หน้า 1 จากทั้งหมด 2

โพสต์แล้ว:
อังคาร ธ.ค. 23, 2008 4:34 pm
โดย jintana vie
แรกเริ่มเดิมทีจินเองก็เรียนจบ ปวช.ที่บ้านนะคะ แล้วเพื่อนก็ชวนเฮ้ยไปเรียนต่อ
กรุงเทพกัน แม่ก็ไม่อยากให้ไปค่ะ แต่ด้วยความที่เราดื้อ ไม่ฟังค่ะ
ตามเพื่อนตอนที่มากรุงเทพใหม่ๆทางบ้านให้ตังค์มา 10000 บาทค่ะ แรกๆ
ก็อาศัยอยู่กับเพื่อนพี่สาวรอสิ้นเดือนค่อยย้ายเพราะจ่ายค่ามัดจำห้องใหม่ไว้แล้ว
แล้วก็หางานทำด้วยค่ะ
ยังไม่ทันสิ้นเดือนเพื่อนๆ หนีกลับต่างจังหวัดกันหมด ทำไงดีล่ะทีนี้ เงินมัดจำ
ก็จ่ายเขาไปแล้วอ่ะ เรียนอะไรก็สมัครไว้แล้วถอยไม่ได้แล้ว
ขืนกลับบ้านโดนด่าแน่เลย
ก็เลยตัดสินใจค่ะ เรื่องเรียนเอาไว้ก่อนตอนนี้ขอทำงานก่อนแล้วกัน
ก็เลยตัดสินใจโทรหา อ.ที่รับสมัครว่ายังไม่พร้อมรียนปีนี้ เพื่อนก็ดีมากเลยค่ะ
ไม่เคยติดต่อกลับมาเลย เจ็บค่ะ
เจ็บใจเรานี่ทะเลาะกับแม่เพื่อจะได้มาเรียนด้วยกันกลับทิ้งเราซะนิ
ทำงานที่แรกเลยค่ะ เสมียนค่ะ
แค่ก็จบบัญชี ปวช. จะทำไรได้ค่ะ สมัครไปที่ไหนก็ไว้เราจะติดต่อกลับ
ไม่มีประสบการณ์มั้ง เป็นโรงงานผลิตเครื่องสำอางค์ค่ะ นีเวียค่ะ
ทำได้ ปีกว่าๆ ค่ะ เฮ้ยไม่ไหวเงินไม่พอใช้ค่ะ เดือนชนเดือน
แล้วก็ต้องสมัครที่ใหม่มาแรกไม่มีเพื่อนเลยค่ะ ฉายเดี่ยวค่ะ
แล้วก็ได้งานที่บริษัทนาฬิกาสวิสค่ะ
ตำแหน่งเดิมค่ะแต่เงินเดือนมากกว่านิดหน่อยค่ะ
เป็นโรงงานที่มีพนักงานส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงค่ะ
และแล้วคราวนี้เราก็มีเพื่อนค่ะ พอมีพื่อนก็มีแฟนตามมาค่ะ
แฟนเก่านี่เป็นคนใต้ค่ะ นครค่ะ เราก็เจอกันทุกวันเย็นหลังเลิกงานค่ะ
บางทีเสาร์ - อาทิตย์ก็ขับรถพาเรากับเพื่อนไปเที่ยว บางแสน บ้าง ระยองบ้าง
ก็รักกันดีนะคะ แรกๆเขาก็บอกย้ายมาอยู่ด้วยกันดิจะได้ไม่ต้องจ่ายค่าห้อง
แต่ด้วยที่ยังรักศักดิ์ศรีค่ะ และก็ยังหวงความเป็นส่วนตัวค่ะ
เลยตอบไปไม่อ่ะไม่ดีมั้งถ้าพ่อกับแม่เขารู้คงเสียใจ
พ่อคุณก็เงียนบสักพัก แล้วก็จะถามเราอยู่บ่อยๆ ด้วยความที่เป็นครอบครัวใหญ่ค่ะ
คือป้าเป็นเจ้าของโรงงาน พนักงานก็จะมีแต่ญาติๆ คนใต้ทั้งนั้น
แต่เราก็ไม่ได้อคติกับคนใต้นะคะ เราก็จะสนิทกับลูกพี่ลูกน้องเขาค่ะเพราะทำงานที่
เดียวกัน ขอใช้นามสมมุติแล้วกัน
มด แต่ช่วงหลังๆรู้สึกว่ามดจะเปลี่ยนไปหรือว่าเราคิดมากไปว่ะ
พอหมดช่วงโปรโมชั่นค่ะ จากที่คุณชายจะมารับทุกเย็นหลังเลิกงานไปกินข้าวบ้าง
ซื้อของบ้าง บางทีเคยขับรถไปกลับระยองไปเย็นเช้ากลับมาทำงาน
ก็จะมีข้ออ้างตามมาค่ะ ไปเก็บบิลต่างจังหวัดมารับไม่ได้บ้าง
พาป้าไปไหว้พระที่อยุธยาบ้าง เราก็เออไม่เป็นไร
คือเป็นคนที่ไม่ชอบจู้จี้จุกจิกใคร (ถ้าไม่จำเป็นค่ะ)
ก็ยังไม่รู้เรื่องอะไร แล้วพี่ที่ทำงานด้วยกันมาพูดแซวว่า
เมื่อวานเห็นแฟนเรากับเราไปกินข้าวที่ร้านปากซอยบ้านแก
เราก็ไม่นะพี่ เมื่อวานไปเิดนเปิดท้ายกับพี่ปอไม่ได้ไปแถวนั้นเลย
พี่เขาก็อ้าวแล้วใครล่ะ พี่นึกว่าจิน แล้วคิดว่าอยากเป็นส่วนตัวพี่เลยไม่ทัก
เราก็งงค่ะตอนแรกคิดว่าคงเป็นคนที่รูปร้างคล้ายกันมั้ง ก็เลยบอกพีบัวไปว่า
ถ้าพี่เจอที่หลังทักเลยนะ พอเจอบ่อยๆ
เข้าก็เริ่มคิดค่ะ แต่เราก็แอบดูอยู่ห่างๆ และแล้ววันนั้นก็มาถึงค่ะ
วันที่เราจับได้คาหนังคาเขา เย็นวันพุธเขาโทรหาก่อนจะเลิกงาน 30 นาที
บอกเราว่าวันนี้ไม่ได้ไปรับนะแล้วเราคงเจอกันอาทิตย์หน้า
เพราะเขาต้องขับรถให้ป้ากลับนคร เราก็เออไม่เป็นไร แต่เรา
ก็ถามว่ามดกลับด้วยอ่ะเปล่าเพราะวันนี้ยังเห็นที่บริษัทอยู่เลยเขา
ก็ตัดสายไปเลยค่ะ เราก็เลยโทรกลับถามว่าทำไมตัดสายล่ะ
อ้างว่าไม่มีคลื่นค่ะ แล้ววันนี้เป็นไงไม่รู้ยัง
ไม่อยากกลับห้องพี่ปอก็เลยชวนไปเดิน
บิ๊กซี กัน รู้ไหมค่ะว่าเจออะไร
เจอพ่อคุณที่บอกว่าไม่ว่างต้องขับรถพาป้ากลับนคร นั่งเสนอหน้า
อยู่ในร้านไอสครีมค่ะไม่ได้มาคนเดียวค่ะ มากับสาวค่ะผมยาว
เหมือนเราเลยตอนแรกเราก็นึกว่าคงเป็นพี่นกมั้ง ญาติเขานะคะ
แต่เขาไม่เ็นเราค่ะ แล้วพี่ปอก็ถามจะเอาไง เข้าไปดูเลยไหม
หรือจให้พี่แก้งเดินเข้าไปทักแล้วถามถึงเธอ เราก็กลัวค่ะ
กลัวว่าจะเป็นคนอื่นที่ไม่ใ่ช่พี่นก เลยลองโทรเข้าครั้งแรกไม่รับค่ะ
กดทิ้ง โทรเข้าครั้งที่สอง รับแล้วแกล้งเป็นไม่ได้ยินค่ะ
เราก็เลยลองโทรหาพี่นกดีกว่า
และแล้วเราก็ได้รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่พี่นก พี่นกอยู่เขาใหญ่ค่ะกับแฟน
บุกค่ะคราวนี้บุก เดี๋ยวมาต่อพรุ่งนี้ค่ะ วันนี้ขอตัวไปทำกับข้าวให้สามีก่อนนะคะ

โพสต์แล้ว:
อังคาร ธ.ค. 23, 2008 10:34 pm
โดย jintana vie
เราก็เดินเข้าไปในร้านไอศกรีมค่ะ โดยมีพี่ปอเป็นกองหนุนให้ค่ะ เอาว่ะเป็นไงเป็นกัน พอเห็นเราเท่านั้นแหละค่ะ พ่อคุณก็ถึงตัวเราก่อนที่เราจะถึงโต๊ะเสียอีกแล้วพูดว่าอะไรรู้ไหมค่ะ บอกว่ามีอะไรค่อยไปเคลียร์กันที่บ้าน แต่ตอนนี้กลับไปก่อน ไม่พร้อมที่จะคุย ไม่ค่ะเราไม่ยอมค่ะ พูดเสียงดังลั่นร้านไอศกรีมเลยค่ะ "ทำไมเหรอจะมากินบ้างจะกลัวอะไรนักหนาเราก็เป็นแฟนกันทำไมต้องกลัวด้วยล่ะ " แล้วผู้หญิงคนนั้นก็เดินเข้ามาถามเรา "ขอโทษนะคะเข้าใจอะไรผิดกันหรือเปล่าค่ะ" สุภาพด้วยนะคะ มึงจะโดนกูตบยังไม่รู้ตัวอีกหรอ (ขอโทษที่ใช้คำไม่สุภาพค่ะ) ไอ้แฟนเก่าก็คงจะเห็นว่าเราปี้ดแล้วล่ะค่ะ ลากเราออกจากร้านไอศกรีมค่ะ แล้วก็บอกผู้หญิงคนนั้นว่า เดี๋ยวค่อยคุยกันนะ ลากเรามาถึงลานจอดรถเลยค่ะพี่ปอก็วิ่งตามเรามาค่ะ คือแกถือกระเป๋าให้ แล้วก็เป็นห่วงกลัวว่าแฟนเราจะทำร้ายเราด้วย พอถึงรถ เขาเปิดประตูรถแล้วยัดเราเข้าไปในรถ แล้วก็ตะโกนบอกพี่ปอว่าอย่ายุ่งเรื่องของคนอื่นได้ไหม ระหว่างทางที่นั่งรถมาด้วยกันเราไม่พูดอะไรสักคำ แต่คิดค่ะคิดว่าจะเอาไงต่อว่ะเนี่ย พอถึงหน้าหอพักเราๆ บอกขอบคุณนะที่อุตส่าห์เสียเวลากินไอศกรีมมาส่ง แต่ต่อไปนี้คงไม่ต้องเจอกันอีกแล้วนะไม่ต้องมาคอยรับคอยส่งหรอก ไม่อยากเห็นหน้า เขาคิดว่าถ้าจินโกรธพูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์ เงียบสัก 2-3 วันก็คงจะหาย แต่คราวนี้คิดผิดค่ะ คือจินเป็นคนที่ไว้ใจคนที่คบด้วย เราจะไม่ถามเรื่องส่วนตัวมาก ไม่ซอกแซก แล้วก็คิดว่านี่ขนาดฉันไม่สอดรู้สอดเห็นเรื่องของเธอฉันยังเจอ แล้วถ้าฉันระแวงคอยจับผิดฉันไม่เจอมากกว่านี้เหรอ คราวนี้เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ค่ะ เปลี่ยนกุญแจห้องทั้งชุดค่ะ คือเมื่อก่อนจินไว้ใจกันมากเขาให้กุญแจบ้านเราไว้ชุดหนึ่ง จะไปเมื่อไหร่ก็ได้แต่ขอให้โทรบอก จินก็ให้เขาไว้ชุดหนึ่งเหมือนกัน พอเจอเหตุการณ์วันนั้นก็เลยเปลี่ยนทั้งชุดเลยค่ะ พอ 3 วันผ่านไปคงจะโทรติดต่อเราไม่ได้ก็เลยมาดักรอที่หน้าบริษัทค่ะ เราเห็นค่ะแต่แกล้งทำเป็นไม่เห็นเดินขึ้นรถรับส่งของบริษัทพ่อคุณเล่นเดิมตามมาค่ะ เราก็ไม่อยากอายคนที่ทำงานก็เลยถามว่าจะเอายังไง เขาบอกขอคุยด้วยหน่อย ก็เลยไปนั่งกินข้าวที่ร้านที่ไปกันประจำเขาก็ถามว่าเป็นอะไรโทรไปก็ไม่ติด ไปที่ห้องมากุญแจก็เปิดไม่ได้แล้ว
เราก็เลยบอกไปว่าไม่ไมีอะไรก็แค่อยากให้มันจบๆ ไป ก็เท่านั้นเอง เขาบอกจะให้ทำยังไงถึงจะเป็นเหมือนเดิม เขายอมเขาขอโทษ เขารู้ว่าเขาผิด แต่จะไม่ให้โอกาสเขาเลยเหรอ สารพัดที่เขาขอร้องเรา ตอนนั้นก็ยังรักเขาอยู่ค่ะก็เลยใจอ่อนๆใจ ให้โอกาส แต่คราวนี้เราระแวงค่ะเพราะเราไม่อยากเป็นคนโง่ให้เขาหลอก ง่วงแล้วเดี๋ยวมาต่อนะคะ

โพสต์แล้ว:
อังคาร ธ.ค. 23, 2008 11:08 pm
โดย meawmark
กำลังสนุกเลยค่ะ

โพสต์แล้ว:
อังคาร ธ.ค. 23, 2008 11:14 pm
โดย pingpong ferguson
เข้ามาอ่านคนแรกเลยค่ะ เล่าได้มันมาก เฮ้อผู้ชายไทยทำไมถึงเป็นย่างนี้กันหมดน้า

โพสต์แล้ว:
พุธ ธ.ค. 24, 2008 10:18 am
โดย poussin
<span style='color:green'>แม่น้องทะเลรออ่านอยู่นะคะ</span>

โพสต์แล้ว:
พุธ ธ.ค. 24, 2008 11:46 am
โดย jintana vie
ขอบคุณค่ะที่เข้ามาอ่าน ต่อเลยนะคะ
พอเริ่มระแวงเราก็เลยตัดสินใจว่าเป็นไงเป็นกันว่ะฉันอยากจะแต่งงานก็ตกลงกันนะคะ โทรไปคุยกับพ่อแม่เราว่าจะสู่ขอลูกสาวอย่างนั้นอย่างนี้ พ่อกับแม่จะเรียกค่าสินสอดเท่าไหร่ผมยินดี ดูค่ะปากมันว่าไปนั่นแต่พ่อกับแม่บอกคุยกันทางโทรศัพท์ไม่ดีมั้ง พ่อกับแม่ก็เลยขึ้นมาหาที่กรุงเทพตกลงกันค่ะ พ่อกับแม่เรียกไป แสนหนึ่งกับทอง สามบาท เขาก็ครับได้ครับไม่มีปัญหา แล้วตกลงกันว่าปีใหม่จะไปสู่ขอพร้อมเงินแสนหนึ่งกับทอง สามบาทค่ะ (ตอนนั้นที่คุยกันเดือนสิงหาคมค่ะ) ที่นี่เราก็เลยตัดสินใจย้ายมาอยู่ที่บ้านเขาค่ะ และแล้วโชคชะตาก็เล่นตลกค่ะ ออกลายค่ะ อย่างว่านะคะคนมันคิดจะมีใหม่ถึงนอนอยู่ข้างๆเรามันก็ยังแอบส่งข้อความหากัน เขาคิดว่าเราโง่ค่ะคิดว่าเราไม่รู้ เรารู้ค่ะแต่ที่ฉันยอมเป็นคนโง่ก็เพราะว่าฉันรักเธอไง ก่อนที่จะจับได้คาหนังคาเขา เดือนตุลาคมค่ะ ปี 2549 ทางแผนกที่จินทำงานอยู่เขาจัดไปเที่ยวก่อนสิ้นปีกันค่ะ ไปเที่ยวหัวหินกันค่ะ ค้างคืนด้วยค่ะ คนอื่นในแผนกเขาก็ชวนแฟนไปด้วยทั้งนั้นเราก็ชวนบ้างค่ะ คุณชายบอกไม่ว่างไปด้วยไม่ได้จริงๆ เราก็ไม่ว่างก็ไม่เป็นไร แต่ที่ไหนได้มันแอบไปหาคนอื่นค่ะ ผิดคาดค่ะ เราไปเที่ยวหัวหินกับเพื่อนที่ทำงานสนุกมากค่ะมีเรื่องตลกให้หัวเราะตลอดการเดินทาง ก็คิดในใจกูหัวเราะมากเกินไปจะมีเรื่องอะไรให้ร้องไห้เปล่าว่ะ (ขอโทษมา ณ ที่นี้ หากใช้คำไม่สุภาพ) เที่ยวกันสนุกมากเล่นน้ำกันทั้งวันค่ะ แต่หัวหน้าบอกว่าเราค้างคืนแต่จะถึงกรุงเทพประมาณ ตี 5 - 6 โมงเช้า ที่จริงไม่ได้นอนค้างคืนหรอกค่ะนั่งกินเหล้ากันมากกว่า เราก็โทรหาเขานะคะ ถามว่ากินข้าวยัง ทำไรอยู่ เขาบอกว่าตอนนี้อยู่บ้านพี่กวาง กินเหล้ากันคุยกันปกตินั่นแหละ คืนนี้คงนอนบ้านพี่กวางกินเหล้าแล้วไม่อยากขับรถมันว่าค่ะ เที่ยวให้สนุกนะ มันยังมีหน้ามาอวยพรค่ะ เราก็กินเหล้ากับรุ่นพี่ และเพื่อนๆ ที่ทำงาน คุยกันสนุกสนาน คืนนั้นไม่ได้นอนค่ะนั่งกินเหล้าเสร็จก็เก็บของกลับกรุงเทพค่ะ ถึงกรุงเทพประมาณ ตี 4 แต่กว่าจะตระเวนส่งคนนั้นคนนี้ แล้วส่งเราก็ตี5 เกือบ 6 โมง ค่ะ และแล้ววันที่ทำให้เราต้องเลิกกันก็มาถึง เราถึงบ้านเห็นรถจอดอยู่ค่ะ ก็ยังคิดในแง่ดีอยู่นะคะ แฟนเราคงไม่ได้ดื่มมากมั้งเลยกลับมานนอนที่บ้าน เราก็เห็นรองเท้าผู้หญิงค่ะ แต่ไม่ใช่ของฉันแน่นอน เพราะเล็กกว่าเยอะเลย เราก็คิดเอะหรือว่าของแฟนพี่กวางยังคิดในแง่บวกอีกค่ะ เราก็จัดการเก็บของฝากที่ซื้อมา แล้วคิดอีกนะคะว่าวันนี้จะนอนทั้งวัน เพราะไปเที่ยวมาเหนื่อยมากเลย พอเปิดประตูห้องนอนเท่านั้นแหละค่ะ
เราไม่เปิดอย่างเบามือค่ะเขาไม่รู้สึกตัว เห็นนอนกันอยู่ 2 คน ก็ยังคิดอีกนะคะว่าคงเป็นพี่กวางกับแฟนแล้วแฟนเราคงไปนอนอีกห้องหนึ่งมั้ง เราก็เลยเดินไปดูอีกห้องค่ะ เจอค่ะเจอแค่ความว่างเปล่า ก็เลยคิดว่านี่ก็เช้าแล้วไปถามกับพี่กวางดีกว่าว่าแฟนเราไปไหน แต่คราวนี้เปิดประตูเข้าไปห้องนอนปรากฎว่า้งไอ้และอี มันตกใจ แต่คนที่ช็อคจินค่ะ คิดไม่ถถึงว่าเขาจะกล้าพาผู้หญิงคนอื่น มานอนในบ้านและก็ยังเป็นเตียงเดียวกับที่เราเคยนอนอยู่ทุกวัน ที่ช็อคนี่ไม่ได้หมดสตินะคะ จินนี่แหละค่ะเริ่มค่ะทั้งด่าทั้งมือทั้งไม้ค่ะ ทั้งตบทั้งจิก ร้องไห้ด้วยค่ะ เจ็บค่ะเจ็บใจมึงทำกับกูได้นะ ผู้หญิงคนนั้นวิ่งหนีค่ะ คงอายมั้งค่ะ

โพสต์แล้ว:
พุธ ธ.ค. 24, 2008 12:02 pm
โดย noutheblueocean
pingpong ferguson เขียน: เข้ามาอ่านคนแรกเลยค่ะ เล่าได้มันมาก เฮ้อผู้ชายไทยทำไมถึงเป็นอย่างนี้กันหมดน้า
หนูเห็นด้วยค่ะ แต่จะว่าไปมันก้อไม่ได้ ไม่ดีไปซะทุกคน
แต่ว่าเราเจอคนดีเป็นส่วนน้อยค่ะ ส่วนมากจะเจอคนไม่ดีค่ะ
เดี๋ยวนี้เวลาหนูกลับเมืองไทยจะไม่คุยกับ วัยรุ่นชายไทยค่ะ
เรียกว่านับคนได้น่ะคะ ถ้าคุยก้อเป็นญาติพี่น้อง คนขายของ
คนขับรถ ค่ะ แต่นอกนั้นหนูจะไม่คุยด้วยเลย ไว้ใจไม่ได้ค่ะ

โพสต์แล้ว:
พุธ ธ.ค. 24, 2008 12:35 pm
โดย jintana vie
จากที่คิดว่าจะนอนทั้งวันกลับไม่ได้นอนค่ะ นั่งคุยกับเขาว่า เค้นความจริงค่ะ ถามว่าคนนี้เป็นใคร มันบอกว่าน้องแอน แล้วมึงพามันมานอนที่บ้านทำไม มันไปน้ำขุ่นๆ ค่ะ ไปเที่ยวคาราโอเกะมาน้องเขาไม่ยอมปล่อยอ่ะจะตามมาให้ได้ แล้วเราก็ว่า"แล้วมึงไม่มีปากหรือไงทำไม ไม่บอกมันว่ามีเมียแล้ว" ก็เมาก็เลยปล่อยเลยตามเลย เหรอแล้วก่อนหน้านี้มึงเลยตามเลยมากี่ครั้งแล้วล่ะ เงียบค่ะ คราวนี้เงียบ เราก็ถามแล้วมึงจะเอายังไง ตอนนั้นยอมรับค่ะว่ากลัวๆจะติดเอดส์ค่ะ มันตอบว่าไงรู้ไหมค่ะ ก็ไม่เอาไงก็เหมือนเดิม ปี้ดค่ะปี้ดแตก มึงพาผู้หญิงคนอื่นเข้ามานอนในบ้านแถมเตียงเดียวกับกูยังจะมีหน้ามาบอกไม่เอาไงอีกเหรอ มันก็พูดว่าเขาขอโทษเขาผิดไปแล้วให้โอกาสเขาแก้ตัวหน่อย เราก็พูดเลยค่ะมึงอยากมีคนใหม่แล้วมึงทำไมต้องรับปากว่าจะแต่งงานกับกูอีก ในเมื่อมึงไม่เคยพอแล้วมึงจะคบกูอยู่ทำไม และหลังจากวันนั้นจินก็ไม่ยอมคุยด้วยอยู่ประมาณ 2 อาทิตย์ค่ะ บางทีไม่กลับบ้านค่ะ นอนห้องเพื่อนบ้าง โทรตามค่ะแต่ไม่รับ พอเราไม่รับก็ส่งข้อความ เราก็เลยคิดและก็ปรึกษากับเพื่อน เอาว่ะเป็นไงเป็นกันลองดูอีกสักตั้ง แต่ถ้ามีอีกครั้งก็จบ (ยังให้โอกาสอีกค่ะก็คนมันรักค่ะ) เงียบอยู่สักพักค่ะ ทำตัวดีขึ้นมาหน่อย อีกแล้วค่ะ เพื่อนที่ทำงานเราเจอบ้าง ผู้หญิงโทรมาด่าเราบ้าง มีอยู่วันหนึ่งเขาลืมโทรศัพท์ไว้ที่บ้าน เป็นวันหยุดเราพอดี เห็สายเข้าแล้วขึ้นชื่อพี่กวาง เราก็คิดว่ารับแล้วบอกให้โทรเข้าที่บริษัทดีกว่า ก็เลยรับแต่เป็นผูหญิงค่ะ แม่นางก็พูดว่าใกล้เที่ยงแล้วนะมารับไปกินข้าวสักทีสิ หิวแล้ว เราก็เลยบอกว่าโทรผิดเบอร์หรือเปล่าค่ะ เธอก็บอกไม่ผิดหรอกนี่เบอร์แฟนเธอโทรหากันทุกวันจะผิดได้ไง เราก็ใจเย็นค่ะ ถามกลับไปแล้วแฟนชื่ออะไร เธอก็ตอบชื่อเดียวกับแฟนเราเลย บอกที่ทำงานอีกค่ะ บอกด้วยว่าบ้านอยู่ไหน เราก็เลยพูดไปว่านี่ฉันเป็นเมียเขานะและก็เลิกยุ่งกับผู้ชายคนนี้ได้แล้ว "เขาก็บอกว่าถ้าจะให้เลิกคงต้องไปบอกผัวมึงเอาเองนะ เพราะมันมาติดกูเองมึงนะมันเบื่อจะตายอยู่แล้ว มันมาหากูทุกวันมันก็บ่นว่าอยากเลิกกับมึง เบื่อจะแย่ แล้วหล่อนก็ใส่มาเป็นชุดค่ะ เสร็จแล้วก็วางสายไปเลยค่ะ" เป็นเรื่องค่ะ พอเขากลับบ้านมาเราก็ถามเลยค่ะ มึงจะเลือกใคร ระหว่างกู กับ อีคนนั้น มันบอกว่าไงรู้ไหมค่ะ ไม่เลือกใคร จะเอาทั้ง สองคน ใครอยู่ได้ก็อยู่อยู่ไม่ได้ก็ไป เราก็พูดด้วยความโมโห กูคงไม่ใจบุญขนาดที่จะแบ่งผัวให้คนอื่นใช้ด้วยหรอกนะ ถ้ามึงไม่เลือก กูก็จะเป็นคนเลือกเอง คราวนี้เราไม่ยอม จิน โทรหาพ่อกับแม่เขา ป้าเขา ไม่มีใครรู้เรื่องสักคนว่ามันจะแต่งงานกับเรา แถมยังพูดอีกนะคะ พ่อแม่เธอนะ ขายลูกกินหรือไง ถ้าจะแต่งจริงๆ ฉันคงให้ได้แค่ 40000 นั้นแหละ มากแล้วนะ แหมที่อย่างนี้เกลียดเราขึ้นมาเลยค่ะ (ที่คุยกันตอนนั้นกับพ่อแม่จิน คือคุยกันแค่ 4 คนค่ะ จิน พ่อกับแม่ และก็เขา) ยิ่งทำให้เราเจ็บใจค่ะ จินเลิกค่ะ เพราะ ญาติเขาก็ไม่มีใครเอาเราแล้วแถมเขาก็ยังเป็นซะอย่างนี้ แล้วจะเอามาทำไมว่ะ เก็บข้าวของๆเรา อันไหนที่เขาซื้อให้ไม่เอา เพราะไม่อยากเห็นอะไรที่เกี่ยวกับเขา โทรบอกแม่ว่าเลิกกันกับแฟนแล้ว และไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น และก็โทรหาพี่ปอ ๆ ก็บอกว่ามาอยู่กับแกก็ได้เพราะแกก็อยู่คนเดียว พี่ปอนั่งเท็กซี่มารับค่ะ แต่ตอนแรกยอมรับว่าร้องไห้ทุกวันงานการไม่เป็นอันจะทำ ถามตัวเองว่าทำไม ๆ ฉันทำอะไรผิด ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วอ่ะ ไม่อยากกลับบ้านด้วยไม่อยากให้ทางบ้านเห็นสภาพเรา ตอนนั้นโทรมมากๆ ค่ะ กินเหล้าทุกวัน ข้าวไม่กินค่ะ ร้องไห้เยอะมาก ก็เลยตัดสินใจโทรหาเพื่อน ก่อนหน้าที่จะเลิกกับแฟนเพื่อนคนนี้ก็ชวนเราไปทำงานด้วยนะ แต่ตอนนั้นติดที่มีแฟนไง ที่อยู่ที่ภูเก็ตเพื่อนเป็นคนไทยเชื้อสายเวียดนาม- จีนค่ะเรียนด้วยกันมาตั้งแต่อนุบาลจนจบ ปวช. สนิทกันมาก เพื่อนมีร้านขายของอยู่ในโอท้อปที่ป่าตอง เราเล่าทุกอย่างให้เพื่อนฟัง เพื่อนก็บอกมาดิจะให้ไปรับไหม แต่ตอนนั้นเราก็ยังงกอ่ค่ะเพราะใกล้จะสิ้นปี โบนัสก็ใกล้จะออกแล้ว คิดค่ะ ว่าไหนๆ ก็จะออกแล้วทำงานมาทั้งปีรอรับโบนัสก่อนค่ะยไปดีกว่าอย่งน้อยก็มีเงินเพิ่มมาสักก้อนกันตาย

โพสต์แล้ว:
พุธ ธ.ค. 24, 2008 2:23 pm
โดย jintana vie
เรายื่นใบลาออกล่วงหน้าค่ะเพราะถ้าออกไปเลยก็อดได้เงินสะสม ปีนั้ได้โบนัส 2 เดือนครึ่ง + เงินเดือน + เงินสะสม เราแล้วของใช้ที่เป็นของๆเราซื้อที่ขนมาจากบ้านแฟรเก่าเราก็ยกให้พี่ปอหมดเลย ที่จริงก็ให้ตังค์แต่เราไม่เอาหรอกให้แกที่อุตส่าห์ช่วยเรามาตลอก เพราะค่าห้องเราช่วยแกๆยังไม่เอาเลย พอเคลียร์อะไรเรียบร้อยก็โทรหาเพื่อนๆชื่อ หงส์ เฮ้ยหงส์แกมารับฉันได้ไหมว่ะฉันไม่กล้าไปคนเดียวว่ะ เพื่อนก็โอเคมารับค่ะ แต่เช้าไปเย็นกลับนะโว้ยเพื่อนบอกนั่งเครื่องนะเร็วดี นั่นแหละครั้งแรกในชีวิตที่ได้นั่งเครื่องบิน ค่าเครื่องเพื่อนออกให้ค่ะ รู้สึกว่าจะประมาณ 1750 ค่ะของสายการบินไทยแอร์เอเชีย ค่ะ วันที่ 24 ธันาคมค่ะ ย้อนกลับมานิดหนึ่ง วันที่ 23
ธันวาคมค่ะงานเลี้ยงใหญ่ทั้งบริษัทค่ะ ก็มีแจกของรางวัลปรากฎว่าเราจับได้เครื่องซักผ้าของซัมซุง คิดว่าได้ตอนนี้จะมีประโยชน์อะไรเราคงไม่เอาเครื่องซักผ้าขึ้นเครื่องบินไปด้วยหรอกนะ พอดีพี่ที่ทำงานเขารู้ว่าเราจะออกก็เลยถามว่าจะขายไหมล่ะพี่อยากได้ใหม่อยู่พอดี ราคาจริงๆ ไอ้เครื่องนี้ ก็ หมื่นกว่าบาทนะคะ อย่างดีซะด้วย เราก็ถามแล้วพี่จะให้หนูเท่าไหร่ล่ะ 5000 โอเคเปล่า เราก็เลยว่าโอเคนะพี่แต่หนูขอเป็นเงินสด เพราะ พรุ่งนี้จะไปภูเก็ตแล้ว พี่แกก็ยอมเราเลยได้ตังค์มาเพิ่มค่ะ งานเลี้ยงผ่านไป เช้าวันที่ 24 ธ.ค. 2549 ไปรอรับเพื่อนที่สนามบินและเพื่อนที่ทำงานด้วยกันรวมทั้งพี่ปอก็มาส่งเราที่สนามบินสุวรรณภูมิ ตอนนั้นเพิ่งเปิดใหม่ๆ พอดี ใจหายค่ะ พี่หัวหน้าก็บอกว่าถ้าดีขึ้นแล้วอยากกลับมาทำงานก็บอกแกนะจะช่วย เราก็ได้แต่ขอบคุณ วันแรกที่มาถึงเป็นสนามบินภูเก็ต ประมาณ 6 โมงเย็น บ้านเพื่อนอยู่ที่กระทู้ ก่อนขึ้นเขข้ามไปป่าตอง (ถ้าใครเคยไปภูเก็ตคิดว่าคงจะรู้จักค่ะ) ถึงบ้านเพื่อนคิดว่าอยากพักเพราะเมื่อคืนก่อนงานเลี้ยงที่บริษัทยังไม่ได้นอนเลย บ้านหลังนี้เขาอยู่กัน 4 คนพี่น้อง แต่ส่วนมากเพื่อนจะอยู่คนเดียวเพราะพี่ๆ ไปเรียนที่กรุงเทพ กลับบ้านเดือนละครั้ง พ่อกับแม่ อยู่ที่ขอนแก่น อาบน้ำเสร็จเพื่อนบอกดีเลยว่ะแกมาวันนี้ เขามีคริศมาสต์ อีฟ ไปเที่ยวป่าตองกันไปดูฝรั่งกัน แกไม่อยากมีแฟนเป็นฝรั่งกับเขาเหรอ แต่เพื่อนจินเขาไม่ชอบฝรั่งค่ะ คบเป็นเพื่อนไ้แ่ให็เป็นแฟนไม่เอา เพื่อนบอกถ้าฉันมีแฟนเป็นฝรั่งนะมีหวังบ้านแตกแน่เพราะพ่อแม่เอาตาย ครอบครัวเพื่อนเป็นจีนค่ะไม่ชอบฝรั่ง แต่ค้าขายกับฝรั่ง คืนนั้นเราไปเที่ยวป่าตองค่ะ กลับ ตี 5 ค่ะ ไม่ได้นอนค่ะคุยกันยัน 10 โมงเช้า นอน 2 ชั่วโมง ก็ต้องตื่นเพราะเพื่อนต้องไปเปิดร้านที่ป่าตอง แต่เขาจ้างคนเนปาล คนพม่ามาขายอีกที เพื่อนก็ถามว่าจะเอาไงต่อ อยากพักสักเดือนช่วยฉันขายของหรือว่าอยากทำงานว่ะ เราบอกอยากพักสมองสัก อาทิตย์ สองอาทิตย์ ก็พอแล้วค่อยทำงาน
เพื่อนก็ถามว่าอยากทำงานอะไรล่ะ ที่นี่ ก็จะมีร้านอาหาร โรงแรม ทำทัวร์ หรือแกจะช่วยฉันขายของก็ได้นะ หรือว่าอยากเป็นสาวห้างว่ะ อันหลังนี่ขอบายค่ะ ไม่ชอบค่ะยืนขาแข็งทั้งวันไม่เอาค่ะ บอกเพื่อนว่าตินนี้ยังไม่คิดว่ะ ขอพักก่อนได้ไหม ผ่านไปอาทิตย์หนึ่งเราก็มาที่ร้านกับเพื่อนทุกวัน ช่วยมันดูร้าน เย็นเที่ยว เราเริ่มทำงานจริง ม.ค ที่ในตัวเมืองภูเก็ตขายของที่เซ็นทรัล เงินเดือนก็พออยู่ได้ บ้านไม่ต้องเช่า ค่านำ้ค่าไฟช่วยกันจ่าย เพราะตอนแรกพอเราได้งานเราก็บอกเพื่อนว่าจะหาห้องเช่าเพราะอยู่บ้านเพื่อนก็เกรงใจเพื่อน แต่เพื่อนบอกเฮ้ยแกอยู่นี่แหละไม่ต้องไปเช่าที่ไหนหรอกค่าเช่าแพงจะตาย ฉันไม่เก็บค่าเช่าแกแต่ค่าน้ำค่าไฟช่วยฉันจ่าย ทุกๆ วันหยุดเราก็จะไปที่ร้านกับเพื่อน ไม่อยากอยู่บ้านเฉยๆ ช่วงนั้นก็มีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่เข้ามานะคะ แต่ก็คุยด้วยเฉย พอเขาเห็นว่าเราไม่เล่นด้วยเขาก็หายไปเอง จะให้มีแฟนตอนนี้ยังไม่เอาหรอกค่ะ ยังไม่หายดีเลย 6 เดือนผ่านไป ไอ้จัญไรแฟนเก่ามันโทรมาค่ะ ถามว่าเราอยู่ไหน ไปไหนทำไมไม่บอกกนสักคำ คิดถึงสารพัด ที่จะสรรหามาพูด เราก็เลยพูดไปว่าเพิ่งจะนึกได้เหรอ แล้วโทรมาทำไมอีก เขาบอกว่าเขาเลิกกับผู้หญิงคนนั้นแล้ว ญาติๆ เขาก็ไม่ชอบผู้หญิงคนนั้น บอกว่าญาติๆ เขาชอบเราคนเดียว เราก็เลยบอกว่าเลิกพูดอะไรที่มันไม่เข้าท่าได้แล้ว พูดกับเด็กอนุบาลๆ ยังรู้ว่าโคตรตอแหล แล้วเราก็บอกว่าขอร้องนะไม่ต้องโทรมาอีก ฉันกวาดน้ำ คว่ำขันให้แล้ว จบกันสักที พ่อคุณไม่ยอมหยุดค่ะ ให้เพื่อนคนนั้นคนนี้ โทรมาอยู่่นแหละ **วันนี้ต้องออกไปข้างนนอเดี๋ยวมาต่อนะคะ**

โพสต์แล้ว:
ศุกร์ ธ.ค. 26, 2008 12:06 pm
โดย jintana vie
ขอบคุณทุกคนมากค่ะ ที่เสียสละเวลามาอ่านเรื่องของจิน บางทีอาจพิมพ์ตกหล่นไปบ้างหรือใช้คำไม่สุภาพก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ
ต่อกันเลยค่ะ พอเราไม่รับโทรศัพท์ ก็ส่งข้อความค่ะ บางทีก็สงมาว่า "ตัวเองไม่สงสารเขาเหรอ เขาไม่มีใครจริงๆนะ" "ขอร้องรับโทรศัพท์ทีได้ไหม คิดถึงอยากได้ยินเสียง" และก็ไม่เลิกค่ะ ส่งอยู่นั่นแหละ สุดท้ายส่งมาว่า "กลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมนะ บอกมาเร็วตัวเองอยู่ไหนเดี๋ยวเขาไปรับ" ทนไม่ได้ค่ะ ทนความตอแหลไม่ไหวเลยต้องเปลี่ยนเบอร์โทรหนีค่ะ "เข้าเดือนที่ 9 เพื่อนบอกเฮ้ยแกพอจะช่วยฉันได้ไหมว่ะ แกออกจากงานมาช่วยที่ร้านฉันได้ไหมฉันให้แกเท่ากับที่แกทำอยู่ เพราะหน้าฝนขายไม่ค่อยได้ ก็เลยจะเลิกจ้างคนก็เหลือแกกับฉันช่วยกัน" ก็เลยออกจากงานที่เซ็นทรัลมาช่วยเพื่อนขายของค่ะ ก็เรื่อยๆ และแล้ววันหวานๆก็ผ่านเข้ามา ได้รู้จักกับหนุ่มเดนมาร์กที่ทำงานที่ฉลอง แต่ช่วงนั้นเขาพาเพื่อนที่มาจากเดนมาร์กมาเที่ยวที่ภูเก็ตและก็มาซื้อของที่ร้านเพื่อนที่เราทำงานอยู่ เขามาที่ร้าน 3-4 ครั้ง แรกๆ จำไม่ได้หรอกค่ะว่าเขาเคยมา จริงๆแล้วปกติจะเป็นคนที่จำคนแม่นค่ะแต่จะจำแม่นเฉพาะคนที่เคยคุยด้วยเท่านั้น แต่อีตาคนนี้ไม่เคยคุยด้วยค่ะก็เลยจำไม่ได้ แต่วันนั้นเราเห็นเขามาที่ร้านแต่เขาไม่คุยกับเราเดินไปหาเพื่อนเราๆ ก็คิดว่าคงรู้จักกันมั้ง เราก็ไม่ได้สนใจจัดของในร้านไป สักพักเขาก้เดินออกจากร้านแล้วพูดว่า bye bye see you tonight ก็ยังไม่รู้เรื่องอะไร คิดว่าคงมาสั่งของไว้กับเพื่อน แล้วคงจะกลับมาเอาคืนนี้มั้ง เพื่อนก็เดินเข้ามาถามเฮ้ยแกคิดยังไงกับอีตาคนนั้น เราก็ถามกลับคนไหนล่ะ มีตั้งหลายคนใครจะไปจำได้ ก็คนที่บอกว่าเจอกันคืนนี้ไง เราก็บอกไปว่าไม่รู้สิเพิ่งเคยเห็นครั้งแรก ""เพื่อนเลยบอกว่าเขาชื่อ เดนนิส มาที่นี่ 3-4 ครั้งแรกอ่ะ แกไม่เห็นเหรอ เขาชอบแกอ่ะ แต่ไม่กล้าคุยกับแกเขาก็เลยมาถามฉันเรื่องแก ฉันบอกว่าแกเป็นเพื่อนฉันแต่มาช่วยขายของที่ร้าน แกเพิ่งเลิกกับแฟน เขาก็เลยชวนฉันกับแกไปกินข้าวคืนนี้"" เราก็เลยว่าเพื่อนว่าแหมไม่ถามฉันก่อนเลยนะว่าอยากไปไหม เพื่อนก็บอกเออน่า แล้วคืนนั้นก็ไปกินข้าวกันที่ร้าน "ปั้นหยา" ค่ะ แต่เรากับเพื่อนสั่งอาหารเยอะมากแต่กินไม่หมดค่ะ เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร หลังจากนั้นมาเราสามคนก็เจอกันเกือบทุกัน ที่บอกว่าเราสามคนเพราะว่า บอกตามตรงเลยค่ะ จินกลัวฝรั่ง เลยไม่กล้าที่จะไปไหนกันสองต่อสอง ประมาณว่าถ้าเพื่อนฉันไม่ไปฉันก็ไม่ไป แรกๆ ยอมรับว่าชอบเขาค่ะ เอหรือว่าเหงาก็ไม่รู้นะคะ และแล้ววันที่อยู่ด้วยกันสองคนก็มาถึง วันแรกของเดือน ธันวาคม เราคุยกันหลายอย่างมาก และเขาก็บอกว่า วันที่ 15 เขาจะกลับเดนมาร์กเพื่อที่จะไปคริศมาสต์กับครอบครัว เขาถามว่าเราอยากไปเดนมาร์กกับเขาไหม เราก็ตอบตรงๆ ว่าไม่รู้สิ เขาก็ถามเราอีกว่าเธอรักฉันหรือเปล่า เราเงียบค่ะ แต่ก็คิดในใจค่ะ เออแล้วเรารักเขาไหม เห็นเราเงียบเขาก็ถามย้ำอีกว่าเธอรักฉันไหมจิน เราก็ตอบอีกว่าไม่รู้สิ ฉันไม่รู้ว่าฉันรักเธอไหมแต่ฉันรู้ว่าฉันชอบเธอ เธอดีกับฉัน เธอเป็นเพื่อนที่ดีมาก เขาบอกว่าไงรู้ไหมค่ะ อ้าวฉันนึกว่าเธออยากแต่งงานกับฉันๆ เองก็อายุเยอะแล้วอยากมีครอบครัวและฉันก็เลือกเธอ (อายุ 27 ค่ะ นี่นะคะเยอะ) เธอไม่ต้องตอบตอนนี้ก็ได้ไว้เรากลับมาจากเดนมาร์ก เราค่อยคุยกันเรื่องนี้อีกที เรื่องวีซ่าเดนนิสเป็นคนจัดการค่ะ วันแรกที่ไปถึงเดนมาร์กหนาวมากค่ะ ถึงวันที่ 16 ธันวาคม ไม่ได้พักค่ะพอคุณพาเที่ยวซะทั่วโคเปนฮักเก้นขาลากค่ะ ทั้งเหนื่อยทั้งหนาว พรุ่งนี้มีโปรแกรมไปเที่ยวนอร์เว และก็ สวีเดนกัน ค่ะ ครอบครัวเขาดีกับเรามากค่ะ และก็ถึงบางอ้อที่พ่อคุณบอกว่าอายุเยอะแล้ว ที่แท้มีน้องสาวอายุ 21 แต่น้องสาวแต่งงานและมีลูกแล้ว พอมีหลานก็เลยคิดว่าตัวเองแก่ค่ะ กลับมาถึงเมืองไทย 28 ธันวาค่ะ แต่ระหว่างทางบนเครื่องบินเราก็คุยกันเรื่องไปเที่ยวที่นั่น ที่นี่ มา และก็เข้าเรื่องค่ะ เดนนิสถามว่า ทีนี้เธอจะตอบฉันได้หรือยังว่าจะแต่งงานกับฉันไหม เราก็ถามว่าถ้าฉันบอกอะไรเธอตรงๆ เธอจะโกรธไหม จะยังดีกับฉันเหมือนเดิมหรือเปล่า เขาก็บอกว่าทุกอย่างจะเหมือนเดิม เราก็เลยบอกว่าตอนนี้ยังไม่อยากแต่งงานเพราะกลัว และระหว่างนี้เราจะคบกันเหมือนเพื่อน ถ้าเธอเจอคนใหม่ที่ดีกว่าหรือฉันเจอคนอื่นที่ใช่กว่าเธอ เราก็ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม หลังจากกลับมาทำงานเหมือนเดิม เดนนิสก็มาหาเหมือนเดิม กินข้าวกันสามคนบ้าง สองคนบ้าง แต่เวลาผ่านไป 3 เดือนค่ะ
เดนนิสพาผู้หญิงมาที่ร้าน แนะนำให้เรารู้จักและบอกว่าจะแต่งงานกันเร็ว ๆ นี้ แปลกค่ะที่ไม่เสียใจเลยแต่กลับโล่งอกมาก และเราก็ได้เจอกับแฟนคนฝรั่งเศส เจอกันที่ร้านเพื่อนนี่แหละค่ะ แต่คราวนี้เขาเข้าหาเราโดยตรง เราบอกทุกอย่างที่ผ่านมาให้ฟังเขาก็รับได้ บอกว่าเรื่องมันผ่านไปแล้ว อย่าไปคิดมากเลย เขาทำงานเกี่ยวกันโปรแกรมเมอร์ค่ะ อยู่เมืองไทย 6 เดือน ฝรั่งเศส 6 เดือน แต่คราวนี้คบกันแค่ 5 เดือนค่ะ ตกลงแต่งค่ะ (ใจง่ายจังเรา) แต่พอแต่งงานเสร็จสามีทำเรื่องขอย้ายกลับไปทำงานที่ฝรั่งเศสเต็มตัว แอบดีใจคิดว่าจะย้ายมาอยู่เมืองไทยถาวร (จินเชื่อเรื่องคู่แท้ค่ะ ว่าถ้ามันเป็นของๆเรา ยังไงซะมันก็เป็นของๆ เราอยู่วันยังค่ำ และยังไงซะก็หากันจนเจอนั่นแหละค่ะ) ตอนนี้ก้เป็สะใภ้เมืองตราไก่เต็มตัวแล้วค่ะ ปีใหม่นี้ขอให้พี่ๆ น้องๆ เพื่อนๆ ชาวครัวไกลบ้านมีความสุข รวยๆ กันทุกคนนะคะ จบแล้วค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ

โพสต์แล้ว:
ศุกร์ ธ.ค. 26, 2008 10:39 pm
โดย kukik
เข้ามาอ่านจนจบอ้าวอยู่ฝรั่งเศสเหมือนกันด้วยกัญอยู่ทางใต้ค่ะ cannes จ้ะยินดีที่ได้รู้จักและขอบคุณสำหรับเรื่องเล่าค่ะสนุกน่ารักมากกัญก้อเชื่อเรื่องคู่แท้ค่ะ

โพสต์แล้ว:
เสาร์ ธ.ค. 27, 2008 9:43 am
โดย jintana vie
ขอบคุณ คุณกัญนะคะ ที่เข้ามาอ่านจนจบ จินอยู่ทางใต้เหมือนกันค่ะ อยู่มาร์กเซย์ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ

โพสต์แล้ว:
เสาร์ ธ.ค. 27, 2008 12:41 pm
โดย sreda
ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ อยู่ฝรั่งเช่นกันค่ะ อยู่เมือง nice แต่ไม่ได้อยู่ในตัวเมืองนอกเมืองออกมาใกล้ๆ monaco

โพสต์แล้ว:
เสาร์ ธ.ค. 27, 2008 1:24 pm
โดย fon1981
เข้ามา ยก มือ อีกคนว่า อยู่ฝรั่งเศสจ้า
เพิ่งย้ายมาอยู่ นีส ได้ หนึ่งเดือนค่ะ
ก่อนหน้านี้ อยู่มาร์เซย์ เช่นกันจ้า
คุณ sreda อยู่ แถวไหนค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก ค่ะ

โพสต์แล้ว:
เสาร์ ธ.ค. 27, 2008 3:50 pm
โดย sreda
คุณ fon1981ค่ะ
ชื่อเล่นดาค่ะอยู่ beaulieu sur merถ้าอยากเจอกันยังไงหลังไมล์มาได้น่ะค่ะหรืออาจนัดเจอกันที่ในตัวเมือง nice ก็ได้ค่ะ