ครัวไกลบ้านได้ทำการปรังปรุงเวบไซต์ให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นในระบบสมาร์ทโฟน และได้รวมข้อมูลเมนูอาหารและ สมาชิกจากทั้งเวบไซต์เก่าและใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว

สมาชิกท่านไหนมีปัญหาไม่สามารถล็อกอินได้ ให้ทำการเปลี่ยนพาสเวิร์ดโดยคลิ๊กลิ้งค์นี้ ลืมรหัสผ่าน
ถ้าท่านใดมีชื่อสมาชิกมากกว่าหนึ่งชื่อแล้วต้องการรวมโพสทั้งหมดให้อยู่ในชื่อสมาชิกเดียว หรือมีปัญหาในการใช้เวบไซต์
สามารถส่งอีเมล์แจ้งรายละเอียดมาได้ที่ admin@kruaklaibaan.com หรือส่งข้อความได้ที่ user: sillyfooks

ถ้าชอบครัวไกลบ้าน อย่าลืมคลิ๊กไลค์เฟสบุ๊คให้ครัวไกลบ้านด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

,,,เปิดโปง เมียฝรั่งคนนี้,,,,

อยากคุย อยากเล่า อยากบ่น เรื่องสุข เรื่องทุกข์ เรื่องสารพันปัญหา เชิญคุยกันได้ตามสบายที่ห้องนี้ค่ะ

โพสต์โดย คุณนาย » พฤหัสฯ. ก.ค. 27, 2006 8:13 am

เมื่อวานเข้ามา่อ่านต่อ แหม อ่านกำลังมัน ลูกก็เข้าเล่นมั่ง ก็เลยอ่านไม่จบ เดี๋ยวตอนเย็นจะมาอ่านต่อค่ะขอไปทำงานก่อนนะคะตอนเย็นเจอกันพัช หุๆๆๆๆๆมันจริงจริ้ง เอ้ย ไม่ิพิดหวังนิยายเรื่องนี้ ไปล่ะ EM001
<span style='color:red'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>"คิดดี พูดดี ทำดี "<span style='color:purple'>...</span><span style='color:green'>ผู้นั้นคือ ..บัณฑิตย์</span></span></span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
คุณนาย
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 209
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 29, 2006 4:02 pm

โพสต์โดย มอมแมม » พฤหัสฯ. ก.ค. 27, 2006 10:15 am

แนนเคยได้ยินเหมือนกันค่ะพี่ชกลอนนี้ แต่เป็นคนละแบบอ่ะ
จะรักใครควรรักเพียงครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งเก็บใว้ยามผิดหวัง จะรักใครอย่ารักให้จิงจัง ยามผิดหวังจะได้ใว้สำรอง.. คล้ายๆกันค่ะ แต่แนนเป็นประเภท รักหมดตัวนะคะ แต่ไม่ยอมให้ตัวเองเจ็บน่ะค่ะ รอฟังเรื่องตอนต่อนไปนะคะ นักเขียนใหม่
<span style='color:gray'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>จะขอเป็น.....ข้ารองพระบาท.....ทุกชาติไป....</span></span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
มอมแมม
แม่ไข่ดาว พ่อไข่เจียว
 
โพสต์: 392
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ม.ค. 18, 2006 10:00 am

โพสต์โดย ร้านหนังสือนกน้อย » พฤหัสฯ. ก.ค. 27, 2006 6:57 pm

มอมแมม

ขอบคุณค่ะ ก็คล้ายกันจริงๆแหละเน๊าะ,,,พี่เองก็เช่นกันค่ะ รักหมดตัวหมดหัวใจ

พูดแล้วก็ไม่น่าเชื่อนะคะ ตั้ง ๑๐ ปี ,,มานั่งนึกถึงตอนนี้,,ยังคิดเลยนะคะว่า,

,ทำไมเราถึงได้โง่อย่างนี้,,,

nanai

ฮิๆๆๆ,,ขอบคุณที่ชอบค่ะ เรียกพัชๆ แบบนี้สงสัยอายุเท่ากัน..แต่เอ..หรือว่าเราจะเป็นพี่,

,เฉลยหน่อยนะคะ อยากรู้จะได้ลำดับถูก,,ฮิๆๆๆ,,,แบบว่าอยากสนิทสนมไงค่ะ

Sanhathai


ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะเอมี่,,พี่ดีใจมากที่เรื่องราวของพี่สามารถนำไปใช้เป็นประโยชน์ได้,

,เลือกเฉพาะที่ดีๆนะคะ ไอ้ที่ไม่ดีก็เอาทิ้งไป,,,คนเราไม่โดนเข้ากะใครก็ไม่มีใครรู้หรอกนะคะ

ก่อนที่พี่จะนำเอาเรื่องที่เขียนมาแปะ,,นี้พี่ได้ทดลอง ส่งโรงพิมพ์ แค่ครั้งเดียว

พอเขาบอกไม่รับ พี่ก็เก็บดองเอาไว้เลยค่ะ สามีผู้น่ารักแนะนำพี่เลยค่ะว่า

ให้ส่งบริษัทใหม่ หรือไม่เขาก็จะยอมเสียเงินพิมพ์ให้ ขายไม่ได้ไม่เป็นไร ให้ถือเสียว่า

เราได้ทำในสิ่งที่เราเคยฝัน และหวังไว้ นับว่าเป็นเรื่องแรกที่พี่สามารถเขียนจนจบได้

โดยไม่ขว้างลงตะกร้า เพราะเขาพี่ก็เลยเอามาแปะให้ทุกๆคนได้อ่าน ตอนนี้ไม่นึกเสียใจแล้วค่ะ

อย่างน้อยๆก็มีน้องๆที่นี่ชอบอ่าน,,พี่ก็เลยรู้สึกดีขี้นค่ะ....เสียดายจังเลยนะคะ

มีลูกแค่คนเดียวไม่น่าทำหมันเลยค่ะ,, แก้เถอะค่ะ เอมี่,,ยังไม่สายหรอกค่ะ

,,ก็รักษาสุขภาพเช่นเดียวกันนะคะ,,,
<b><u><span style='color:red'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>..ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน..และกำลังมองหาหนังสือดีๆๆ<br>อ่านสักเล่ม ไม่ยากค่ะ เชิญแวะเข้ามาได้เลย.<br>.ร้านอยู่ที่เยอรมันจ๊า..คลิกโลด...</span></span></u></b><br><br><a href="http://www.noknoi.de/" target="_blank"><img src="http://i591.photobucket.com/albums/ss360/Noknoi1965/noknoilogoKopie.png"></a>
ภาพประจำตัวสมาชิก
ร้านหนังสือนกน้อย
แม่ไข่ยัดไส้ พ่อไข่ลูกเขย
 
โพสต์: 695
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ม.ค. 15, 2006 8:34 pm

โพสต์โดย ร้านหนังสือนกน้อย » พฤหัสฯ. ก.ค. 27, 2006 7:00 pm

เมย์

ดีใจจังที่ตำแตงพี่มีประโยชน์ต่อน้อง,,

,ไอ้เรื่องผมทรงขัดใจแม่นี่ อย่าไปสนใจเลยน้อง

สนใจแค่เขาเล่าเรียน และเป็นคนดีของสังคมก็พอแล้วค่ะ
<b><u><span style='color:red'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>..ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน..และกำลังมองหาหนังสือดีๆๆ<br>อ่านสักเล่ม ไม่ยากค่ะ เชิญแวะเข้ามาได้เลย.<br>.ร้านอยู่ที่เยอรมันจ๊า..คลิกโลด...</span></span></u></b><br><br><a href="http://www.noknoi.de/" target="_blank"><img src="http://i591.photobucket.com/albums/ss360/Noknoi1965/noknoilogoKopie.png"></a>
ภาพประจำตัวสมาชิก
ร้านหนังสือนกน้อย
แม่ไข่ยัดไส้ พ่อไข่ลูกเขย
 
โพสต์: 695
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ม.ค. 15, 2006 8:34 pm

โพสต์โดย ร้านหนังสือนกน้อย » พฤหัสฯ. ก.ค. 27, 2006 7:12 pm

<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>++ ตอนที่เจ็ด ++</span>
<span style='color:blue'>
<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>
" ,,,ชีวิตคู่ ,,ชีวิตแต่งงาน " ,,,,</span></span> ความหมาย ก็ตรงตัว อยู่แล้วนะคะ ,,,

ว่าเป็น สิ่งที่มาเป็นคู่ๆ ไม่ใช่,,ชีวิตคี่,,,ว่ากันว่า ผู้หญิงเราทุกคน,, ขอย้ำ,,เลยนะคะ,,ว่าทุกคน

เมื่อแต่งงานแล้ว ก็อยากจะมี สามี ที่ดีๆ มีลูก รวมไปถึง หลานที่น่ารัก เพื่อ ความสุข ในบั้นปลายชีวิต

กันทั้งนั้น..แต่..เอ๊ะ...หรือใคร จะแย้งว่า,,,ไม่จริงบ้างค่ะ,,?

