forward mail จากเพื่อนจินเองค่ะ
ท่านผู้โดยสารค่ะ ขณะนี้เครื่องกำลังจะเทคอ๊อฟ กรุณารัดเข็มขัดจนกว่าสัญญาณจะสิ้นสุดลงนะคะ ขอบคุณค่ะ
นั่นคือเสียงของแอร์โอสเตสสาวของสายการบินเจ้าจำปี เที่ยวบินซึ่งกำลังจะนำผู้โดยสารทุกคน รวมทั้งเรา ไปสู่เกาะฮ่องกงภายในอีกสองชั่วโมงข้างหน้านี้...กำลังเริ่มทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า สังเกตได้ว่าเที่ยวบินนี้มีคนไทยเกือบทั้งลำ
มีชาวต่างชาติอยู่เพียงไม่กี่คน.. หันไปทางแม่ที่นั่งอยู่ข้างๆ ซึ่งกำลังอ่านหนังสือพิมพ์ไทยอย่างใจจดใจจ่อ น้องชายที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกำลังก็ประคองลูกชายที่กำลังหลับสนิท..ตัดสินใจหยิบหมอนแล้วเอนตัวนอน
"มะม่วงล่อแล่ไม้ไม้เมียพระเวสสันดร.. เสียงสจ๊วตหนุ่มร่างแมนแต่เสียงแหลมปรี้ดส์ตะโกนบอกกับสจ๊วตเพื่อนร่วมงานฝั่งตรงข้ามกัน ทั้งคู่ตะโกนใส่กันเหมือนทั้งเครื่องบินไม่มีผู้โดยสาร
" ถุงทอง ถุงทอง... สงสัยจะมีแฟ้มบุคคลแล้ว... สจ๊วตอีกฝั่งทางด้านห้องน้ำตะโกนกลับมา
" เขาพูดถึงอะไรกันว่ะป๊อบ เมียเอ็งเป็นแอร์ ลองถามดูซิ ภาษาอะไรว่ะฟังไม่รู้เรื่อง..."
เรากระซิบถามน้องชายให้เขาแอบถามภรรยาของเขา เห็นเขาสองคนมีสีหน้าอมยิ้มเงียบแล้วไม่พูดอะไรปล่อยให้เราฟัง
สจ๊วตหนุ่ม (หรือว่าสาว) สองคนคุยกันต่อ
"หล่อนเห็นแคร๊กเกอร์หน้าส้วมมั้ย เฮมม่ามาลิณี " เอ๊ะ! แคร๊กเกอร์อะไรที่หน้าห้องน้ำ
และอะไรคือเฮมม่ามาลิณี ? เราคิด
คุณสจ๊วตยังคุยกันข้ามไปข้ามมา นึกในใจว่าฉันหลับไม่ได้แล้ว จะต้องรู้ให้ได้ว่าเขาพูดอะไรกัน
จนถึงเวลาเสริฟอาหาร คุณสจ๊วตยังคงเดินกันคล่องแคล่ว คนแรกเข็นรถอยู่ฝั่งหนึ่ง คนที่สองอยู่อีกฝั่งหนึ่ง
ซึ่งถึงแม้ที่นั่งของพวกเราจะเป็น economy class แต่ก็เห็นผู้หญิงคนไทยท่านหนึ่ง ลักษณะการแต่งตัวดูเป็นคุณหญิงคุณนาย.... นั่งอยู่กับลูกสาวซึ่งแต่งตัวถอดแม่ของเธอมา เพียงแต่คนละวัยกันเท่านั้น " เธอ เธอ" เสียงคุณนายกรีดนิ้วเรียกสจ๊วตหนุ่มคนแรก พร้อมกับขอเปลี่ยนช้อนส้อมและภาชนะที่ใส่ เราแอบเห็นหน้าสจ๊วตหนุ่มคนนั้นแล้วก็นึกขำ
เพราะหน้าเขาบอกบุญไม่รับ แต่ก็.. ต้องฝืนยิ้มกับคุณนายคนนั้น "ขอไวน์ขาวหน่อยซิน้อง..
เอาแบบไม่ดรายมากขนาดนี้" คุณนายยกแก้วไวน์พลอยกระดกนิ้วก้อยสูงเกือบทิ่มหน้าตัวเอง พร้อมขอให้สจ๊วตเปลี่ยนไวน์ที่เพิ่งเสริฟไป ... เอาแล้ว เอาแล้ว..เห็นคุณสองสจ๊วจสาวเอ๊ย หนุ่มพยักหน้าใส่กัน เดี๊ยวตูได้ฟังศัพท์อะไรอีกแน่ เรานึกในใจ โชคดี สองคนนั้นเดินมาตรงที่เรานั่ง
" ดัดขนหยิกทั้งตัว ... ดัดขนหยิกทั้งตัว " คุณสจ๊วตคนแรกที่เสริฟคุณนานนั้นคำรามออกมา อีกฝ่ายก็ขำแหะๆ
ทำหน้าเหมือนเข้าใจและสะใจในเวลาเดียวกัน สักพักเราก็เห็นคุณนายคนนั้นเดินเข้าห้องน้ำ
พร้อมถือกระเป๋าหลุยส์วิกตองรุ่นผ้าร่มสีฟ้าใบใหญ่ยักษ์ เราเหลือบไปดูหน้า คุณสจ๊วตหนุ่มน้อย (แต่สาวมาก) คนนั้น
เดี๋ยวต้องมีศัพท์แปลกๆมาอีก
"ไม่ต้องจ้องนะ ไม่ต้องจ้อง รุ่นป้อแป้ รุ่นป้อแป้..รุ่นคุณแม่ขอร้อง..น้องสจ๊วตพูดไปหยิบอาหารไป ดูชำนาญมากๆ โดยที่ผู้โดยสารไม่สามารถทราบได้ว่าเขากำลังคุยอะไรกันอยู่ คงนึกว่าคุยกันเรื่องอาหาร
แต่เรา.. อาจเป็นเพราะว่าสนใจฟังตั้งแต่ต้น จึงตั้งใจเงี่ยหูฟัง เหล่าศัพท์แปลกๆ... คิดว่ามันต้องมีความหมายแน่ๆ
ก็เผอิญมีผู้โดยสารชายฝรั่งผมทองรูปหล่อคนหนึ่ง นั่งอยู่ข้างหน้าเราประมาณสามแถว และถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่า
นายคนนี้ได้รับการบริการมากกว่าผู้โดยสารคนอื่นๆ มิหนำว้ำอาณิสงฆ์ผลบุญตกไปถึงฝรั่งสาวที่นั่งติดกันไปด้วย