้ผู้หญิงไทยที่ไปอยู่ฮอลแลนด์ฟังเสมอๆ
แต่ไม่เคยบอกใครว่า สาเหตุุุุุุุที่ทะเลาะกับลูกคนโต (ตอนนี้ ยี่สิบห้า มีงานมีการทำไปแล้ว) เพราะว่าลูกเกลียดที่ตัวเองมีชู้ เธอมีคดีติดตัวจากเมืองไทย ขนาดถูกเรียกขึ้นศาล ศาลออกหมายจับ...

สามีของเธอ เดี๋ยวนี้พอเห็นหญิงป้า...ทำท่าแบบคนจะอ้วกใส่หญิงป้า
เด็กที่เคยช่วยไว้ เดี๋ยวนี้ ก็กลับไปดูแลแม่เป็นประจำ

ส่วนหญิงป้า...ก็ชื่อเสียงย่อยยับในหมู่อาชีพหญิงที่เคยขายบริการแล้วไปรู้จักแม่ดาวจรัสแสงคนนี้ เพราะมันจะตามใส่ไฟเรื่อยๆ ไฟจะดวงโตเรื่อยๆ ขนาดมีสามีใหม่ มันยังเอาไปบอกว่า เอาเพื่อนที่เรียนหนังสือโรงเรียนเดียวกับลูกเป็นผัว (ฮาค่ะฮา)

ที่เล่ามา เพราะต้องการให้คุณหน่อยและหลายๆคนทราบว่า
ถ้าคิดจะอยู่เมืองนอกแล้ว อย่าหวังว่าชีวิตจะเจอแต่สิ่งปกติ
เพราะความผิดปกติทั้งหลาย มันก็ตีตั๋วมาในเครื่องบินลำเดียวกับเราได้
เจอแล้ว อย่าไปเสียใจ แต่ขอให้สะใจกับสิ่งที่เจอ
อยู่เมืองไทยไม่เคยเจอ ก็มาเจอที่เมืองนอก
ขนาดปู่ย่าตายายเป็นเจ้า ยังถูกมันเรียกเราว่า "อีเจ้านั่งตู้"

แต่หญิงป้าถือว่า...กรรมใดใครก่อ มันก็แตกหน่อกันไปเอง
แล้วจะมาเล่าเรื่องหญิงขายบริการที่มีชีวิตในทางตรงข้ามกับแม่ดาวจรัสแสงแห่งเอเด้อให้ฟังค่ะ...ไม่ต้องปูเสื่อ ถือป๊อบคอร์นมารอนะคะ
ไปหาอย่างอื่นทำก่อน

อารมณ์ดีถึงจะเล่าค่ะ...และถ้าได้อ่านแล้ว คุณจะยิ้มทั้งน้ำตา

โดย **naddyswiss** » อาทิตย์ ม.ค. 18, 2009 10:53 am

ขอบคุณหญิงป้ามากค่ะ เพราะมันเป็นจริงตามนั้นอย่างที่หญิงป้าเล่าจริง

โหน่งก้อได้ประสบกะตัวเอง จนตอนนี้อยากมีชีวิตอยู่ไปวันๆกะลูกมากกว่า

หญิงป้ารู้ไหมคะ โหน่งไม่ค่อยมีเพื่อนที่สวิสหรอกค่ะ ชีวิตโหน่งอยู่กะเว็บครัวไกลบ้าน

แซวคนนู๊นที คนนี้ที ตอนกลับเมืองไทยถึงมีเพื่อนเยอะหน่อย เพื่อนสมัยเรียน สมัยทำงานนู่นแน่ะ

โหน่งว่าโหน่งเป็นคนโชคดีที่ตั้งแต่โหน่งเกิดมา โหน่งมักจะมีแต่เพื่อนที่พากันเรียนหนังสือหนังหา ไม่มีเพื่อนที่จะนำพาเราไปสู่ความเสื่อมเสีย ตอนเด็กๆก้อมีค่ะเพื่อนข้าบ้าน ที่เกือบพาเราไปเสื่อมเสีย แต่พ่อก้อดึงเอาไว้ บอกว่าคนนี้อย่านะ แล้วก้อเชื่อพ่อค่ะ ตอนนี้เพื่อนโหน่งคนนั้นเค้านอนเล่นในคุกค่ะ เพราะเค้าขายยาบ้ากัน คือโหน่งอยู่ในชุมชนแออัดแต่เด็กน่ะค่ะหญิงป้า แต่โชคดีพ่อเป็นข้าราชการเราเลยได้โอกาสดีกว่าคนอื่นที่ได้เรียนหนังสือ และรักที่จะไปเรียนหนังสือ

ถ้าหญิงป้าเคยได้อ่านเรื่องของปากที่โหน่งเขียนไว้ หญิงป้าก้อจะทราบว่าโหน่งมีเรื่องกับผู้หญิงเพราะสาเหตุุจากเราไปอยู่ในวงสนทนาของพวกเค้าด้วย พอเค้าไม่สบอารมณ์เราก้อเอาเรื่องในวงนั้นที่เค้าก้อพูดไปบอกกันและกัน สุดท้ายเรากลายเป็นหมา

เมื่อวานโหน่งเจอผู้หญิงไทยที่เคยด่าโหน่งเค้านั่งรถฝรั่งคันนึงเข้ามาที่ซุปเปอร์แถวบ้านโหน่ง โหน่งก้อไม่เข้าใจว่าฝรั่งเค้าชะลอดูหน้าโหน่งทำไม โหน่งก้องง ที่จอดรถมีเยอะแยะ เมิงจะจอดตรงกรูหรือไงไม่เข้าใจ สักพักโหน่งแหงะไปเห็นหน้าพี่คนที่เค้าโทรมาด่าโหน่ง โหน่งก้อเลย อ๋อ เค้าคงบอกฝรั่งว่าอีนังคนนี้อย่างนู้นอย่างนี้ แต่เค้าคงไม่บอกเพื่อนฝรั่งเค้าหรอกนะว่าเค้าก้อมีสันดานไม่ดีเช่นไร แต่โหน่งอยู่ของโหน่งเฉยๆนะ ไม่ได้พบปะสังสรรค์กะใคร อยู่เมืองนอกอยู่ลำบากค่ะ

ผู้หญิงฝรั่งที่นี่บางคนเค้าก้อหมั่นไส้หน้าเราทั้งๆที่เราก้อไม่เคยทำไรให้เค้าค่ะหญิงป้า มีเภสัชคนนึงเราไปซื้อของเค้าบ่อยๆ ตอนซื้อของเค้าๆก้อต้อนรับเราดี ไปเจอกันที่อื่นทำหน้าเหมือนส้นทีนใส่ให้ซะงั๊น เห้อ แต่พวกคนเราเหล่านั้นไม่ได้มีอิทธิพลกะหนูเท่าไหร่หรอก เพราะหนูอยู่ที่สวิสเพื่อดำรงชีวิตครอบครัวของหนูให้ดีที่สุดเท่านั้นค่ะ เพราะถีงเวลาหนูก้อกลับไปเยี่ยมพ่อแม่หนูและใช้เวลากะครอบครัวที่เมืองไทย คนเหล่านั้นไม่ได้ช่วยหนูออกค่าตั๋วเครื่องบินแต่อย่างใด เหอๆๆ ไอ้คนออกให้มันปั๋วหนูนั่นเอง เลยตอนนี้ดูแลเอาใจใส่ปั๋วและลูกสุขใจเอย อิอิ

โดย **bchaiwan** » อาทิตย์ ม.ค. 18, 2009 1:10 pm

เรื่องนี้มันนานาจิตตังค่ะ

ถ้าเราไม่ใส่ใจ มันก็ไม่มีอะไรมาก เพราะคนเราเลือกเกิดไม่ได้ บางคนไม่ใช่อยากจะทำอาชีพนี้ แต่มันมีบางสิ่งบางอย่างจำเป็นต้องทำ ถ้าไม่เป็นเขาไม่รู้หรอกค่ะ แต่บางคนก็เป็นในสันดาน คือชอบที่จะทำ ทำแล้วเลิกไม่ได้ อันนั้นเราก็ต้องทำใจ เพราะว่าเขาไม่ใช่เรา ถ้าใส่ใจมากนัก เรานั้นแหละจะเป็นคนคิดมากและเจ็บปวดเสียเอง

ทำมัยถึงอยากแต่งงานกับฝรั่ง

มันก็แล้วแต่เหตุผลของแต่ละบุคคล บางคนก็แต่งงานเพราะความรัก บางคนก็แต่งงานเพราะว่ามีปั๋วไทยแล้วมันช่างประเสริฐเสียเหลือเกิน แบบเลี้ยงด้วยหมัดศอกเข่า คลุ้กเคล้าด้วยน้ำตา ก็เลยหาอะไรที่คิดว่าดีกว่า อะไรก็ได้ที่ทำใหชีวิตดีขึ้นกับตัวเอง กับครอบครัว หรือหากใครมีลูก ก็จะคิดถึงอนาคตของลูก เมื่อมีโอกาสเขาก็คว้าไว้ละค่ะ อย่าว่ากัน

แต่งงานกับฝรั่งเพราะเงินเหรอ

มันก็มีส่วน แต่จะบอกว่าฝรั่งไม่ได้รวยหรอกนะคะ ใครคิดว่าฝรั่งทุกคนรวย ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่จริ๊ง ไม่จริง ลิเองแต่งงานกับฝรั่ง มีหนี้มากกว่าอยู่เมืองไทยเสียอีก อาศัยว่ารักกัน ช่วยกันทำมาหากิน เลี้ยงลูกๆ ส่งเงินให้พ่อกับแม่นิดหน่อย ก่อนแต่งงานก็บอกกับแม่ว่า ปั๋วหนูไม่ได้รวยนะ แม่ก็บอกว่า รวยไม่รวยก็ช่างมันเหอะ ขอให้เขารักและเลี้ยงดูแกก็พอ ให้เขาขยันทำงาน ไม่ขี้เกียจ เดี๋ยวอะไรๆ ก็ดีเองแหละ เงินทองของนอกกาย ไม่ขี้เกียจไม่อดตายหรอก ฮาฮาฮาฮาฮา เราเป็นเด็กดีเชื่อฟังคำสอนของแม่ ตอนนี้เลยได้สองหน่อ

เพื่อนคนไทยที่รู้จักที่ไอซ์แลนด์ มีแต่คนที่น่ารัก ช่วยเหลือซึ่งกันและกันดีค่ะ แบบไงละ เราอยู่บ้านนอกอะนะ เลยไม่ค่อยมีใครที่นินทากันเท่าไร แต่เห็นเพื่อนบอกถ้าอยู่เมืองหลวงก็ไม่แน่หรอก เพราะว่าด่ากัน ทะเลาะกัน เยอะแยะไป แต่เราก็ถือคติที่ว่า ใครอยากคบค่อยคบ ไม่อยากคบเราก็ไม่คบ อะไรที่ทำให้เราสบายใจก็ทำดีกว่า ไม่สบายใจก็หนีให้ห่างไปเลย

โดย **naddyswiss** » อาทิตย์ ม.ค. 18, 2009 1:17 pm

bchaiwan เขียน:
เพื่อนคนไทยที่รู้จักที่ไอซ์แลนด์ มีแต่คนที่น่ารัก ช่วยเหลือซึ่งกันและกันดีค่ะ แบบไงละ เราอยู่บ้านนอกอะนะ เลยไม่ค่อยมีใครที่นินทากันเท่าไร แต่เห็นเพื่อนบอกถ้าอยู่เมืองหลวงก็ไม่แน่หรอก เพราะว่าด่ากัน ทะเลาะกัน เยอะแยะไป แต่เราก็ถือคติที่ว่า ใครอยากคบค่อยคบ ไม่อยากคบเราก็ไม่คบ อะไรที่ทำให้เราสบายใจก็ทำดีกว่า ไม่สบายใจก็หนีให้ห่างไปเลย

โหน่งก้ออยู่บ้านนอกของสวิสค่ะ ไม่ค่อยมีคนไทยที่รู้จักเมื่อก่อนก้อมีแค่สี่ห้าคน แต่ตอนนี้คบอยู่คนเดียว เพราะเค้าไม่อยากคบด้วยค่ะ หรือเราก้อไม่อยากคบเค้าด้วยเหมือนกัน ไม่ค่อยชอบคนพูดเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่นก้อเลยลากันไป ขนาดคนน้อยนะคะยังมีปัญหาเลยไม่ได้เกี่ยวกับอยู่เมืองนอก หรือบ้านนอกของเมืองนอกหรอกค่ะ

ส่วนเรื่องฝรั่งทุกคนรวย ฮ่าๆๆ เห็นด้วยกะคุณลิค่ะ เพราะถ้าสามีโหน่งไม่ขยันทำมาหากิน เค้าก้อคงไม่มีจนถึงทุกวันนี้ โหน่งคิดว่าถ้าคนขยันก้อย่อมมีเงินเป็นของธรรมดา รางวัลจากความขยันไงคะ

โดย **bchaiwan** » อาทิตย์ ม.ค. 18, 2009 1:40 pm

naddyswiss เขียน: โหน่งก้ออยู่บ้านนอกของสวิสค่ะ ไม่ค่อยมีคนไทยที่รู้จักเมื่อก่อนก้อมีแค่สี่ห้าคน แต่ตอนนี้คบอยู่คนเดียว เพราะเค้าไม่อยากคบด้วยค่ะ หรือเราก้อไม่อยากคบเค้าด้วยเหมือนกัน ไม่ค่อยชอบคนพูดเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่นก้อเลยลากันไป ขนาดคนน้อยนะคะยังมีปัญหาเลยไม่ได้เกี่ยวกับอยู่เมืองนอก หรือบ้านนอกของเมืองนอกหรอกค่ะ

ส่วนเรื่องฝรั่งทุกคนรวย ฮ่าๆๆ เห็นด้วยกะคุณลิค่ะ เพราะถ้าสามีโหน่งไม่ขยันทำมาหากิน เค้าก้อคงไม่มีจนถึงทุกวันนี้ โหน่งคิดว่าถ้าคนขยันก้อย่อมมีเงินเป็นของธรรมดา รางวัลจากความขยันไงคะ

อย่าเรียกคุณเลยค่ะ เรียกพี่ดีกว่าเนอะ เพราะลิอายุเยอะกว่าน้องโหน่งนิดหน่อยจ้า

อือ ก็อาจจะใช่ค่ะ เรื่องคบเพื่อน คนไทยเมืองที่ลิอยู่ จะต่างคนต่างทำงาน วันหยุดก็ค่อยมาเจอกัน ทำอาหารทานกัน แต่ถ้าเขาไม่อยากคบลิก็ไม่คบเหมือนกันค่ะ ถ้าเลี่ยงได้ก็เลี่ยงอะนะ แบบไงละ ลิไม่ชอบง้อใคร ใครดีด้วยก็ดีตอบ แต่ถ้าไม่ก็ไม่อยากคบอะ นิสัยนี้เพิ่งมาเป็นที่ไอซ์แลนด์ค่ะ เพราะแต่ก่อนจะแคร์ความรู้สึกชาวบ้านมากกว่าตัวเอง ถึงแม้จะรู้ว่าเขาทำผิดก็แคร์ค่ะ แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว ลิเปลี่ยนแปลงตรงจุดนั้นแล้วอะค่ะ แล้วลิชอบน้องโหน่งนะ ฮาฮาฮา เพราะน้องโหน่งคุยสนุกดี ตามที่ติดตามอ่านๆ มานะคะ

naddyswiss เขียน:

หญิงป้ารู้ไหมคะ โหน่งไม่ค่อยมีเพื่อนที่สวิสหรอกค่ะ ชีวิตโหน่งอยู่กะเว็บครัวไกลบ้าน

บางครั้ง...การที่เรามีเพื่อนเพียงคนเดียว อาจจะมีน้ำหนักในการดำรงชีวิตมากกว่ามีคนที่เรารู้จักเป็นร้อยคนนะคะ

การที่หนูโหน่งได้รับความเดือดเนื้อร้อนใจจากคนๆนั้น แล้วมาปิดกั้นตัวเอง
มันคงเป็นการหนีความชั่วที่ผิดวิธีมากกว่าค่ะ จริงอยู่ที่เราไม่ต้องเห็นคนนั้น แต่เราก็มีสิทธิ์ที่จะมีโอกาสเป็นเพื่อนกับคนดี ที่เรายังไม่ได้ไปสัมผัส

การดำเนินชีวิตของมนุษย์ จะตวบคู่ไปกับการลองผิดลองถูก

หญิงป้าก็เคยแล้วค่ะ เธอจะยืนมองหญิงป้ากันเป็นหมู่ เอ้อ ขอโทษ อันนั้นเขาใช้กับหมา ยืนมองหญิงป้ากันทั้งกลุ่ม แต่หญิงป้าก็เดินผ่านไปเฉยๆ และไม่ใช้วิธีเดียวกับพวกเธอ ที่ต้องเชิดหน้าใส่คนอื่น ในขณะที่ผ่าน ถ้ามีคนในกลุ่มทักหญิงป้า หญิงป้าก็ทักตอบ พูดด้วยคำพูดนุ่มนวลไป ก็จบ...

แต่จะไม่ไปคลุกคลีด้วย ไม่ใช่ว่าจะรังเกียจ
แต่รู้สึกเสียเวลา ที่ต้องไปนั่งฟังเรื่องที่เขานินทาคนที่ยังไม่มานั่งอยู่ในวง

เราไปเปลียนที่เขาเคยเป็นไม่ได้ แต่เราสามารถปรับตัวเราได้นะคะ
ดูพวกเขาก่อนว่า อะไรที่ทำให้เขาเป็นคนอย่างนี้
พอหาสาเหตุุุได้ ก็บอกตัวเองว่า ฉันไม่ใช่พ่อแม่ของเธอ เลยไม่รู้จะช่วยสอนให้เธอดีกว่าที่เธอเป็นยังไง เธอก็แบกสิ่งที่เธอเป็นอยู่ไปจนตายก็แล้วกัน...

ถ้าหนูโหน่งจะดูตามหัวข้อที่จั่วนั้น มันสามารถมองได้สี่ประเภทค่ะ

๑) ผู้ที่เป็นแต่ร่างกาย จิตใจพยายามแก้ไข ให้ดีงาม พยายามหาทางเลิกกับอาชีพนี้ แต่เลิกไม่ได้ เพราะถ้าเลิกก็อดตายกันหมด
๒) ผู้ที่เป็นที่จิตใจ ไม่ได้ยึดเป็นอาชีพแต่ต้องการแย่งผู้ชายที่ตัวพอใจจากผู้หญิงอื่น
๓) ผู้ที่ประกอบอาชีพนี้โดยความจำเป็น แล้ววันหนึ่งก็ไม่สามารถขัดเกลามันออกได้จากจิตใจ เพราะอย่างที่บอก จิตใจเสื่อมทรามอันเนื่องมาจากอาชีพ เลิกแล้วก็ยังไม่สามารถเอาความเสื่อมทรามนั้นออกจากใจได้
๔) ผู้ที่เป็นแล้ว เลิกได้แล้ว แต่ต้องมาเจ็บช้ำกับคำนี้ทุกครั้ง ที่มีคนเอ่ยถึงความเสื่อมทรามของโสเภณี

ดังนั้นเวลาหนูโหน่งมองเห็นคนที่เขาเคยว่าอะไรเราไว้ แล้วเขาเคยยึดอาชีพนี้มาก่อน
ก็พยายามคิดว่า อย่าไปตัดสินว่า ถูกโสเภณีว่า...แต่ขอให้มองว่า ถูกผู้หญิงประเภทที่สามตามข้างบนว่าเรา...

หญิงป้า...เวลาจะว่าใคร จะไม่เอาอาชีพของคนนั้นมาพิจารณา
แต่จะดูสันดาน เอ๊ยนิสัยถาวรของเขาว่า เขาต้องการเป็นคนดีมากน้อยเพียงไร มาพิจารณา
ถ้ามีคนว่าคนอาชีพนี้ ชอบพูดโกหก หลอกลวง เอาเงินผู้ชาย
แล้วหนูก็ลองดูพวกนักธุรกิจที่พยายามหลอกล่อลูกค้าให้ซื้อของตัวเองสิคะ
บางครั้งของไม่มีคุณภาพ ยังบอกว่าดี...หลอกเอาเงินเหมือนกัน

ถ้าถูกคนพวกนี้ว่า จะไม่เสียใจ
เพราะดวงตาของเขา ความคิดของเขา จะคงไว้แต่สิ่งไม่ดี
(นอกจากอาหารอร่อย แล้ว เรื่องดีๆเรื่องอื่นพูดไม่เป็น)
แต่ถ้าคนดี คนมีศีลธรรมมาว่ากล่าว แล้วเราผิดตามนั้นจริง
หญิงป้าจะเสียใจ...เพราะคนที่ว่าเราเป็นคนดี
คนดีเขาจะพูดแต่สิ่งที่ดีของเรา แต่วันหนึ่งเขาสามารถเห็นสิ่งที่ไม่ดีของเราได้
แปลว่า...เราผิดจริงค่ะ

พยายามกลับไปสู่โลกของคนที่พลุกพล่านบ้างนะคะ
เพราะโลกใบนั้น มีภาพที่เคลื่อนไหว ให้หนูโหน่งได้เห็นความจริงอีกแบบหนึ่ง
อาจจะวุ่นวายมากกว่าโลกแห่งไซเบอร์ใบนี้
แต่รับรองว่า มีสีสัน ...และหนูก็รู้ว่าที่หญิงป้าพูดจริง

โดย **mila** » อาทิตย์ ม.ค. 18, 2009 6:43 pm

นิตก็เป็นเหมือนพี่โหน่งคะ นิตมาอยู่ออสเตรียสามปีแล้วนิตมีเพื่อนอยู่แค่คนเดียวที่คุยด้วยจริงๆ แต่ว่าพี่เขาไม่ค่อยมีเวลาว่างมากนักเพราะทำงาน แต่นิตคิดว่าการอยู่คนเดียวเลี้ยงลูกที่แสนจะซนเหมือนลิงไปวันๆก็เหนื่อยเหลือทนแล้วคะ แต่คนที่บ้านนอกที่เหมือนไทยเขาก็เขียนเมล์มาเล่าให้ฟังว่าตอนนี้ที่บ้านนอกกำลังฮิตที่จะมีฝรั่งที่ละหลายๆคนเขาว่าได้ตังค์ใช้เยอะ

โดย **naddyswiss** » อาทิตย์ ม.ค. 18, 2009 7:35 pm

ถึงหญิงป้าค่ะ

โหน่งก้อไม่ได้ปิดตัวเองอะไรนะคะ ถ้ามีคนเข้ามาทำความรู้จักกับโหน่ง โหน่งก้อยินดีที่จะเป็นเพื่อนด้วยเสมอค่ะ ไม่ว่าเค้าคนไหนจะทำอาชีพอะไรมาก่อนก้อตาม ถ้าตอนนี้เค้าเป็นคนดีอันนั้นเราก้อต้องยอมรับในปัจจุบันของเค้า เพราะน้องคนที่คบกะโหน่งอยู่ทุกวันนี้เค้าก้อเคยทำงานบาร์มาก่อน เค้าก้อบอกโหน่งตั้งแต่เริ่มรู้จักกัน เค้ายังไม่ได้ทำอะไรให้โหน่งเจ็บช้ำน้ำใจ เราก้อยังคงคุยกัน ไปมาหาสู่กัน

ส่วนคนที่เค้าไม่คุยกะโหน่งและน้องคนที่โหน่งคบ เค้าก้อเคยอยู่กลุ่มเดียวกันนี่แหละค่ะ แต่พี่คนนั้นเค้าไปยุ่งเรื่องของน้องที่หนูคบมากเกินไป ก้อเลยบาดหมางแตกคอกันไปเสียหมด พอเริ่มแตกคอ ก้อแบ่งเป็นพวกนั้นพวกนี้ ขุดเอาเรื่องที่คนนั้นเคยพูดเรื่องเธอมาบอกอีกคน ทั้งๆที่วันนั้นเมิงนั่นแหละเป็นคนคุยกะกรู (อีห่านราก) เหอๆๆ ขออภัย

โหน่งอยู่ในหมู่บ้านค่ะ หมู่บ้านเล็กๆ หมู่บ้านที่โหน่งอยู่ก้อมีป้าคนไทย แต่ป้าเค้าก้อชอบอยู่ของแกคนเดียว(แกคงโดนมาเยอะแล้วน่ะค่ะ) อิอิ

โหน่งไม่มีเวลาไปหาความพลุกพล่านหรอกค่ะหญิงป้า เพราะโหน่งมีลูกโคตรซนมาก ถึงสองตัว เอ้ยสองคน มันคงต้องใช้เวลาอีกสักหน่อย แต่อย่างน้อยในครัวนี้ก้อทำให้โหน่งเจอพี่ๆที่สวิสที่โหน่งติดต่อกับเค้า เคยเบิ่งรถไปหากันมาแล้วก้อมีค่ะ ที่แน่ๆก้อรู้จักได้สามคนแล้วน๊า

แต่โหน่งบอกหญิงป้าว่าเคยใช้ชีวิตแบบบ้าบอเที่ยวเล่นมามากแล้วค่ะ (ตอนสาวๆ อิอิ) ตอนนี้มันไร้อารมณ์ อยากจะอยู่กะครอบครัว เป็นอีแจ๋ว อีเย็นหน้ามันแบบนี้มากกว่า เพราะชอบไปปลดปล่อยความบ้าที่เมืองไทย ปล่อยให้ยายเลี้ยงหลานกันไปค่ะ หุๆๆ

โดย **naddyswiss** » อาทิตย์ ม.ค. 18, 2009 7:37 pm

mila เขียน: แต่คนที่บ้านนอกที่เหมือนไทยเขาก็เขียนเมล์มาเล่าให้ฟังว่าตอนนี้ที่บ้านนอกกำลังฮิตที่จะมีฝรั่งที่ละหลายๆคนเขาว่าได้ตังค์ใช้เยอะ

อันนั้นขอบายฮ่ะ มีปั๋วคนเดียวก้อหลอนพอแระ ก๊ากๆๆ กลัวมาเรื่องเวรกรรมมีจริงน่ะฮ่ะ มิอยากโดนหนามงิ๊วตำตอนหมดลมหายใจ อิอิ แต่นรกบนดินน่ะมีจริงนะคะ โหน่งเชื่อเรื่องเวรกรรม มันตามเราตลอดเวลาค่ะ

โสเภณี

ผู้ใช้งานขณะนี้