,,,,,,,บางคน อาจจะบอกว่า..ฉันก็แค่...แต่งงานเล่นๆ,,หาประสบการณ์,,... ก็เท่านั้น,,

,,,,,,บางคน ก็อาจจะ แต่งงาน เพราะไม่มีทางเลือก หรือ อยากจะลงจากคานทอง,, เพราะฉะนั้น ,,,

ชีวิตคู่ จะมีความสุข,, หรือ,,ไม่มีความสุข ,,ฉันก็ไม่สนใจ,,

,,,จะอะไร ก็แล้วแต่,,,เพราะนั่นมัน เป็นเหตุผลส่วนตัว ของแต่ละบุคคล ก็ไม่ว่ากันนะคะ เรื่องแบบนี้,,,

,,,อันนี้ พูดถึงเฉพาะ คนที่ตัดสินใจ ที่จะร่วมหัว จมท้าย อยู่ด้วยกัน,,,<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>เป็นคู่ชีวิต,,</span>

ซึ่ง อาจจะ อยู่รวมกัน ด้วยการแต่งงาน ,,หรือ ,,ไม่แต่งงาน,,ก็ได้นะคะ ส่วนชีวิตคู่นี้ สำหรับ

ตัวผู้เขียนด้วยแล้ว หากเลือกได้ ก็จะขอเลือก มีชีวิตครอบครัว ที่อบอุ่น อยู่ด้วยกัน ไปจนกว่า จะตายกันไป

ข้างหนึ่ง หละค่ะ และก็ หากเลือกได้ ก็ขอเลือก แบบเห็นแก่ ตัวหน่อยนะคะ ,,คือขอเป็นคน ที่จะต้องตายไป

ก่อนสามี เพราะว่า เกิดสามีเขาตายไปก่อน แล้วตัวเราจะเหงา เป็นโรคกลัวความเหงา คือไม่อยากจะ อยู่คน

เดียว ก็เท่านั้นหนะคะ,,,

,,ชีวิตที่มีความสุข,,
ไม่ว่าใครๆต่างก็หวังใช่ไหมค่ะ ? หากแต่บางครั้ง โชคชะตา ก็เล่นตลก

ไม่ทำให้เรา มีความสุขได้อย่างที่หวัง ดังนั้น ชีวิตคู่ ครั้งแรก ของเราจึงลงเอย ,,ด้วยการแยกทาง

เป็นเส้นขนาน เหมือนโซ่ รถไฟ ยังไงก็ยังงั้นแหละค่ะ เพราะเราสองคนนี้ ไม่มีทางหวนกลับมา

อยู่ด้วยกันได้อีก พร้อมทั้ง ของขวัญ ที่เป็น กำไรชีวิตมาอีก ๒ คน และก็ คิดว่ายังมี สาวๆ

อีกหลายคนนะคะ ที่ยัง,,มีชีวิตคู่ที่ไม่สมหวัง,,,เมื่อ มีชีวิต ที่ไม่สมหวัง,,และ ความไม่สมหวังนี้

ก็อาจแสดงกัน ออกไปต่างๆนา,,ยกตัวอย่างเช่น,,ฆ่าตัวตาย,, ฆ่าสามี ,, ฆ่าภรรยา และอาจจะ มีมาถึง

การ,,ฆ่าลูก,, หรือ หนุ่ม แย่ง สาว - สาวแย่งหนุ่ม,,ทอม-ดี้,,ก็ว่ากันไปหละค่ะ,,,,ดังที่เราจะเห็นได้จากหน้า

หนังสือพิมพ์,,,

,,,,<span style='color:green'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>เคยได้ยินมาว่า ผู้หญิงเรา หากแต่งงาน ได้สามีที่ดีๆ ,,,ก็เหมือน กะ การ

ถูกหวยรางวัลที่ หนึ่ง,,,,</span></span>หรือเปล่า ?

,,,,,ชีวิตแต่งงาน ก็จะมีแต่ความสุข,,,ความหอมหวาน,,,จนไม่สามารถ จะบรรยาย ได้ว่า สุขอย่างไร ?,
,
,,,,เพราะนิยาม แห่งความสุขนั้น แค่เรา มองเห็น ใบหน้า ของคนเหล่านั้น เราก็จะสามารถ รับรู้แล้วหละค่ะ

ว่าคนๆนั้น มีความสุข,,,,เหมือนดังคำที่ว่า,,,ดวงตา เป็นหน้าต่าง ของหัวใจ,,,ตายิ้ม...ใจเราก็ยิ้ม...ไป

ด้วย<span style='color:blue'>,,,,,,การแต่งงาน หรือ ชีวิตคู่ ,,,นี้อาจจะหมายถึง,,,</span>

<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>" ชาย + หญิง,,,</span> อาจจะเป็น คนไทยด้วยกัน,,,หรือ,,ชาย - หญิง คนต่างด้าวทั้ง

คู่,,, " .หรือ,,. ชาย + หญิง,,,ต่างเพศ ที่แต่งงานกัน เป็นไปตามกฎเกณฑ์ ของมนุษย์ เราทั่วไป

และอันนี้อาจจะ แปลก สักหน่อย อาจจะเป็น ,,หนุ่มฝรั่ง นัยน์ตาสีน้ำข้าว,, ตามตำรา หรือ สีอื่น

ก็ได้ทั้งนั้นแหละค่ะ กับ,,สาวไทย,,, และก็ รวมไปถึง,, สาวผมสีบลอนด์,,กะ หนุ่มไทย,,,

ฉะนั้น ครอบครัวนี้ จึงเป็น,, ครอบครัวต่างด้าว หรือ ครอบครัวกระเหรี่ยง,, เหมือนกะ ผู้เขียน
หละค่ะ

" ชาย+ ชาย,,หรือ,,หญิง+หญิง,,," หรือที่เรียกกันเพราะๆ ให้เราได้ยินกันอยู่เสมอว่า

<span style='color:purple'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>" โลกสีม่วง "</span></span> ก็ต้องยอมรับแหละนะคะว่า

การมีชีวิตคู่ ในสมัยนี้ มิได้หมายถึง ,,การอยู่รวมกันระหว่าง ,,เพศ ชาย-หญิง,,เท่านั้น หากแต่เป็นการอยู่

รวมกัน,,ระหว่างเพศเดียวกัน,,,ก็มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ ,,ดังเช่นเรา ได้เห็น และนั่นหมายถึง การยอมรับทาง

สังคม ที่เปลี่ยนแปลง ไปในทางที่ดีขึ้น จะว่าไปแล้ว เราก็ยังได้มีโอกาสไปร่วมงานแต่งงาน ของเพื่อนของ

สามี ที่ประเทศฮอล์แลนด์ ระหว่าง<span style='font-size:14pt;line-height:100%'> " ชาย+ ชาย "</span> ซึ่งเดิมทีแล้ว เขาสองคนนี้

เป็นชาวอังกฤษ หากแต่ตอนนั้นสังคมเมืองผู้ดีนี้ ไม่ค่อยให้การยอมรับ กะ การรักผิดเพศของพวกเขา

ดังนั้นเขาทั้งสองจึง ไปซื้อบ้านและก็ ทำงานที่นั้น จนกระทั่ง รัฐบาลที่นี่ ยอมรับให้มี การแต่งงานได้ตาม

กฏหมาย ก็เป็นพิธีแต่งงานแต่งงาน เล็กๆ ที่น่ารัก ที่ศาลากลางจังหวัด และจนถึงทุกวันนี้ เขาทั้งสองคน

ก็อยู่ด้วยกัน ด้วยความรัก และ ความสุข มานานกว่าสิบปีแล้วค่ะ,,,,และในขณะเดียวกัน ก็ยังมีผู้ปกครอง

ที่ยังยึดถือคติโบราณ อีกหลายๆคน เหมือนกัน ที่ยังยอมรับ กะ การแต่งงาน ประเภทนี้ไม่ได้เช่นเดียวกัน

ก็ขอยกตัวอย่างเพื่อนชาย ที่สนิทสนมกันมากๆ อีกคนหนึ่งของสามี ซึ่งเป็นคนเยอรมันนะคะ ...

เรียกว่าเป็นเพื่อนสมัยเด็กๆ ของสามีเลยหละค่ะ เพราะคบกันมานานมาก ตั้งแต่เรียน มัธยม แรกๆ

ที่เธอเรียน กะสามี จนกระทั่ง จบออกไปทำงานที่ต่างจังหวัด เธอก็ยังมีแฟนเป็นผู้หญิงหละค่ะ

หากเมื่อปีที่แล้ว เธอกลับมาเยี่ยมบ้าน พร้อมกะนำ " เพื่อนชายคนใหม่ " ที่เธอบอกว่าเป็น " แฟน

ใหม่ "
มาแนะนำ ให้พวกเรา และ เพื่อนๆทุกคนได้รู้จัก ท่ามกลางความตกใจของสามีเรา

และ เพื่อนๆ เพราะเขาไม่เคยมีท่าทีให้เห็น มาก่อนเลยว่า เขาจะชอบผู้ชาย ด้วยกัน

หากแต่ความรัก ของคนคู่นี้ ก็สามารถทำได้ เพียงแค่ เช่าอพาร์ทเมนท์อยู่ด้วยกัน ข้างนอกเท่านั้น

นะคะ เพราะว่า,, พ่อ-แม่ ,,ของเพื่อนสามีเราท่านรับไม่ได้ ,,,ท่านห้าม..โดยเด็ดขาดเลยนะคะ.

.ว่าหากจะกลับมาเยี่ยมบ้านก็ให้มาได้เพียงคนเดียว ห้ามนำเพื่อนชายคนนี้ เข้าบ้าน หากจะนำเข้ามาบ้านเมื่อ

ไหร่ ก็ต้องรอให้ท่านทั้งสองตายไปซะก่อน ,,,,

....เอ้า...ก็แค่..เล่าให้ฟังเล่นๆ ไม่เห็นเป็นไร,, อย่าได้คิดมากค่ะ คิดมาก,,ระวังฝูงกา,,

จะมาขออาศัยอยู่นะคะ,,,,,มาถึงตรงนี้แล้ว คิดว่าทุกคน ก็คงจะ ยอมรับนะคะ ว่า,,การที่เราแต่งงาน

หรือ มีชีวิตคู่แล้ว เราจะ หลีกเลี่ยง กะ คำๆนี้ไม่ได้,,,<span style='color:blue'>
<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>
++ พ่อผัว-แม่ผัว-ลูกสะใภ้ ++</span></span>

และก็ โดยเฉพาะ สังคมคนไทย อย่างเรา ที่ได้เห็นกันอยู่บ่อยๆ ,,,จากความคิด ของตัวเองนะคะ

คิดว่ายังจะมีหลงเหลืออยู่ มาจนถึงปัจจุบันนี้ ซึ่งเราอาจจะเห็นได้ชัดๆ ,,จากในหนัง ,,จากจอทีวี,,

หรืออาจจะได้อ่าน,,จากหนังสือ,, ,,แต่ก็ยังมีข้อ ยกเว้นนะคะ หากว่า ท่านเหล่านั้น ได้ตัด

ช่องน้อยเสียชีวิต ไปก่อนวัยอันสมควร แล้วหละก็ ,,,หากจะว่าไปแล้ว เราเอง ค่อนข้างจะโชคดี

ถึงแม้ว่าจะอยู่กะ,,

<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>,,,,,สามีคนแรก,, เราก็ไม่เคยมีปัญหา,,พ่อผัว-แม่ผัว-ลูกสะใภ้,

,มาให้กระทบใจเรา,, และก็เช่นเดียวกัน

,,,,,,,,,กะ สามีคนนี้ ก็ไม่เคย มีปัญหา,,,,</span>

,,,,, ก่อนที่จะมาอยู่ กะ,,สามีคนปัจจุบันนี้,,ที่นี่ ก็ต้องยอมรับว่า<span style='color:red'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>,,,กลัว + คิด

มาก...</span></span>แหมๆๆๆ...อย่าได้หลงนิยม ชมชอบว่าผู้เขียนนี้ ,,น่าจะเป็นสาวมั่น

หรือ สาวเก่ง,,,อะไรเลยนะคะ ก็คนธรรมดา เดินดิน กินข้าวแกง เหมือนเราๆ ท่านๆ โดยทั่วไปนี่

แหละค่ะ " ไม่ได้ มีสี่ขา หรือ สี่ตา หรือ สิบแขน สิบหน้าเหมือน ทศกรรณ์หรอกนะคะ ",,, ,

,,,เพราะในตอนนั้น ยอมรับว่า,,กลัว,,, กลัวไปซ่ะทุกอย่าง ,,กลัว,,แม้กระทั่งว่า,,เขาอาจจะ

หลอกเอา เราไปขาย....ฮิฮิฮิฮิ...จะว่าไปแล้ว,, <span style='font-size:14pt;line-height:100%'>หุ่น + หน้าตา,, ของผู้เขียน นี้ก็สวยอยู่ในขั้น

นางงาม</span> <span style='font-size:14pt;line-height:100%'>หลายๆสถาบัน แหละค่ะ</span> หากแต่,,จะเอาไปขาย,,ก็คง

ขายไม่ได้ราคาหรอกค่ะ ยกเว้น ว่าสามีเขาจะขาย และแถมข้าวสาร อีกหลายๆกระสอบ ให้แก่คนที่ซื้อไป..

..แต่..เอ...ก็ไม่แน่นะคะ ถึงแม้ว่าจะแถมข้าวสาร อีกหลายๆกระสอบ ให้แก่คนซื้อไปแล้วก็ตาม อาจจะยัง มี

ใครบางคนก็ได้ที่จะบอกว่าขอแค่ข้าวสาร แล้ว ส่งผู้หญิงคนนี้คืน,,,ไม่แน่นา..เพราะสิ่งที่แน่นอนก็คือสิ่งที่ไม่

แน่นอน นั่นเอง ใครจะรู้ ? และความกลัวนี้ จึงรวมไปถ<span style='color:green'>ึง,,,<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>,

,,,,, ในเรื่องของอายุ ระหว่างเรา กะ สามี ,,,

,,,,,,,และ การที่ได้ ผ่านการแต่งงาน ,,,

,,,,,,,,เรื่องลูกติด เรือพ่วงทั้งสอง,, ของเรานี่แหละค่ะ

,,,,และก็ ความไม่สมควร นาๆประการ,,,
</span></span>

,,,,,จะว่าไปแล้ว ตัวเราเอง ก็ค่อนข้างจะยึดติด อยู่กะ,,<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>สังคมรุ่นน้องโบ,</span>,อยู่สักหน่อย

หรือ อาจจะเป็นเพราะ เราเป็นคนไทย ก็ไม่รู้ค่ะ ตามความคิด ของตัวเอง ในตอนนั้นนะคะ คิดไว้แล้วว่า ,,

การที่เราเคยแต่งงาน และ มีลูกติดมาด้วยนั้น อาจจะไม่ใช่สิ่งง่ายนัก คือในตอนนั้นคิดถึงเฉพาะ กะ คนไทย

เท่านั้นค่ะ เพราะว่า ไม่เคยรู้จักหรือว่ามีเพื่อนเป็นฝรั่งมาก่อนเลย หากว่า เราต้องการจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ กะ

ใครสักคนอีก และ โดยเฉพาะ กะ สังคม คนไทย ดังนั้น ก็ให้เราเตรียมพร้อม กะ การอยู่คนเดียวเอาไว้เลย

ค่ะ เพราะจะว่าไปแล้ว,,,ความกลัว กะ การคิดมาก,,, รู้สึกว่าจะเป็น ของคู่กันกะเราในตอนนั้น ก็จะไม่คิด ได้

ยังไงค่ะ,,

<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>,,, แม่หม้าย ลูกสองอย่างเรา</span> ( อายุ อานาม ก็ไม่ได้อยู่ ในวัยที่ จะต้องคิดมากหรอก

นะคะ เพราะไม่มีอะไรจะให้คิด ) ,, กะ..ชายโฉด..อุ๊บ...ชายโสด น่าตาน่ารัก หุ่นดี,,ในตอนนั้นค่ะ

( น้ำหนัก ๙๕ กก. ตอนนี้ ๑๒๕ กก.ค่ะ ) ,,,จำได้ว่า ก่อนที่เรา จะตัดสินใจ คบ ,,กะเขา,, เขาก็บอกว่า,,,

<span style='color:red'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>."..แทบจะไม่น่าเชื่อ ว่าเรา จะเคยแต่งงาน และก็ มีลูกติดมาแล้ว ตั้งสองคน,,,,,"</span></span>
<b><u><span style='color:red'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>..ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน..และกำลังมองหาหนังสือดีๆๆ<br>อ่านสักเล่ม ไม่ยากค่ะ เชิญแวะเข้ามาได้เลย.<br>.ร้านอยู่ที่เยอรมันจ๊า..คลิกโลด...</span></span></u></b><br><br><a href="http://www.noknoi.de/" target="_blank"><img src="http://i591.photobucket.com/albums/ss360/Noknoi1965/noknoilogoKopie.png"></a>
ภาพประจำตัวสมาชิก
ร้านหนังสือนกน้อย
แม่ไข่ยัดไส้ พ่อไข่ลูกเขย
 
โพสต์: 695
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ม.ค. 15, 2006 8:34 pm

โพสต์โดย ร้านหนังสือนกน้อย » พฤหัสฯ. ก.ค. 27, 2006 7:19 pm

นั่นแน่,,,,รู้นะ..คิดอะไรอยู่<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>..ไม่ต้องสงสัยหรอกค่ะ เหตุผลเดียวเลยค่ะ,,ก็เพราะว่า เราดูสวยไง

</span>ฮ่าๆๆๆ ..อยากหัวเราะ ให้เป็น ภาษาอาราบิค บวกกะ อีกหลายๆภาษา,,,เล่าเอง..

เขียนเอง.. ไม่มีใครยอ ก็ยอตัวเองนี่แหละค่ะ ...ง่ายดี,,, ,,,ดังนั้น เมื่อเราได้มา อยู่ที่นี่ พร้อมกะรับรู้ว่า ,,

ความกลัว เหล่านั้น ไม่น่าจะมี อยู่ในความคิด ของเราเลย<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>,,,เพราะ พ่อ-แม่สามี ของเรา น่ารักที่

สุดในโลก</span>เลย,,,ขนาดว่า น่ารักอย่างนี้ ก็หนีไม่พ้น จากการนินทา <span style='color:red'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>

ของ,,ลูกสะใภ้ตัวแสบ,,</span></span>อย่างเรานะคะ,,เราจะสนิท กะ พ่อสามี มากกว่า

แม่ของสามี เพราะ พ่อ-แม่ สามีท่านเลิกกัน ตอนนี้ ต่างคน ต่างก็ แต่งงานใหม่แล้วค่ะ ,,

การมาอยู่ที่เยอรมันของเรา จึงเป็นการมาอยู่ ที่บ้านเดียวกัน กะ พ่อสามีซะมากกว่า ก็อย่างที่เคยบอกนั่น

แหละค่ะ ว่างานที่สามีทำ บางครั้งเขาจะต้องเดินทาง ไป-มา อยู่เป็นประจำทั้งในประเทศ และก็ ต่างประเทศ

ในตอนนั้น,, พ่อสามีก็ พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ และ เราก็พูด ภาษาเยอรมัน ไม่ได้,, คงไม่ใช่เรื่องง่ายนะคะ

ที่คนสองคน จะอยู่ บ้านเดียวกัน พูดกัน คนละภาษา และ สื่อสารกันด้วยภาษามือ ,,,,แต่นั่น ก็ไม่ใช่ปัญหา

สำหรับเรากะพ่อ สามีหรอกนะคะ,,,,,,,,,ดังนั้น เวลาที่สามีไม่อยู่ เราจึงอยู่ ในความ ดูแลของพ่อสามี

ซึ่งเราเรียกท่านว่า<span style='color:green'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>,,,ปะป๊า หรือไม่ก็ ,,,โอปา,,</span></span>

( เป็นภาษาเยอรมันแปลว่า,,ปู่,,นะคะ คือสอนให้ลูกๆ เรียกค่ะ ) และก็ จากสรรพนามที่เราเรียกท่านว่า,,

ปะป๊า,,นี่แหละค่ะ ทำให้ท่านภูมิใจมาก และเราเอง ก็ภูมิใจ เหมือนกันค่ะ เพราะเวลา ที่ใครๆ ถาม ท่านก็

<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>จะแนะนำทันทีเลยนะคะ ว่าเราเป็นลูกสาวท่านค่ะ</span> นี่ก็นับว่าเป็นวัฒนธรรม อย่างหนึ่งของ

คนไทยเราที่ดีมากๆนะคะ เพราะว่าสังคมของฝรั่ง เขาไม่มาลำดับญาติ หรือ ลำดับตามอายุ เหมือนพวกเรา

หรอกนะคะ เขาจะเรียกชื่อไปเลยค่ะ จำได้เลยว่า แรกๆ,,ก็ช็อคเหมือนกัน,, เพราะเวลาที่ลูก พาเพื่อนมา

เที่ยวบ้าน และเรา ซึ่งก็ได้รับคำแนะนำพร้อมกะคำ ทักทายจากเด็กๆ ซึ่งเป็นเพื่อนๆของลูกว่า <span style='font-size:14pt;line-height:100%'>,,

สวัสดีพัช,</span>,, ,,,,, ,,ความห่วงหาอาทร จากพ่อสามีนี้ มีมากเหลือเกินหละค่ะ ไม่ว่าจะต่อหน้า

หรือ ลับหลัง ก็ไม่เปลี่ยนแปลงนะ,,, เริ่มแรกก่อนนะคะ ทุกเช้า หากว่าท่าน ยังไม่เห็นเราออกมาจากห้อง

นอน ท่านก็จะต้องเคาะประตูห้อง เพื่อที่จะมาทักทายและ สวัสดีในตอนเช้า และ ถามว่าเรากินอะไรหรือยัง

มีอะไรขาดเหลือหรือเปล่า ? และเท่านั้นยังไม่พอ ต้องมา สวัสดี ทุกเวลาแหละค่ะ,,สวัสดีตอนเช้า,,

สวัสดี
ตอนบ่าย,,สวัสดีตอนเย็น,,, เกิดเราเจอท่าน ทั้งวัน ท่านก็ จะสวัสดี กะ เราทั้งวันเลย นะ

ค่ะ แรกๆ ก็ไม่เข้าใจหละค่ะ ว่า,,ท่านจะทักทาย หรือ จะสวัสดีอะไรนักหนา,, แต่เมื่ออยู่ กะ ท่าน

นานเข้าเราก็ค่อยๆเรียนรู้ และ เข้าใจ ว่าท่าน มีเพียงความรู้สึกดีๆ ที่ได้ทักทาย หรือ ทำอะไรให้กะเรา,

,,และในเวลา ต่อมา ก็จะเป็นเหมือน ตารางสอน นักเรียน เลยนะคะ ว่า ว่าหากเราไปไหนคนเดียว

,,คืออาจจะไปเรียนภาษา,, เมื่อกลับมา เรียนอะไรไปมั่ง แวะ หรือ ไปทำอะไรมา ? ประมาณนี้แหละค่ะ

และก็ไม่เท่านั้น ทุกครั้งที่เราออกไปข้างนอก ก็จะต้องเจอท่าน หากไม่รอหน้าประตูบ้าน ก็

อาจจะเจอท่านไปรอรับที่ ป้ายรถเมล์หละค่ะ,,,เพราะป้ายรถนี้ก็จะอยู่ห่างจากบ้านแค่เดินเพียง

หนึ่งนาทีเท่านั้นแหละค่ะ และก็ไม่เท่านั้น หรอกค่ะเพราะบางวัน ท่านก็จะรอ และ ทำอาหารไว้ให้กิน

ซึ่งเราเองก็รู้สึกเกรงใจท่าน หากแต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธหรอกค่ะ ตามประสาคนไทยขี้เกรงใจ

ยังไงก็ยังงั้นเลยค่ะ ไม่ใช่แค่เพียงอาหารอย่างเดียวนะคะ ..ขอบอกๆ..

เพราะบางวันก็จะมีเครื่องดื่มใหม่ๆ ที่เราไม่รู้จักดื่มมาแนะนำ เป็นต้นว่า,,<span style='color:purple'>,

,,, ไวน์ขาว ( White wine ) ต้องดื่ม เมื่อกินอาหารที่เป็นปลา,,,

,,,ไวน์แดง ( Red wine ) ต้องดื่ม กะ อาหารที่เป็นเนื้อ,,,

,,,เครื่องดื่มแบบนี้ ( Appetizer ) ต้องดื่มก่อนอาหาร เพื่อเป็นการเจริญอาหาร

เครื่องดื่มแบบนั้น ( Digestive ) ดื่มหลังอาหาร,,,,ในกรณี ที่กินอาหาร

มากไปเพื่อเป็นการ ลดกรดในกระเพาะ,,,
</span>
<b><u><span style='color:red'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>..ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน..และกำลังมองหาหนังสือดีๆๆ<br>อ่านสักเล่ม ไม่ยากค่ะ เชิญแวะเข้ามาได้เลย.<br>.ร้านอยู่ที่เยอรมันจ๊า..คลิกโลด...</span></span></u></b><br><br><a href="http://www.noknoi.de/" target="_blank"><img src="http://i591.photobucket.com/albums/ss360/Noknoi1965/noknoilogoKopie.png"></a>
ภาพประจำตัวสมาชิก
ร้านหนังสือนกน้อย
แม่ไข่ยัดไส้ พ่อไข่ลูกเขย
 
โพสต์: 695
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ม.ค. 15, 2006 8:34 pm

โพสต์โดย ร้านหนังสือนกน้อย » พฤหัสฯ. ก.ค. 27, 2006 7:26 pm

การที่เราเคยอยู่ กะ สามีคนไทย มาแล้วทำให้เราเริ่มมีข้อเปรียบเทียบหละค่ะ ว่าสังคมตรงนี้ระหว่าง,,,,

<span style='color:green'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>ฝรั่ง กะ คนไทย,,,</span></span>ค่อนข้างจะแตกต่างกันมากๆ,,

ฝรั่ง,,เขาค่อนข้างจะไม่ถือ เรื่องที่เราจะดื่ม หรือ แม้กระทั่งว่าเรา จะผ่านการแต่งงานมาแล้ว,

,ทั้งนี้แหละทั้งนั้น ก็อาจจะไม่เสมอไปนะคะ เพราะ,,คนดี ,,และ ,,ไม่ดี,,,ก็มีกันอยู่ทั่วไปหละค่ะ

ฉะนั้น ...อย่าได้เชื่อถือ กะ สิ่งที่เรายังไม่เคยเห็น หรือ พิสูจน์...ให้ฟังหู ไว้หูนะคะ,,แล้วจึงค่อยเชื่อ

,,ดังนั้น ในตอนนั้น เราก็เลย ได้เรียนรู้วัฒนธรรม ทางการกิน และ การดื่ม จาก พ่อสามี,,

จากพ่อสามีจนจบคอร์ส จนเริ่มชอบที่จะดื่ม ขึ้นมาเลยค่ะ ,,,เราอาศัยอยู่ กะ พ่อสามีประมาณ ๒ ปี

เมื่อเรารับลูกทั้ง ๒ คน มาอยู่ด้วย เรา และ สามีจึงได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านใหม่ที่เราซื้อ ..ค่ะ..ก็เป็นบ้านใหม่

สำหรับเรา หากแต่เก่าสำหรับคนอื่นค่ะ นี่เริ่มเป็นสมบัติชิ้นใหญ่ ชิ้นแรก ที่สามีซื้อ หลังจากแต่งงาน กะ เรา

ค่ะ,,,<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>,,,บ้านหลังนี้,,,</span>เป็นสมบัติ ที่ทำให้เรามีหนี้สิน ครั้งแรก กะ เพื่อนรัก ของเรา

คือ<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>......ธนาคาร.....</span>เพื่อนของเรา คนนี้ จะเป็นเพื่อน ที่น่ารัก มากเลยค่ะ

ชอบให้เรายืมเงิน แล้วก็ คิดดอกเบี้ยจากเราค่ะ สำหรับการ,,กู้เงินมาซื้อ,, หรือ สร้างบ้าน,,นี้รัฐบาล

เขาก็จะมีกฎหมาย ไว้อีกนะคะว่า สำหรับครอบครัวที่มีลูกแล้ว ก็จะได้รับเงินช่วย จำนวนหนึ่งจากรัฐบาล

จะ มาก หรือ น้อย เท่าไหร่ก็ ขึ้นอยู่กับ จำนวนลูกหนะคะ และถึงแม้ลูกๆเราทั้ง สองคนจะไม่ใช่ลูกที่เกิด

กะ สามีฝรั่งคนนี้ เด็กๆ ทั้งคู่ เขาก็ยัง ได้รับสิทธิ์ ทุกอย่างเหมือนเด็กที่เกิดที่นี่แหละค่ะ ทั้งยังรวมไปถึง

เงินรายเดือน จากรัฐบาล อีกทุกเดือนค่ะและ สำหรับเด็กที่เกิดที่นี่ อาจจะเป็นลูกครึ่ง

หรือลูกที่ตามผู้ปกครองอย่างลูกของเรา ก็ยังมีสิทธิ์ ตัดสินที่จะเลือกได้ด้วยว่า

อยากจะถือพาสปอร์ตของชาติไหน ? ทั้งนี้ และ ทั้งนั้นเด็กจะต้องมีอายุครบ ๑๘ ปีเต็มก่อนนะคะ,,

ไม่สนุกเลยใช่ไหมค่ะ สำหรับการเป็นหนี้ ?,,,หากแต่เรา ก็ ไม่ได้ ใส่ใจ กะ มันมากมาย เท่าไหร่

เพราะคนที ต้องทำงานก็คือสามีเราแหละค่ะ ก็คิดแบบง่ายๆ ปลอบตัวเองอยู่เสมอแหละค่ะว่า,,,

คนที่เป็นหนี้ เขาเรียกว่า,,เป็นคนที่มี,,ความสามารถ และ ก็มีคุณภาพ ,, ธนาคารเพื่อนของเรา,,

,เขาเชื่อว่า เราเป็นคน ที่น่าเชื่อถือ ดังนั้นเขาจึงให้เรากู้ และ ต่อไปในภายภาคหน้า เราจะมีปัญญา

ใช้หนี้ เขาไปจนหมด หรือ จะโดนยึดบ้านก็ไม่รู้ค่ะ ?,,,ก็เป็นเรื่องของอนาคต ตอนนี้อย่าเพิ่งไปนึกถึงเลย

ค่ะ,,,,,,,,บ้าน,,,ที่พวกเราซื้อ ก็จะอยู่ไม่ไกลจาก,,พ่อ-แม่สามี,,เท่าไหร่หรอกนะคะ ก็แค่ ๒-๓ กิโลเมตร

เท่านั้นค่ะ เรียกว่าบ้านของพวกเรา จะอยู่ตรงกลาง ระหว่างบ้าน ท่านทั้งสองค่ะ ที่จริงแล้ว การที่พวกเรา

ตัดสินใจซื้อบ้าน ในครั้งนี้ ส่วนหนึ่ง ก็มาจากท่านทั้งสองนี้ หล่ะค่ะเพราะเราสองสามี ภรรยา รู้สึกไม่สบายใจ

ทุกครั้ง ที่เมื่อไม่ว่าเมื่อไหร่ ? ที่แม่อยากจะมาพบ กะ พวกเราลูกๆหลานๆ ท่านก็จะต้องมาแบบหลบๆซ่อนๆ

อาจจะโทรศัพท์ มานัด ให้พวกเราออกไปคุยข้างนอก หรือไม่ก็ ต้องจอดรถคุย ให้ห่างจากบ้านพ่อไปหน่อย

คือแม้กระทั่งรถของแม่ ก็ห้ามจอดหน้าบ้านของพ่อค่ะ เพราะว่าพ่อ ท่านยังโกรธให้ กะ แม่สามีอยู่ จนถึง

ปัจจุบันนี้ ทั้งๆที่ก็หย่ากันมานาน จนเกือบจะสามสิบปีอยู่แล้ว เรายังจำได้ดี ถึงครั้งแรกที่ได้เห็นท่านทั้งสอง

มาพบกัน<span style='color:red'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>" ในงานแต่งงานจดทะเบียนสมรสของพวกเราที่อำเภอ "</span></span>

ท่านทั้งสองคนก็อยากจะมางานด้วยกันทั้งคู่แหละค่ะ ก็งานครั้ง สำคัญของลูกชายคนเล็กนี่ค่ะ แม่ ก็จะต้อง

มาทักทาย และก็ ต้องแสดงความยินดี ให้กะพวกเรา หรือไม่ ก็พวกเราทั้งสองคน อาจจะดีใจจนกระทั่งออก

นอกหน้าไปหน่อยก็ไม่รู้ ?
<b><u><span style='color:red'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>..ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน..และกำลังมองหาหนังสือดีๆๆ<br>อ่านสักเล่ม ไม่ยากค่ะ เชิญแวะเข้ามาได้เลย.<br>.ร้านอยู่ที่เยอรมันจ๊า..คลิกโลด...</span></span></u></b><br><br><a href="http://www.noknoi.de/" target="_blank"><img src="http://i591.photobucket.com/albums/ss360/Noknoi1965/noknoilogoKopie.png"></a>
ภาพประจำตัวสมาชิก
ร้านหนังสือนกน้อย
แม่ไข่ยัดไส้ พ่อไข่ลูกเขย
 
โพสต์: 695
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ม.ค. 15, 2006 8:34 pm

โพสต์โดย ร้านหนังสือนกน้อย » พฤหัสฯ. ก.ค. 27, 2006 7:34 pm

<span style='color:red'>เมื่อหันมามองเห็นหน้าพ่อสามีอีกที ก็ให้แปลกใจที่พ่อสามี มีหน้าตาค่อนข้างจะบึ้งตึง ท่านก็พยายาม

จะยิ้มแหละค่ะ เมื่อเราหันไปมองท่าน ตัวเราเองก็นึกไม่ถึงค่ะ ไม่ใช่ว่าเราจะไม่รู้นะคะ เรารู้เรื่องราวทั้ง

หมดมาจากสามี แล้ว หากแต่เราก็ไม่เคยเจอท่านทั้งสอง พร้อมๆกันแบบนี้สักที พ่อสามีผู้แสนจะใจดีของ

เรา จะโกรธให้แม่อย่างมากมายขนาดนี้ ทั้งๆที่เรา ก็เคยเห็นว่าแม่พยายามที่จะทักทายพ่อ หากแต่พ่อก็ไม่

สนใจ ที่จะพูดด้วยหละค่ะ หรือไม่ อย่างดี ก็แค่พยักหน้า แล้วท่านก็จะเดินผ่านไป ในทิศทางตรงกันข้ามที่

แม่เดินมาทันทีเลยค่ะ ดังนั้นต่อมาไม่ว่าจะมีงานอะไรก็ตามแต่ เพื่อเป็นการตัดปัญหา เราทั้งสองคนจะต้อง

ถามท่าน ทั้งคู่หละค่ะ [COLOR=purple]<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>" ว่าใครจะมา หรือ ใครจะไม่มาอย่าง

ไร ? "</span></span> เพราะไม่อยากเห็นท่านทั้งสอง ต้องแสดงอาการตะขิดตะขวงใจอีก ,

,เมื่อมีพ่อ จะต้องไม่มีแม่ และเมื่อ มีแม่ ก็จะต้องไม่มีพ่อหละค่ะ,,,

<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>เรียกว่า,,,เสือสองตัว จะอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ อย่างไรก็อย่างนั้นเลยค่ะ ,,,</span>

,,, และก็จากความสนิทสนมที่เราเคยอยู่ด้วยกัน ,,ปะป๊า,,จึงมีกุญแจบ้าน จากพวกเราเอาไว้ ติดตัวหละค่ะ

คือหากอยากจะมา ก็ให้เปิดประตูบ้าน เข้ามาได้เลย ไม่จำเป็นต้องกดกริ่ง ก็อย่างที่ว่าแหละค่ะ สังคมของที่นี่

ค่อนข้าง จะเป็นสังคมที่ ออกจะส่วนตัวอยู่สักหน่อย ขนาด,,พ่อ-แม่-พี่น้อง,,หากไม่ได้อยู่บ้านเดียวกัน

แล้วหละก็ ก่อนจะมาหากันและกัน จะต้องโทรศัพท์ มานัดก่อนนะคะ ไม่ได้สุ่มสี่ สุ่มห้า เข้ามาเลยนะคะ เขา

ถือว่าไม่มีมารยาทนะคะ เพราะในบางครั้ง คุณ ก็อาจจะมาตรงกะ เวลาอาหาร ซึ่งบางครอบครัว จะทำอาหาร

กินแค่จำนวนคนเท่านั้น ไม่เผื่อ บุคคลภายนอก ไม่ได้มีใคร จะเรียกเรากินด้วย เหมือนสังคมคนไทยเรานะ

ค่ะ ที่ไม่ว่า ใครผ่านไปมาเราก็เรียกกินด้วย ทั้งหมด แต่ก็อาจจะมีบ้าง ที่ต่างจากที่กล่าว แต่ก็เป็นจำนวน

น้อยค่ะ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่ต่างจากบ้านเรานะคะ<span style='font-size:14pt;line-height:100%'> " ปะป๊า "</span> นี่ก็เรียกได้ว่าเป็นช่าง

ประจำบ้านเราเลยแหละค่ะ,,ไม่ว่าอะไร,,จะเสีย,,หัก,,พัง,,พวกเราก็จะเรียก,,ปะป๊าก็จะมาซ่อมให้,,,ยังงี้

มันซ่อมได้,,ซ่อมได้,,เหมือนเพลง พี่เบิร์ด นั่นแหละค่ะ,,และ หากว่าท่าน ซ่อมไม่ได้แล้ว เราจึงจะ

เรียกช่าง ก็ต้องเป็นช่างที่ท่านรู้จัก,,อีกหละค่ะ เพราะราคา ก็จะถูกขึ้นมาอีกหน่อย ,,,

มีอยู่ครั้งหนึ่ง จากความหวังดีของ <span style='font-size:14pt;line-height:100%'>" พ่อสามี "</span> ทำให้พวกเราตกใจอย่างมากมาย คือบาง

ครั้งเวลาที่ลูกโรงเรียนหยุด เราก็จะขับรถ ไปเที่ยวพักผ่อนกัน ทั้ง ครอบครัว และ วันไหนที่พวกเราไม่อยู่

บ้าน พ่อก็จะชอบมาตอนนั้นแหละค่ะ มาทำอะไรพอจะเดาออกไหมค่ะ ? หากเดาไม่ออกก็จะบอกให้หละ

ค่ะ เนื่องมาจากการที่ท่านเกษียณงานแล้ว ท่านจึงค่อนข้างมีเวลาว่างใช่ไหมค่ะ? เมื่อไม่รู้จะไปไหน

ก็แอบมาที่บ้านเวลาที่พวกเราไม่อยู่หละค่ะ มาไม่มาเปล่าค่ะ,, แอบมาขนขยะ ไปทิ้ง หรือไม่ก็ มาตัดหญ้า,,

ให้บ้างหล่ะ,, เรียกว่า แอบมา เข้ามาตอกบัตร ทำงานให้พวกเรา เหมือนกะ คนมาขโมยของเลยนะ

ค่ะเนี่ย ครั้งหลังสุด นี้ทำให้เราแทบจะหัวใจวาย ไม่วายได้ยังไงหละค่ะ ก็คนแก่อายุ ๖๗ ปี มาปีนเช็ด

กระจก
หน้าต่าง ที่บ้านให้ พวกเราถึงกะ..โวยวาย.. ไม่โวยวายได้ไงค่ะ ? เพราะว่าเรารู้สึก

ได้ถึงความผิดปกติ ที่ท่าน ได้แอบมา ทำงานที่บ้านไว้ให้พวกเรา ...แหม...ก็บ้านของเรา มันไม่เหมือนเดิมนี่

ค่ะ เราก็ต้องรู้สิ จริงไหมค่ะ? แล้วหากท่านเกิดได้รับอุบัติเหตุ ขึ้นมาหละเราจะทำยังไง ? ก็ถือว่ารอดตัวไป

ในครั้งนั้น ที่ท่านไม่เป็นอะไร ,,,เรา และ สามี ถึงกะ,,สั่งห้ามท่านเลยนะคะ ว่า,,,หากอยากจะมานั่งคุย,,

หรือ ,,มาดื่มกาแฟ,, ท่านสามารถ มาได้ตลอดเวลา ที่บ้านนี้ยินดีต้อนรับ หากจะมา แอบปีนบ้าน เช็ด

กระจก ให้พวกเรา <span style='font-size:14pt;line-height:100%'>,," ไม่ต้องมา ",,,</span>เพราะหน้าที่นั้น พวกเราทำกันได้,,,<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>

ห้าม..</span><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>มาทำงาน..ที่บ้านเรา</span>,,,แรกๆก็คิดว่าท่านจะโกรธ แต่เมื่อเราอธิบาย

เหตุผลให้ฟัง ว่าพวกเรา,,เป็นห่วงกลัวท่านจะได้รับอุบัติเหตุ ,, ท่านก็เลยตกลง,,,

และถึงแม้ ว่าท่านจะตกลง กะ พวกเราแล้ว ว่าจะไม่แอบ เข้ามาทำงานที่บ้านให้พวกเรา ไม่ใช่ว่าไปแล้ว

จะไปลับ นะคะ เพราะหากว่าพวกเราเผลอเรอ เมื่อไหร่ ท่านก็จะแอบ มาอีกเรื่อยๆ ส่วนครั้งล่าสุดเนี่ยอีก

คือเราสองคน สามี-ภรรยา ,,ได้สั่งของจากเมืองไทย มาขาย และสิ่งของนั้นก็ ผ่านการบรรจุ หีบห่อ

ด้วยกล่องกระดาษอย่างดีแหละค่ะ เรียกว่า หากพวกเราขายต่อ ก็ใช้กล่องเก่าบรรจุได้เลย ไม่ต้องซื้อใหม่

เพราะกล่องที่นี่ ,,แพงค่ะ ,, จำได้ว่า สามีเคยบอก กะ ท่านแล้วว่า กล่องกระดาษพวกนี้ เราไม่ทิ้งจะเก็บ

เอาไว้ใช้ ดังนั้น มันจึงอยู่ที่ห้องใต้ดิน ที่บ้าน ของพวกเราแหละค่ะ ,,,ค่ะ...จำไม่ได้ท่านแอบมาขนไปเผา

ที่บ้านท่านตั้งแต่เมื่อไหร่ ? แล้วยังมีการโทรศัพท์ มาบอกพวกเราด้วยนะคะ ว่า เห็นกล่องขยะมันรกอยู่ใต้ถุน

บ้าน จึงมาช่วยเก็บไปเผาทิ้ง,,,,โอ้ย...เราจะบ้าตาย จำได้ว่าเรา,,สองสามี-ภรรยา,,บ่นให้ท่าน จน ท่าน หาย

ไปไม่มาเยี่ยมบ้านอยู่ระยะหนึ่ง,,,ที่จริงแล้ว มันก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร หรอกนะคะ หากแต่บางครั้ง ท่านก็

เหมือนเด็กๆ ที่ชอบทำสิ่ง ที่พวกเราห้าม,,ไม่เข้าใจเหมือนกันค่ะว่า " ทำไม " และก็ ทำไม บางครั้งเราถึงได้

หงุดหงิด กะ เรื่องเหล่านี้อยู่เสมอ ,,บ่นๆๆๆๆๆ และก็ บ่นๆๆๆๆ จนสามีรำคาญเป็นประจำหละค่ะ

จำได้ว่า สามีเคยพูดกะเราว่า,,,,


<span style='color:red'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>" ปีหนึ่งมี ๓๖๕ วัน จะมีแค่ วันเกิดเขา วันเดียวเท่านั้น ที่เขาจะไม่โดน เราต่อว่า " ,,ฮิฮิฮิ,,,</span></span>



EM330 <span style='color:red'>เป็นมาร์ตินก็ต้องอดทน,,,น่าสงสารนะคะ</span> EM330
<b><u><span style='color:red'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>..ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน..และกำลังมองหาหนังสือดีๆๆ<br>อ่านสักเล่ม ไม่ยากค่ะ เชิญแวะเข้ามาได้เลย.<br>.ร้านอยู่ที่เยอรมันจ๊า..คลิกโลด...</span></span></u></b><br><br><a href="http://www.noknoi.de/" target="_blank"><img src="http://i591.photobucket.com/albums/ss360/Noknoi1965/noknoilogoKopie.png"></a>
ภาพประจำตัวสมาชิก
ร้านหนังสือนกน้อย
แม่ไข่ยัดไส้ พ่อไข่ลูกเขย
 
โพสต์: 695
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ม.ค. 15, 2006 8:34 pm

โพสต์โดย momo » พฤหัสฯ. ก.ค. 27, 2006 9:29 pm

เข้ามาติดตามอ่านเรื่องพี่พัชอีกคน ชีวิตพี่พัชเนี่ยมันส์ซาบซ่าดีจริงๆเลย (สนุกมากๆๆค่ะ ขอบอก)

ปล.เวลาบ่นอย่าลืมพักเบรคจิบของมึนเมาบ้างนะพี่พัช การบ่นจะได้มีรสชาติ ส่วนเฮียมาร์ตินของเราก็ถือจานกับแกล้มฟังไปละกัน ฮ่าๆๆ

อ้อแล้วอีกอย่างค้าพี่พัช แต่งเมื่อไหร่<span style='color:purple'>เจิด</span>การ์ดมาให้ใบด้วยจะไปร่วมงานแต่งด้วยคน

อ้อ/สวิส
ภาพประจำตัวสมาชิก
momo
แม่ไข่ยัดไส้ พ่อไข่ลูกเขย
 
โพสต์: 659
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ พ.ค. 28, 2006 11:44 am

โพสต์โดย ณัชชา » ศุกร์ ก.ค. 28, 2006 5:35 am

เมื่อวานพยายามเข้ามาอ่าน แต่ไม่รู้เน็ตเป็นไรค่ะพี่พัช เลื่อนสกอร์บาร์ลงไม่ได้เลย วันนี้พักเที่ยงก็เลยเข้ามาอ่านจนจบ ตุ๊กว่านะ ไม่ใช่เป็นมาร์ตินต้องอดทนอย่างเดียวหรอกค่ะ พี่พัชก็คงต้องอดทนอยู่ไม่น้อย จะติดตามต่อไปเรื่อย ๆ นะคะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ณัชชา
แม่ไข่ยัดไส้ พ่อไข่ลูกเขย
 
โพสต์: 640
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 20, 2006 7:00 am

โพสต์โดย cake » ศุกร์ ก.ค. 28, 2006 2:10 pm

มาอ่านแล้วค่ะพี่พัช และจะมาติดตามอยู่เรื่อยๆน่ะค่ะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
cake
แม่ไข่กุ้ง พ่อไข่ปู
 
โพสต์: 1683
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 16, 2006 2:13 am

โพสต์โดย คุณนาย » ศุกร์ ก.ค. 28, 2006 9:19 pm

พัช ชีวิตของแต่ละคนจะไม่มีอะไรที่แน่นอน พัชมีบทเรียนมามาก พัชควรจะเอาเบทรียนนั้นมาเป็นครู ตอนนี้และขณะนี้ เราไ่ม่รู้ว่าพัชเป็นแบบไหน แต่อยากจะบอกว่า ไม่ว่ากำลังอยู่ในขณะนี้ และจะกำลังไปวันข้างหน้า เราอยากให้พัชนึกว่าในเมื่อเรารู้ว่าเราเคยเป็นคนแบบที่เคยเป็นแล้วทำให้คนที่เรากำลังอยู่ด้วยกันนั้นเป็นทุกข์ นายว่าพัชแก้ไขได้คะ เท่าที่นายอ่านมาทั้งหมด นายมองออกนะว่าพัชนะเป็นคนใจร้อนโมโหหรืออะำไรที่พัชเป็นนั้น มันมาจากความไม่ได้ดังใจ และน้อยใจกับหลายสิ่งหลายอย่างผ่านมา พัชลืมมันไปเถอะ เมื่อวานผ่านไปแล้ว ก็ไห้มันเป็นอดีต และเป็นบทเรียนัอนลํ้าค่าเพื่อพาให้สอนเราว่าเราเคยทำไม่ดีตรงนี้ เรารู้ เราก็พยายามอย่าทำ เราอาจจะพูดง่ายนะ แ่ต่เราทำมาแล้วและประสบความสำเร็จมาแล้วถึงกล้าพูด เรื่องของเราก็พอๆกันนั่นแหละ แต่เรื่องไม่เหมือนกัน ก็บอกตอนแรกไงว่าแต่ละชีวิตจะมีเืรื่องไม่เหมือนกันหมด แต่ที่แน่ๆมันมีวิธีที่จะที่จะคลี่คลายปัญหาคล้ายกันคะ

เดี๋ยวพรุ่นี้มาคะ ห่วงนะขอไปนอนก่อน เจอกัน
<span style='color:red'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>"คิดดี พูดดี ทำดี "<span style='color:purple'>...</span><span style='color:green'>ผู้นั้นคือ ..บัณฑิตย์</span></span></span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
คุณนาย
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 209
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 29, 2006 4:02 pm

โพสต์โดย ร้านหนังสือนกน้อย » อาทิตย์ ก.ค. 30, 2006 12:17 am

<span style='color:purple'>สวัสดีค่ะ

วันนี้เข้ามาตอนดึก เพราะจะไปเที่ยว มิวนิค ๒-๓วัน</span>

<span style='color:red'>แตง </span>

ใช่ค่ะน่ารักตามประสามวัยรุ่น แม่มันหมดวัยแล้วไงค่ะ,,,

ดีนะคะ มีแค่ ๒ คน,,หากมีเยอะกว่านี้ไม่รู้จะทำไง

<span style='color:red'>nanai</span>

ขอบคุณ มากๆๆๆๆสำหรับคำแนะนำค๊า,,ก็พยายามอย่างสุดความสามารถค่ะ ที่จะเย๊นๆๆๆๆแต่ก็ ไม่ค่อยจะได้

ดังใจ ทั้งๆที่คิดว่าดีขึ้นก็ยังๆไม่ได้เรื่องอีกค่ะ ดีว่าสามีเค้าเย็นกว่า เลยรอดตัว

<span style='color:red'>เมย์</span>

ขอบคุณค่ะ วันนี้จะมาแปะให้นิดหน่อย เพราะจะไม่อยู่ ๒-๓วันกลังมิตรรักแฟนเพลงจะคิดถึงค๊า

<span style='color:red'>ณัชชา</span>

ใช่ค่ะใช่ แหมตุ๊กน่ารักจัง อย่างน้อยๆก็มีตุ๊กอีกคนหนึ่งแหละเน๊าะ ที่เข้าใจพี่

อย่างน้อยๆตอนนี้ก็มีคนทำกับแกล้มให้กินแล้ว ใช่ไหมค่ะตุ๊ก

<span style='color:red'>momo</span>

จะมาจริงเปล่าค่ะ,,ก็ยังไม่รู้หรอกนะคะ ว่าจะสมหวังไหม,,เพราะอีกตั้ง ๓ ปี ก็นานเหมือนกันเน๊าะ,,

จะเจิดการ์ดก่อนก็ไม่ได้,,เผื่อสามีเปลี่ยนใจไง
<b><u><span style='color:red'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>..ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน..และกำลังมองหาหนังสือดีๆๆ<br>อ่านสักเล่ม ไม่ยากค่ะ เชิญแวะเข้ามาได้เลย.<br>.ร้านอยู่ที่เยอรมันจ๊า..คลิกโลด...</span></span></u></b><br><br><a href="http://www.noknoi.de/" target="_blank"><img src="http://i591.photobucket.com/albums/ss360/Noknoi1965/noknoilogoKopie.png"></a>
ภาพประจำตัวสมาชิก
ร้านหนังสือนกน้อย
แม่ไข่ยัดไส้ พ่อไข่ลูกเขย
 
โพสต์: 695
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ม.ค. 15, 2006 8:34 pm

โพสต์โดย ร้านหนังสือนกน้อย » อาทิตย์ ก.ค. 30, 2006 12:27 am

<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>++ ตอนที่แปด ++</span>

<span style='color:red'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>" เงิน ",,,,,</span></span>มีใครบ้างไหมค่ะ ?

ที่จะบอกว่า,,ไม่ชอบเงิน,,

,,,,เงิน,,สามารถ ที่จะบันดาล ความสุข ให้เราทุกคน ได้ตลอดเวลา ,,,หรือ บางคน ก็ อาจจะบอกว่า,

,,เงิน,,,,ซื้อชีวิต เราไม่ได้,,,อันนี้ ก็แล้วแต่ ความชอบ ของแต่ละคนนะคะ,,ขณะที่ กำลังคิดเรื่องเกี่ยว

กะ " เงินๆ"


,,เสียงเพลง <span style='font-size:14pt;line-height:100%'>" วิญญาณไม่ขาย ",,จาก หนุ่มบาว + สาวปาน ชุดใหม่</span>

ก็ดังแว่วๆ มาเข้าห<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>ูเราว่า,,,

,,ร่างกาย แลกเงิน อาจไม่ใช่ ทางเดินอย่างที่ฝัน แต่ฉันไม่ท้อ เพราะ คนเลือกเกิดไม่ได้

ปวดใจชั่วคราว ปวดร้าว ค้างคืน เก็บความกล้ำกลืน ให้พ้นไป

ศักดิ์ศรีฉันมี ศักดิ์ศรี หัวใจ ขายเพียง ร่างกาย ไม่ขายใจ

ขายเพียง ร่างกาย ( ขายเพียงแต่กาย ).. แต่ไม่ขายใจ (ดวงใจไม่ขาย )

ชีวิตของใคร ก็ของมัน ( วิญญาณจะเก็บมันเอาไว้ ) ไม่ขายวิญญาณ ไม่ขายใจ

วิญญาณฉันไม่ขาย ( ฉันไม่ขาย ),,,วิญญาณฉันไม่ขาย ( ฉันไม่ขาย )....

จะไม่ยอมขายใจ,,,,,
</span><span style='color:purple'>
<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>
" ผิดตก ขออภัย ผิดใจก็ขอโทษ "</span></span> ก็ขอยืมสุภาษิต คนขับรถสิบล้อมาใช้หน่อยนะ

ค่ะ ..เอ..วาแต่ว่า.. จะหวานไปอีกหรือเปล่านี้ ? .จำเนื้อเพลง ได้เพียงแค่นี้จริงๆค่ะ ฟังความหมาย

ของเพลงแล้วมันช่างซาบซึ้ง กินใจเสียเหลือเกิน พยายามที่จะพิมพ์ ให้ได้เนื้อเพลงมากกว่านี้ หากแต่ นิ้วมือ

เรา ก็ไม่ได้เร็วดั่งที่ใจเราปรารถนา ก็เลยได้มาเท่าที่เห็นค่ะ &nsbp; &nsbp; ใครร้องจบ ก็ช่วย ร้องต่อให้จบ หน่อยนะ

ค่ะ,,,,,หลังจาก ที่ได้ฟังเพลงนี้ จนจบไปหลายเที่ยว ก็อดที่จะถาม ตัวเองไม่ได้เหมือนกันนะคะว่า ?

หากมีใครสักคน อุตริมาถามเราว่า " ฉันจะให้เงินเธอ ๑๐ ล้านแต่ว่าเธอจะต้อง<span style='color:green'>

<span style='font-size:14pt;line-height:100%'> " ขายชีวิต "</span></span> เธอให้ กะ ฉัน แหละนั่น ก็หมายความว่า เราจะต้อง

<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>" ตาย "</span> เมื่อเราตาย เราก็ไม่ได้ใช้เงินสิ จริงไหมค่ะ แล้วเรา ยังอยาก

จะได้เงินจำนวนนั้น อยู่หรือเปล่า ? เงินตั้งมากมายใครก็อยากจะได้ใช่ไหมค่ะ แต่หากจะต้องจบชีวิตลงโดยที่

ไม่ได้จับเงินเนี่ย..เป็นคุณ คุณจะเลือกเอา <span style='font-size:14pt;line-height:100%'>" มีชีวิตอยู่ หรือ ตาย " ดีค่ะ ?</span>

.....เลือก เอาเองก็แล้วกันนะคะ ว่า " จะชอบ หรือ ไม่ชอบเงิน ",,,,หากแต่ ,,,ตัวเราเองนี้ ก็ยอมรับหละค่ะ

ว่าก็เป็น อีกคนหนึ่ง ที่ชอบ,,,เงิน,, เพราะเราเองเกิด มาจากครอบครัว ที่ยากจน เคยแม้กระทั่ง อดมื้อกินมื้อ

ไม่ว่าจะ มีมาก หรือ มีน้อยก็ ยังชอบ ที่จะมีเงินติดตัว ส่วนใคร ,,,ทีจะไม่ชอบเงิน เพราะคิดว่า เงินนั้น,

,ซื้อไม่ได้ทุกอย่าง,,,ก็ว่ากันไป แล้วแต่ ใคร จะคิดยังไงนะคะ เราเอง ,,,ก็เคยแม้กระทั่ง นอนฝันว่า ตัวเอง

แต่งงาน ไปกะ มหาเศรษฐี ,,มีเงินทอง มากมาย หากแต่ สะดุ้งตื่นขึ้นมา เงินทอง เหล่านั้น ก็ หายไป,,,,

,,ความฝันสลาย ...ทิ้งให้เรา จมอยู่ กะ ความเศร้า เพียงคนเดียว..

<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>,,,.ฝันแล้ว ฝันเล่า เราก็ยัง จนอยู่เหมือนเดิม,,,,</span>

,,,,ช่างมันฉัน ไม่แคร์ .เพราะไม่ว่า เราจะ รวย หรือ จน เราก็ยังเป็น...คน..เหมือนกะ คนอื่นๆ เช่นกัน ,,,

เนื่องจาก เราได้พบรัก และ ตัดสินใจ มาแต่งงาน กะ สามีฝรั่ง คนนี้ ,,,ก็เป็นที่น่าเสียดาย อย่างยิ่ง

ว่าสามีเรา คนนี้ ไม่ใช่ มหาเศรษฐี อย่างที่เราฝัน,,,เมื่อแต่งงาน มาอยู่ที่นี่ กะ สามี ,,,,,,เงิน,,ที่เรา ใช้จ่าย

ทั้งหมด ก็ต้องมาจากเขา จริงไหมค่ะ ? เรา ทั้ง สอง ใช้เงิน กระเป๋าเดียวกันจนกระทั่ง เรา จับพลัดจับผลู ได้

ไปทำงาน กะ เพื่อน ของพ่อสามี ซึ่งก็ มาจาก การแนะนำ จากพ่อ ของสามีนั่นแหละค่ะงาน...ก็เป็น..งาน

ง่ายๆ สบายๆ คือ,,<span style='color:green'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'> นั่งรถ ไปรับ ,,คนพิการ,, </span></span>

มาจาก บ้านพัก ในตอนเช้า และก็ ไปส่งให้ เขากลับบ้าน ในตอนเย็น หลังเลิกงาน ,,,คนพิการที่นี่,,,

รัฐบาลเขาจะ คอยให้การช่วยเหลือ โดยจะมีงานง่ายๆ ซึ่งอาจจะเป็น ,การแยก- ประกอบ ชิ้นส่วน

ต่างๆ ,,เช็ดถู ,,หรือ ,,ขัด,, งานด้านฝีมือต่างๆ,,ไว้เป็นที่รองรับให้เขาได้มีส่วนร่วม ในการทำงาน หรือ

กิจกรรม อื่นๆ ที่ให้ความสนุกสนาน รื่นเริง เช่น กีฬา ของคนพิการ เป็นต้น,,


,,,,คนพิการเหล่านี้ ไม่ต้องเสียเงิน ค่าอะไรเลย แม้กระทั่ง รถรับ-ส่ง ที่มาทำงาน ,,,และก็ มีบางเวลา ที่

พวกเขา ไม่ได้มาทำงาน,, ซึ่งอาจจะเป็นวันหยุด หรือ อะไรก็แล้วแต่ เขาก็ จะสามารถเดินทางด้วย ,,

รถบัส ประจำทาง หรือ รถไฟ,, ,,โดยมีบัตร สำหรับคนพิการอย่างพวกเขา,,,ให้ใช้...คุณสมบัติ ก็เหมือนตั๋ว

รถ ไปในตัว จะว่าไปแล้ว ก็เรียกได้ว่าเป็น,,<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>พาสปอร์ต สำหรับคนพิการ</span>...นั่นแหละค่ะ

ซึ่งลูกชายคนเล็ก ของเราก็มีอยู่ใบหนึ่ง ตามสิทธิ์ ที่เขาควรจะได้ เราเองก็มีเหมือนกันเพราะจากการที่เคยเป็น

<span style='color:blue'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>โรคมะเร็งเต้านม ก็ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม ของคนพิการ เหล่านี้เช่นเดียวกัน

</span></span> หากแต่ว่าบัตร ของเราไม่สามารถ ที่จะใช้ เบ่งขึ้นรถ ได้อย่างพวกเขาหรอกนะคะ จะใช้

ได้แค่ ลดค่าภาษี รายปี ของแฟน และก็ กีฬาบางประเภทเท่านั้นเองซึ่งก็เป็น จำนวนที่ไม่มากมายนัก หากก็ดี

กว่า ที่จะไม่ได้อะไรเลยก็เท่านั้นเองค่ะ และ พวกเขาเหล่านี้ จะสามารถเดิน ทางไปได้

ทุกเมือง ตามที่ระบุเอาไว้ ในพาสปอร์ตนั้น ,,ซึ่งพวกเขา จะเดินทาง คนเดียว หรือว่า ต้องมีคนช่วย,,,ก็แล้ว

แต่ความสามารถ และ ความพิการมาก หรือ น้อย ของพวกเขาค่ะ ดังนั้นรายได้ของพวกเขา ส่วนหนึ่ง ก็จะมา

จากรัฐบาล คอยให้การช่วยเหลือ และก็ จะมีเงินเดือน ซึ่งเป็นจำนวน ไม่มากนัก ให้ ทั้งนี้ แหละ ทั้งนั้น,,

เขาก็ไม่ได้ บังคับว่า จะต้องมาทำงานนะคะ ,,คนพิการเหล่านี้ ,,สามารถที่จะเลือก มาทำ หรือ ไม่ทำงาน ก็

ได้,,, ที่จริงแล้วกฏ,,,ที่ทำให้เราได้งานนี้ มานึกดูๆแล้วก็ตลกหล่ะค่ะ เพราะที่จริงแล้ว ... ตามบท

กฏหมาย..ของที่นี่แล้ว..คนขับ ,จะไม่สามารถ ขับรถมาคนเดียวได้ เพราะตามกฏ ที่เขาบัญญัติเอาไว้ ก็จะ

ต้องมีผู้ช่วยนั่งคู่ มาด้วยกัน โดยรถรับส่งทุกคันจะต้องมี ๒ คน คือ<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>,,คนขับ และ ผู้ช่วย,,

</span> ดังนั้น เราจีงได้ทำงาน ครั้งแรก นี้โดยการฝากฝัง จากพ่อของสามี โดยปริยายค่ะ เราเองก็ไม่ได้มี

หน้าที่อะไรมากมาย ไปกว่า,,, " การนั่ง ไปรับ- ไปส่ง " จริงๆ จะมี ก็ เพียงบางครั้ง เท่านั้น

ที่เราจะต้องช่วยเข็น,,,รถเข็น หรือ พยุง,,ให้เขาเหล่านั้น บ้าง,,,จะว่าไปแล้ว เพื่อน ของพ่อสามีเรานั้น

ท่านก็ทำเองคนเดียว
ได้ ทุกอย่าง ไม่จำเป็น ต้องมีผู้ช่วย อย่างเราหรอกนะคะ ,,หาก แต่เราก็เป็นคน ที่

มีรูปร่างเล็ก ดังนั้น เพื่อนของพ่อสามีเรา ท่านจึง ทำเองหมดทุกอย่าง ,<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>แบบ Gentelman,,,,ไง

ค่ะ</span> โดย ให้เรามีหน้าที่แค่ ช่วยถือกระเป๋า หรือ ไม่ก็ " แค่เปิด-ปิด " ประตู รถก็ เท่านั้นเอง

ค่ะเมื่อก่อน ไม่มีรายได้ ไม่ได้ทำงาน ,, เราก็ใช้ กระเป๋าเดียวกัน กะ สามี และ เมื่อมีงานทำ เราก็มี

เงิน ใช่ไหมค่ะ? เราจึงมีรายได้พอสมควร เมื่อเรา มีรายได้เราก็ยังใช้ กระเป๋าเดียวกัน กะ สามี อีกค่ะ หาก

แต่..มีข้อแม้ว่า<span style='color:purple'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>,,,,,,,รายได้ ของเรา ก็ต้อง เป็นของเรา ,,,,</span>

</span> ซึ่งเรา ก็ได้เปิดบัญชี เก็บฝากธนาคารไว้ เป็นชื่อ ของเราคนเดียว,,,, <span style='color:purple'>

<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>,,,, หากแต่ รายได้ของเขา,,, ก็ต้อง เป็นของเราเหมือนกัน ,,, </span></span>
<b><u><span style='color:red'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>..ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน..และกำลังมองหาหนังสือดีๆๆ<br>อ่านสักเล่ม ไม่ยากค่ะ เชิญแวะเข้ามาได้เลย.<br>.ร้านอยู่ที่เยอรมันจ๊า..คลิกโลด...</span></span></u></b><br><br><a href="http://www.noknoi.de/" target="_blank"><img src="http://i591.photobucket.com/albums/ss360/Noknoi1965/noknoilogoKopie.png"></a>
ภาพประจำตัวสมาชิก
ร้านหนังสือนกน้อย
แม่ไข่ยัดไส้ พ่อไข่ลูกเขย
 
โพสต์: 695
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ม.ค. 15, 2006 8:34 pm

โพสต์โดย Sanhathai » อาทิตย์ ก.ค. 30, 2006 5:32 am

พี่พัช - แหม ชอบใจมาก *รายได้ของเขาก็เป็นรายได้ของเรา* มันโดนจริงๆ
<u><span style='color:purple'><b>Amy@Dubai</b></span></u>
ภาพประจำตัวสมาชิก
Sanhathai
แม่ไข่ดาว พ่อไข่เจียว
 
โพสต์: 573
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ม.ค. 26, 2006 1:21 pm
ที่อยู่: Dubai, United Arab Emirates

ย้อนกลับต่อไป

ย้อนกลับไปยัง คุยกันเจ๊าะแจ๊ะ

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน