ครัวไกลบ้านได้ทำการปรังปรุงเวบไซต์ให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นในระบบสมาร์ทโฟน และได้รวมข้อมูลเมนูอาหารและ สมาชิกจากทั้งเวบไซต์เก่าและใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว

สมาชิกท่านไหนมีปัญหาไม่สามารถล็อกอินได้ ให้ทำการเปลี่ยนพาสเวิร์ดโดยคลิ๊กลิ้งค์นี้ ลืมรหัสผ่าน
ถ้าท่านใดมีชื่อสมาชิกมากกว่าหนึ่งชื่อแล้วต้องการรวมโพสทั้งหมดให้อยู่ในชื่อสมาชิกเดียว หรือมีปัญหาในการใช้เวบไซต์
สามารถส่งอีเมล์แจ้งรายละเอียดมาได้ที่ admin@kruaklaibaan.com หรือส่งข้อความได้ที่ user: sillyfooks

ถ้าชอบครัวไกลบ้าน อย่าลืมคลิ๊กไลค์เฟสบุ๊คให้ครัวไกลบ้านด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

เรื่องของโดม... ผู้ไม่เคยยอมแพ้

อยากคุย อยากเล่า อยากบ่น เรื่องสุข เรื่องทุกข์ เรื่องสารพันปัญหา เชิญคุยกันได้ตามสบายที่ห้องนี้ค่ะ

โพสต์โดย noutheblueocean » เสาร์ พ.ค. 16, 2009 2:43 am

ก๊อปมาอีกล่ะคะ แต่ถ้ามีเวลาพี่แกมี เวปไซท์ ค่ะ เดี๋ยวหนูลงไว้ค่ะ

มีน้องคนหนึ่งซึ่งผมเคยรู้จัก สนิทสนมกันตามสมควร
เป็นคนที่เราเรียกว่าทุพพลภาพ ใจกลับแกร่งเกินคนปกติ
อยากเล่าเรื่องของเขาให้ฟังครับ เป็นเรื่องสั้นๆ เขียนไว้หลายเดือนแล้ว
ลองอ่านเล่นดูนะครับ
เสาร์ที่ 4 ตุลาคม 51..

จากถนนสายปทุมธานี – บางเลน ผมแยกเข้าถนนสายรอง มองไปบนหน้าปัดรถที่ตั้งระยะทางไว้ ราวๆสี่สิบกิโลเมตรเศษๆแล้วจากบ้านผมที่ อ.สามโคก มาถึงตรงนี้.. ผมเคยมาที่นี่เมื่อสามปีก่อนครับแต่มารถที่คนอื่นขับ มันเป็นความจำที่ค่อนข้างรางเลือนพอสมควร เป็นอย่างนี้ประจำครับ ไม่ว่าจะเดินทางไปไหนก็ตามหากผมไม่ได้ขับรถเอง ก็มักจะจำเส้นทางไม่ค่อยได้
“ จากปากทางวัดเว .. เลี้ยวมาเลยครับพี่ เลี้ยวมาแล้ว ก็เจอคันนา แล้วก็เลี้ยว มาเจอบ้านผม ”

โอเคน้อง... ผมวางสายโดมไปแบบนั้นเมื่อสักสองนาทีก่อน เขาพยายามอธิบายเส้นทางอย่างละเอียดที่สุดแล้ว แต่พอขับมาได้สักพักก็เริ่มมึนหัวตึ๊บๆขึ้นมาอีก มองไปซ้ายขวาก็เหมือนกันหมด ท้องนาข้าวเก็บเกี่ยวไปแล้วเป็นส่วนมาก สลับฉากก็เป็นโรงเรือนฟาร์มกล้วยไม้ของชาวบ้านผู้พอมีอันจะกินแถบนิ้ไปตลอดทาง

ไม่เห็นอะไรที่จะทำให้ผมคุ้นหูคุ้นตาขึ้นบ้างเลย มันไม่ใช่แล้วละมั้ง อีกทั้งขับไปได้สักพัก ทางลาดยางเล็กๆที่เต็มไปด้วยหลุม จากรอยน้ำท่วมเมื่อ ปี 2549 ก็เริ่ม แปลงสภาพเป็นทางลูกรังไปเสียเฉยๆ ผมเพ่งมองตรงไป เห็นแนวต้นมะม่วงขวางหน้าอยู่ และเหมือนว่าถนนที่ผมขับมามันก็จะมุดหายเข้าไประหว่างต้นมะม่วงแคบๆนั้นเสียอีกด้วย

และก่อนที่จะต้องยกหูโทรถามโดมอีกครั้ง ผมเหลือบมองไปทางขวา ฝ่าเปลวแดดตอนบ่ายไปไกลพอสมควร ก็เห็น****หนุ่มบนรถเข็นคันหนึ่งโบกมือหยอยๆให้ผม ยิ้มกว้างฟันขาวเห็นแต่ไกล แน่แล้วเป็นอื่นไม่ได้แล้ว ผมยิ้มออกมาได้ หักรถแยกไปทางขวาทันท่วงทีก่อนจะพุ่งเข้าดงมะม่วงที่ว่าไป

ขับรถไปเทียบข้างรถเขา ลดหน้าต่างลง แขนเล็กๆบางๆก็กระพุ่มไหว้ผม

“ สวัสดีครับ พี่พนธ์ ”
เสียงเขายังใสเหมือนเดิม หน้าตาก็ดูเป็นหนุ่มขี้น รถเข็นยังคันเดิม แต่เนื้อตัวดูผอมลงไปบ้างสักหน่อย พอจอดรถเข้าที่เข้าทางแล้วก็ได้ลงมาตบหลังตบไหล่กันอย่างเคย เขาทักว่าผมสมบูรณ์ขึ้นเล็กน้อย ไม่ถึงอ้วน แต่ประมาณว่าท้วมขึ้นบ้าง

ก็เห็นจะจริงดังคำเขา สามปีที่ไม่ได้พบกันอัตราส่วนน้ำหนักระหว่างเขากับผมค่อนข้างจะสวนทางกัน โดม ผอมลงกว่าที่เคยเห็น เพราะไม่ค่อยสบาย ส่วนผมอ้วนขึ้นเล็กน้อยเพราะสบาย สบายดี กินได้ นอนหลับ

ย้อนความให้ฟังกันบ้างว่าใครเป็นใคร ก็จะได้ความว่า ในตอนนั้น รายการโทรทัศน์รายการหนึ่ง ซึ่งนำเสนอเรื่องราวสารคดีจากชิวิตจริงของผู้คนอันหลากหลายในสังคม ต้องการถ่ายทำเรื่องราวเกี่ยวกับ คนพิการซึ่งด้อยโอกาสในสังคม โดมเป็นหนึ่งในเจ็ดคน ของผู้พิการที่ทางรายการเลือกให้ได้รับโอกาสนั้น



โดย คนพิการทางร่างกายทั้งเจ็ดคนจะได้ไปเที่ยวป่า ไปดูผีเสื้อ ไปน้ำตก นั่งรถไฟไปเชียงใหม่ จะได้ทำอะไรอีกมากมาย ที่ปกติเป็นสิ่งซึ่งคนพิการแทบไม่มีอากาสได้ทำ ส่วนผม ก็ได้สิทธิพิเศษบางประการในฐานะที่เป็นคนเคยทำกิจกรรมกับคนพิการมาบ้างผ่าน การเป็นอาสาสมัครในค่ายเยาวชนผู้ด้อยโอกาส ความจริงแล้วพิการกับด้อยโอกาสก็คือคำเดียวกันละครับ เพียงแต่มันฟังดูรื่นหูขึ้นเล็กน้อย


ผมจะต้องเดินทางไปกับเด็กทั้งเจ็ดคน โดยมีหน้าที่ดูแลพวกเขาตามปกติ และ ใช้ประสบการณ์ที่เคยมีช่วยชี้ชวนให้พวกเขาได้สนุกและได้ประสบการณ์ความรู้ที่ดีเกี่ยวกับธรรมชาติต่างๆ

เป็นปาฏิหาริย์ชนิดหนึ่งทีเดียวสำหรับคนพิการครับ หากบอกว่า จะได้เดินป่า จะได้นอนเต็นท์ จะได้ก่อกองไฟ..
<br><a href="http://lilypie.com/"><img src="http://lb2m.lilypie.com/TKUQm5.png" width="200" height="80" border="0" alt="Lilypie Second Birthday tickers" /></a><br><br><a href="http://lilypie.com/"><img src="http://lb1m.lilypie.com/cN1Tm4.png" width="200" height="80" border="0" alt="Lilypie First Birthday tickers" /></a>
ภาพประจำตัวสมาชิก
noutheblueocean
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 249
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มิ.ย. 16, 2008 3:46 pm

โพสต์โดย noutheblueocean » เสาร์ พ.ค. 16, 2009 2:46 am

ในเช้าวันสำคัญที่สุดของทริปสุดท้ายที่ดอยอินทนนท์สามปีก่อน
ผมยังจำได้ดีจนทุกวันนี้ แค้มป์ของเราอยู่ริมลำห้วยน้ำใสเย็นติดกับท้องนาขั้นบันได เวลาเช้าตรู่ฟ้าเริ่มสาง ทุกคนในคณะเราตื่นขึ้น
ทั้งเจ็ดคนตื่นเต้นกับการพิชิตยอดดอยอินทนนท์ในเช้าวันนั้น
กระเป๋าใบเล็กๆของทุกคนจะต้องมีข้าวห่อ มีน้ำขวดเล็กๆ มีเสื้อหนาว
มีเสื้อกันฝน ฯ อย่างน้อยต้องมีสิ่งเหล่านี้ ส่วนของกระจุกกระจิกส่วนตัวก็แล้วแต่ว่าใครจะเอาอะไรไปเป็นพิเศษ ทุกคนวุ่น แต่โดมกลับนั่งนิ่งอยู่บนรถเข็น
สีหน้าเขาดูหงอย ความจริงผมไม่ได้ดูแลเขาโดยตรงครับ ผมดูแลน้องอีกคนหนึ่ง
ก๊อต คือเด็กชายวัย 14 ปี มีปัญหาในการทรงตัว เดินได้แต่ไม่แข็งแรง
คอยจะออกไปนอกทางที่ต้องการเสมอ ขี่จักรยานได้
วิ่งก็ได้แต่ก็คอยแต่จะล้มเสมอเช่นกัน การดูแลก๊อตไม่ต้องช่วยเหลือเขาตลอด
แต่ต้องอยู่ในสายตาตลอด หากเทียบกับโดมแล้วก๊อตก็แข็งแรงกว่าโดมมาก
โดมน่าเป็นห่วงกว่า เวลานั้นเขามองไปรอบๆ และคอยแต่จะถามหา พี่วัฒน์
เจ้าหน้าที่จากศูนย์สงเคราะห์คนพิการบางเลน คู่ซี้ที่ดูแลหอบหิ้วเขามาหลายปีตั้งแต่เริ่มพิการ พวกเราพยายามช่วยกันหาพี่วัฒน์ให้เขาแต่ก็ไม่เห็น ในที่สุดเสียงหนึ่งก็ตะโกนมาว่า พี่วัฒน์ไม่อยู่ เขาขึ้นเขาไปก่อนแล้วเพื่อไปจัดเตรียมอะไรบางอย่าง
สุดท้าย โดมมองมาทางผม..
“ พี่พนธ์ ครับ เอ่อ ...”.. ผมรู้ว่าโดมต้องการให้ผมช่วยเหลือ
“ได้เลยน้อง.”

สภาพร่างกายของโดมมีอาการกล้ามเนื้อลีบเล็กอ่อนแรง ของคู่กายของเขานอกจากรถเข็นคันนี้แล้ว ก็คงมีสายยางและถุงฉี่กระเตงไปมาตลอด พวกเราเรียกมันว่า น้ำตาลสด.. พอสนิทกันแล้วพวกเราหลายคนก็เคยยกถุงนั้นชวนกันดื่มแก้กระหายตลอด โดมชอบ เขาขำ แต่ก็คงไม่ได้หวังว่าจะให้ใครดื่มมันจริงๆหรอกนะครับ


ไตที่ผิดปกติของเขาต้องต่อสายเพื่อขับฉี่ออกมาตลอดเวลา หากเป็นทุกข์ที่หนักกว่านั้น เขาก็จำต้องถ่ายตามปกติเหมือนคนทั่วไป แต่ ต้องการผู้ช่วยเหลือที่ค่อนข้างคุ้นเคยและสนิทใจมากๆ เช่นพี่วัฒน์ เพราะเขาจะไม่สามารถช่วยตัวเองอย่างใดได้เลย นอกจากช่วยผลักดันสิ่งเหล่านั้นออกมาเฉยๆ


ผมอุ้มเขาลงจากรถเข็น เข้าไปในห้องน้ำและก็เป็นหน้าที่ของเขาในระหว่างกลาง สุดท้ายผมก็จัดการจบกิจกรรมนั้นให้อย่างสะอาดเอี่ยม เขาเกรงใจผมแต่ผมก็เต็มใจช่วยเหลือเขาเช่นกัน จากเหตุการณ์นี้ทำให้ผมและโดมเริ่มคุ้นเคยกันสนิทสนมมากขึ้นอีกมาก


เมื่อโดมเสร็จภารกิจแล้วทุกคนก็พร้อมเพรียงกันบนรถสองแถวสีเหลืองที่ไปเช่าเหมามาจากจอมทอง แววตาของทั้งเจ็ดคนเป็นแววตาที่ผมยังประทับในใจเสมอมาจนวันนี้ เป็นแววตาที่มีความสุขเต็มเปี่ยม เขายิ้มเขาหัวเราะเบิกบานที่สุด แบบที่ตลอดเวลานับเดือนที่รู้จักกัน พวกเราไม่เคยได้เห็นและได้ยินมาก่อน
กว่าจะถึงยอดดอย พวกเราก็เปียกชื้นไปทั้งตัวด้วยหมอกฝน ไม่ใช่หมอกหน้าหนาวอย่างที่คุ้นเคย ระยะไม่กี่สิบเมตรสุดท้ายเป็นความยากลำบากอีกเล็กน้อยในการพาโดมกับรถเข็นไปให้ถึง แต่เมื่อถึงตรงนั้นแล้วก็ไม่มีสิ่งใดยากเกินไปอีกแล้ว


ลมยิ่งกระโชกแรงเหมือนแกล้ง ทุกคนกางเสื้อกันฝนออกคลุมมิดชิด เรานั่งกันตรงนั้นพักใหญ่ รอบๆหมุดของทหารที่บอกตำแหน่งจุดที่สูงที่สุดในประเทศไทย พูดคุยกันถึงความรู้สึกที่แสนประทับใจของทุกคน วันนั้นเป็นวันแรกที่ผมรู้ว่า โดม อยากเป็นตำรวจ...
<br><a href="http://lilypie.com/"><img src="http://lb2m.lilypie.com/TKUQm5.png" width="200" height="80" border="0" alt="Lilypie Second Birthday tickers" /></a><br><br><a href="http://lilypie.com/"><img src="http://lb1m.lilypie.com/cN1Tm4.png" width="200" height="80" border="0" alt="Lilypie First Birthday tickers" /></a>
ภาพประจำตัวสมาชิก
noutheblueocean
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 249
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มิ.ย. 16, 2008 3:46 pm

โพสต์โดย noutheblueocean » เสาร์ พ.ค. 16, 2009 2:48 am

(ต่อจากตอนก่อน)

สามปีหลังจากนั้น โดมในวันนี้อายุยี่สิบปีแล้ว เขายังไม่เคยลืมสัญญลักษณ์สำคัญที่สุดของการได้ไปอยู่บนจุดที่สูงที่สุดในวันนั้น หลังจากกลับมาเขาได้ติดต่อกับพี่เลี้ยงหลายๆคน ที่ร่วมในประสบการณ์สำคัญครั้งนั้นกับเขา หลายคนก็วุ่นกับงาน หลายคนก็ไม่มีเวลา ก็คงได้แต่ผมนี่แหละที่เขาได้โทรคุยด้วยบ่อยหน่อย
สามปีมาแล้ว ผมรับปากเขามาตลอดว่าจะหาเวลามาเยี่ยม จนแล้วจนรอดก็เพิ่งได้มาเอาครั้งนี้
ผมจอดรถเรียบร้อยแล้วก็ตามเขาเข้าไปในบ้าน หลังเดิมที่เคยมาเมื่อคราวกลับลงมาจากเชียงใหม่ด้วยกันแล้วแวะมาส่งเขา โดมเรียกน้ำ น้องสาวของเขาออกมาทักทายพี่ๆ ผมส่งไก่ย่างวิเชียรบุรี แต่ขายที่ปทุมธานีให้พร้อม ขนมตาลอีกห่อย่อมๆให้เป็นของฝาก
น้ำและโดมมีอาการทางร่างกายเหมือนกันทุกประการ จริงๆแล้วเขามีพี่น้องสามคน แต่ พี่สาวคนโตก็จากไปก่อนหน้านี้แล้วที่บ่อน้ำหน้าบ้านนั่นเอง เพราะอาการแบบเดียวกับพวกเขา.. เขาจึงต้องระมัดระวังเสมอรวมทั้งคอยดูแลน้องไปด้วยตลอดเวลากลางวันที่พ่อและแม่ไม่อยู่
นั่งคุยกับโดมและน้ำได้สักพัก แม่โดมก็กลับมาที่บ้านเพราะโดมโทรไปตามมา บอกว่ามีพี่ๆมาเยี่ยมที่บ้าน เธอไปรับจ้างเลี้ยงเด็กอ่อนให้คนแถวๆบ้าน ที่เป็นพ่อค้าปลาแห้งเร่ขายตามตลาดนัด ค่าแรงรับเลี้ยงเด็กก็ไม่ได้มากมายนัก พอเพียงได้ซื้อข้าวปลากินกันไปวันๆเท่านั้น ส่วนพ่อของโดม ก็ออกไปเป็นแรงงานก่อสร้างบ้านหลังหนึ่งไม่ไกลกันนัก
โดมกับน้ำ เรียกตัวเองว่าหนูทุกคำเมื่อพูดกับแม่ ครอบครัวเล็กๆที่มีความยากจนและด้อยโอกาสเป็นเพื่อนแท้อบอุ่นกว่าหลายครอบครัวที่ผมเคยเห็นมา บ้านหลังเล็กฝาบ้านมุงใบไม้หลังนี้อบอวลไปด้วยความรักและห่วงใยกันอย่างน่าอิจฉา
ไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุุอันใดที่ทำให้ทั้งสามพี่น้องต้องเป็นเช่นนี้ ทั้งที่พ่อและแม่ของเขาก็สมบูรณ์ทุกประการไม่ได้มีอาการพิการแต่อย่างใด แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ต้องดูแลตัวเองไปให้ได้
อาการของโดมไม่ได้เป็นมาแต่กำเนิดครับ มันมาแสดงผลเอาก็ตอนที่โดมใกล้จะจบ ป.6 กล้ามเนื้อที่แข็งแรงดี จู่ๆก็ลีบเล็กและอ่อนแรงลงไป จนในที่สุดก็แทบจะเคลื่อนไหวใดๆมิได้ เขาพยายามจะไปโรงเรียนในระยะแรกๆ แต่ด้วยความยากลำบากที่จะต้องมีคนดูแลตลอดเวลา และ ฐานะทางบ้านที่นับว่ายากจน รวมๆกันเข้าแล้ว การไปโรงเรียนซึ่งโดมรักรักมาก กลับยากเกินไปเสียแล้วสำหรับเขาและครอครัว

สุดท้าย ความฝันที่จะได้เรียนหนังสือเพื่อเป็นตำรวจให้ได้ ก็เป็นอันต้องยุติลงตรงนั้น
โดมไม่ได้ยอมแพ้กับความพิการที่เห็นเลยแม้แต่น้อยครับ เขาใช้ความสามารถเต็มที่เท่าที่มีในการทำมาหากินเพื่อแบ่งเบาภาระของพ่อและแม่ ด้วยการออกไปรับซื้อเศษขยะ เศษของเหลือใช้ตามบ้านในละแวกนั้นเพื่อเอาไปขายต่อให้พ่อค้าที่รับซื้อต่อไปอีกที
ทุกวันเขาจะเดินทางไปด้วยรถเข็นคันเดิมคันนี้ ตระเวณไปตามบ้านใกล้เรือนเคียงเพื่อไปสอบถามหาซื้อขวด ซื้อของเก่าที่มีคนอยากขาย ด้วยรถเข็นคันเล็กๆ เขาผูกเขากระเตงเอามาของเขาได้ ลำบากนักก็ให้ลูกค้ามาส่งให้ที่บ้าน
จากรายการที่ได้ถ่ายทำไปคราวนั้น โดมได้รางวัลเป็นของชิ้นหนึ่ง ที่เขาต้องการมาก เรียกว่า สาลี่ จะว่าไปแล้วมันก็เป็นรถสามล้อคันหนึ่งนั่นเอง ที่จะสามารถเข็นของที่รับซื้อมาในปริมาณที่มากขึ้น หรือไม่ก็เอาสาลี่ผูกเข้ากับรถมอร์เตอร์ไซค์แล้วให้แม่บิดพาไปรับของนั้นกลับมาที่บ้าน
เวลานั้นหลายคนที่ได้พบโดม อยากช่วยเหลือเขาเพียงให้เขาบอกออกมาว่าต้องการสิ่งใด สุดท้ายโดมไม่ได้เรียกร้องอะไรที่แสดงว่าเขาสิ้นไร้ไม้ตอกเลยครับ เขาขอเพียงรถเข็นสามล้อคันนี้มา เพียงเพื่อเขาจะได้ทำงานซื้อของเก่าได้มากขึ้น เท่านั้นเอง
<br><a href="http://lilypie.com/"><img src="http://lb2m.lilypie.com/TKUQm5.png" width="200" height="80" border="0" alt="Lilypie Second Birthday tickers" /></a><br><br><a href="http://lilypie.com/"><img src="http://lb1m.lilypie.com/cN1Tm4.png" width="200" height="80" border="0" alt="Lilypie First Birthday tickers" /></a>
ภาพประจำตัวสมาชิก
noutheblueocean
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 249
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มิ.ย. 16, 2008 3:46 pm

โพสต์โดย noutheblueocean » เสาร์ พ.ค. 16, 2009 2:49 am

ปัจจุบันโดมขยับขยายกิจการขึ้นบ้างเล็กน้อย โดยไม่ต้องออกไปหาของมาขายด้วยตัวเองบ่อยนัก ก็จะมีคนเอาของมาส่งขายให้ที่บ้าน วันๆหนึ่งเขาก็จึงไม่ต้องเหนื่อยตรากตรำมากนักเหมือนแต่ก่อน พอมีเวลาได้หย่อนใจกับเพื่อนฝูงอยู่บ้าง
เพื่อนของโดมอาศัยในละแวกบ้านนั่นเอง วันนั้นเขาพาผมไปรู้จักทุกคน เป็นเด็กๆอายุไม่กี่ขวบทั้งสิ้นครับ พ่อแม่ของไอ้หนูอีหนูเหล่านี้เป็นพม่าที่เข้ามาเป็นลูกจ้างในฟาร์มกล้วยไม้ หรือ โรงงานแถวบ้านโดมนั่นเอง
เพื่อนเยาวชนของโดม เล่นที่โคนต้นมะม่วงนี้ทุกวัน และ โดมก็มานั่งเล่นลมโชยที่นี่ทุกวันเช่นกัน หลังจากทำงานแยกของที่รับซื้อมาเสร็จประมาณบ่ายโมง ก็จะมานั่งที่นี่ เด็กๆก็เหมือนจะรู้กันพากันมาพร้อมที่ร่มมะม่วงทุกวันโดยไม่ต้องนัดหมาย พ่อแม่เด็กเหล่านี้ ฝากโดมดูแลลูกเขาให้ด้วยในตอนกลางวันที่เขาต้องไปทำงาน โดมก็จะคอยดูเพื่อนเด็กๆไม่ให้เล่นไกลไปถึงถนน หรือ ไม่ลงไปใกล้บ่อน้ำ
แม่ของโดมเล่าให้ฟังว่า เด็กๆพวกนี้จะมีรายได้พิเศษ หากวันใดโดมได้ของมามาก ก็จะจ้างไอ้หนูพวกนี้เป็นแรงงานคอยไปเข็นรถของมาให้ บางที รวมค่าขนม ค่าโอที บวกสวัสดิการต่างๆแล้วแทบไม่เหลือกำไรก็มี
รถขายลูกชิ้นวิ่งผ่านมา ผมถามเขาว่าจะกินไหม ผมจะซื้อเลี้ยง โดมส่ายหน้า บอกว่า กินมาบ่อยแล้ว กินติดไว้ก็มี ฟังแรกๆผมก็หัวเราะนึกไปว่า เขากินเชื่อกินติดไว้กับพ่อค้าลูกชิ้น แต่ฟังเขาอธิบายแล้วมันกลับไปทางตรงกันข้าม

“ ผมกิน แล้วให้เงินเขาเผื่อไว้เลยไม่ต้องทอน กินวันหลังจะได้ไม่ต้องจ่ายเงิน”

อย่างนี้ก็มีด้วย ผมคุ้นเคยแต่เห็นคนที่เอาของกินของใช้ของคนอื่นไปก่อน ไม่มีเงินก็เลยเชื่อเขาไปก่อน แต่นี่กลับมาแปลก กลับให้เงินเขาไปก่อนทั้งที่ยังไม่ได้กินไม่ได้ใช้ของเขาเสียด้วยซ้ำ ใจใหญ่ไม่เบาเลยโดม
<br><a href="http://lilypie.com/"><img src="http://lb2m.lilypie.com/TKUQm5.png" width="200" height="80" border="0" alt="Lilypie Second Birthday tickers" /></a><br><br><a href="http://lilypie.com/"><img src="http://lb1m.lilypie.com/cN1Tm4.png" width="200" height="80" border="0" alt="Lilypie First Birthday tickers" /></a>
ภาพประจำตัวสมาชิก
noutheblueocean
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 249
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มิ.ย. 16, 2008 3:46 pm

โพสต์โดย noutheblueocean » เสาร์ พ.ค. 16, 2009 3:02 am

(ต่อจากตอนก่อน)

บ่ายนั้น เราคุยกันอีกสักพักใหญ่ ผมเอาของฝากที่เหลืออยู่ท้ายรถลงไว้ให้เขา เป็นแผ่นเหล็กชั้นหนังสือเก่าๆกองหนึ่ง
อะไหล่รถที่ถอดเอาไว้คราวที่รถเสียอีกกองย่อม ๆ กล่องอุปกรณ์เหล็กสนิมเขรอะอีกกล่อง.. ให้เขาไว้ขาย สัญญาสำทับไปว่า
คราวหน้าจะหามาให้มากกว่านี้ คราวนี้ พ่อผมชิงตัดหน้าขายพ่อค้าแถวบ้านไปก่อนแล้ว โดยที่ผมไม่ทราบ
อุปกรณ์พังๆ ที่ไม่มีคุณค่าแล้วสำหรับผม
คงจะช่วยต่อเติมชีวิตของเขาได้บ้าง เราร่ำลากันโดยไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่
ได้แต่บอกให้เขารักษาดูแลตัวเอง บอกเพื่อนเด็ก ๆของโดม
ให้ดูแลพี่โดมบ้างน่ะ
หัวใจของโดมแข็งแรงมากหากเทียบกับร่างกาย
ผมเคยได้รู้อาการของโรคนี้จากเพื่อนบางคนที่ฟังคำอธิบายมาจากคุณหมอ
เขาบอกว่า อาการของโรคนี้มันจะดำเนินไปเรื่อยๆมีแต่แย่ลง
ไม่มีดีขึ้นได้ อย่างเก่งก็ได้แต่ทรงไว้ เรื่องนี้โดมก็ทราบดี
ผมขับรถเคลื่อนผ่านท้องนาข้าวนั้นช้าๆ โบกมือให้กันไปจนลับตา
มุ่งหน้ากลับบ้านที่ปทุมธานี

รู้สึกอิ่มใจ และ เห็นในคุณค่าของชีวิตมากขึ้น
สิ่งที่โดมแสดงให้ผมเห็นมันตรงข้ามกับร่างกายของเขาอย่างสิ้นเชิง
สิ่งที่คนร่างกายพิการคนหนึ่งสอนแก่ผมมีคุณค่าเหลือเกิน
การยืนขึ้นท้าทายโชคชะตาของเขาสอนผมอย่างตรงไปตรงมาว่า มนุษย์ไม่ควรยอมแพ้โชคชะตา ขนาดคนแบบโดมยังไม่เคยถอย แล้วคนปกติอย่างเราจะต้องท้อหรือยอมแพ้ต่อสิ่งใดง่ายๆได้อย่างไรกัน. โดมยืนไม่ได้ด้วยขา แต่ เขายืนขึ้นด้วยหัวใจอันเข้มแข็งของเขาเอง ร่างกายที่สมบูรณ์หรือความใฝ่ฝันอยากเป็นตำรวจของโดมมันไม่จำเป็นแล้วล่ะมันเป็นแค่เรื่องหยาบภายนอก เพราะจุดสูงสุดของคุณค่าที่มนุษย์ควรมี มันอยู่ในใจโดมแล้ว.


(ตอน จบ / 6 ตุลาคม 51)


.................................................................................................
เกือบเดือนหลังจากวันที่ได้พบกันผมวุ่นวายหลายเรื่อง ได้โทรคุยกับโดมสองสามครั้ง ซึ่งโดยมากเขาจะโทรมาหาผม
รูปก็คากล้องอยู่หลายวัน กว่าจะได้เอาไปอัด ได้มาสักสิบกว่ารูป
บอกเขาไปตามสายว่า
ภาพไหนมีสองภาพ ก็หมายความว่า ให้เพื่อน(เด็กๆ) ของโดมด้วยนะ
เขาย้ำว่าผมส่งถูกนะ ที่อยู่มีหรือเปล่า ผมก็ยืนยันว่ามี
ก็ที่ให้กันไว้เมื่อสามปีก่อนนั่นแหละ ไม่เห็นย้ายไปไหน
มันก็น่าจะถึงอยู่หรอก...
เขียนคิวไว้บนกระดานในห้องคอมพ์เลย
ว่างานด่วนที่ต้องทำในวันสองวันนี้ให้ได้ คือ ส่งภาพให้โดม
วุ่นโน่นวุ่นนี่ ได้แต่ผลัดวันเรื่อยมา จนเช้าวันนี้ 5 พย.นี่แหละ
จะได้ไปส่งให้ที่ไปรษณีย์เสียที ยังคิดอยู่ตอนเช้านี้เลย
แล้วพี่คนหนึ่งก็โทรมาเสียก่อน ตอนแปดโมงเช้า
โดม ไปเสียแล้ว..
เมื่อวาน 4 พย. เป็นเวลาหนึ่งเดือนพอดี หลังจากที่ผมได้พบกับเขา..
โดมและรถเข็นคู่ชีพ พลาดตกลงในท้องร่อง เพื่อนเด็กๆของโดมยังเล็กเกินไปที่จะช่วยอะไรได้
พวกเขาวิ่งไปตามผู้ใหญ่มาช่วย แต่เมื่อมาถึงมันก็สายไปเสียแล้ว
ผมจะไปบางเลนบ่ายนี้ ถือรูปที่ล้างเรียบร้อยแล้วไปให้ ให้ทั้งโดม
และ เพื่อนของโดมด้วย ขอให้โดมไปดี พ้นทุกข์เสียที
ผมเขียนเรื่องของโดมนี้ไว้เมื่อต้นเดือนตุลาคม ตั้งใจว่าจะเอาไปเผยแพร่ในกลุ่มคนที่ทำค่ายเยาวชนผู้ด้อยโอกาส ไม่ได้เคยคิดมาก่อนเลยว่า
จะต้องเอามาเขียน เขียนให้ในวาระแบบนี้...
แต่ก็ช่างเถอะ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ผมก็ขอขอบคุณโดม ที่ได้สอนผมอีกครั้ง
เป็นครั้งสุดท้ายของเขา ว่าชีวิตนี้สั้นนัก

อยากทำอะไรก็จงรีบทำเถิด

โชคดีตลอดไปนะโดม..


..................................................................................................

เรื่องนี้ผมเขียนเอาไว้ก่อนแล้วตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน 2551

เอามาไว้ที่นี่ เพื่อเก็บเป็นบันทึก และ อาจได้เผยแพร่ จิตใจชนิดที่คนอย่างเราควรเอาเป็นแบบอย่าง

หวังว่าคงไม่ทำให้เศร้านะครับ

................................................................................................



ตาลายนิดนะคะ ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

นี่คือลิงค์ที่พี่เค้าเขียน ไว้ค่ะ มีเรื่องอื่นๆอีกมากมาย ถ้าพี่ๆท่านใดว่าง
ก็ลองเค้าไปอ่านดูค่ะ
<a href='http://www.oknation.net/blog/Hoopoeman' target='_blank'>คลิ๊กเข้าเวปไซท์ ค่ะ </a>
<br><a href="http://lilypie.com/"><img src="http://lb2m.lilypie.com/TKUQm5.png" width="200" height="80" border="0" alt="Lilypie Second Birthday tickers" /></a><br><br><a href="http://lilypie.com/"><img src="http://lb1m.lilypie.com/cN1Tm4.png" width="200" height="80" border="0" alt="Lilypie First Birthday tickers" /></a>
ภาพประจำตัวสมาชิก
noutheblueocean
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 249
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มิ.ย. 16, 2008 3:46 pm


ย้อนกลับไปยัง คุยกันเจ๊าะแจ๊ะ

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน