<span style='font-size:14pt;line-height:100%'><span style='color:red'>เครดิตเรื่องจาก <a href='http://thai-swiss.com/' target='_blank'>http://thai-swiss.com/</a>
อ่านแล้วดูมีอุทาหรณ์ดีค่ะเลยเอามาฝากเพื่อนๆกัน บวกเศร้าอีกต่างหาก การพนันไม่ได้ช่วยอะไรให้ชีวิตใครดีขึ้นค่ะ</span></span>
โลกใบนี้ที่เราอาศัยอยู่ ดู ๆ แล้วมันใหญ่นัก เพราะพื้นที่ของมันใหญ่เกินกว่าที่จะบอกให้ทราบได้อย่างละเอียดมีทั้งพื้นที่ ที่เป็นน้ำนั่นหมายถึงทะเล มหาสมุทร ตลอดจนพื้นที่ ที่เป็นแผ่นดิน หรือดินแดนอาณาเขตของประเทศต่าง ๆ ไม่รู้อีกกี่ประเทศตลอดเกาะเล็กเกาะน้อยอีกนับไม่ถ้วน แต่สำหรับตัวดิฉันเองคิดว่าโลกในนี้เป็นเพียงพื้นที่แคบ ๆ ที่หนึ่งเท่านั้น เพราะเรื่องที่ดิฉันกำลังจะบอกอยู่ ณ ขณะนี้นั้นเป็นเรื่องที่ดิฉันเอง หากมานั่งนึกตรึกตรองแล้วมันไม่น่าที่จะเป็นไปได้ แต่มันได้ประสบเกิดขึ้นจริงกับตัวดิฉันเอง ดิฉันจึงอยากจะนำเรื่องของดิฉันมาเป็นอุทาหรณ์เอาไว้สอนใจและเตือนใจกับอีกหลายท่าน...ซึ่งดิฉันเองไม่มีเจตนาที่จะนำชื่อของตัวเองมาประจานแต่อยากให้คนอื่น ๆ อีกหลายคนได้รับรู้และอย่าทำเรื่องที่ไม่ดีเหมือนดิฉันอีกซึ่งปัจจุบันนี้ดิฉันอดที่จะคิดถึงอดีตไม่ได้ แต่ก็ไม่อาจจะย้อนเวลาอันมีค่านั้นกลับคืนได้
ดิฉันเป็นคนจังหวัดนครราชสีมาแต่กำเนิด แต่เนื่องจากความลำบากยากจนของทางบ้านจึงผกผันชีวิตตัวเองขึ้นมาโดยการเต้นกินรำกินหรือที่หลายคนอาจจะรู้จักในคำบ้านนอกว่านางบำเรอ จนมีโอกาสเข้ามาอยู่กรุงเทพฯ และทำงานย่านสุขุมวิทและดวงก็ผกผันให้มารู้จักกับฝรั่งคนหนึ่ง ซึ่งเขามีความน่ารักและจริงใจกับตัวดิฉันมาก จึงได้ขอแต่งงานกับดิฉันโดยการเซ็นยอมรับการแต่งงานและยอมเดินทางตามเขาเพื่อมาอาศัยอยู่กับเขาในยุโรปของคุณแม่
เวลาผ่านไปทำให้ดิฉันเหมือนฝันไปจากที่ไม่มีอะไรเลย ก็ได้มาอยู่บ้านหลังใหญ่โตที่ๆดินเป็นของตัวเองด้วยอายุที่ยังน้อยนัก ด้วยวัยในขณะนั้นเพียง 17 ปี ดิฉันบอกตรง ๆ ว่ายังไม่รู้เรื่องอะไรเสียด้วยซ้ำ พอมาอยู่กับเขาไม่นานก็มีลูก 2 คน เป็นลูกชายและลูกสาวอย่างละคนดิฉันเองยอมรับว่าสบายเกินกว่าที่จะรับได้ เพราะมันเหมือนฝันมีเงินติดกระเป๋าตลอดทำอะไรก็ดูดีไปหมดมีเพื่อนมากหน้าหลายตา เพื่อนบางคนกลับเรียกชื่อคุณหญิงก่อนเรียกชื่อดิฉันต่อ มันช่างเป็นภาพที่แสนจะดูเว่อร์ แต่มันเป็นเรื่องจริงสาวต.จ.ว.จากจังหวัดโคราชตัวเล็ก ๆ คน หนึ่ง หน้าตาก็ใช่ว่าจะดีนักแต่กลับได้มายืนอยู่ถึงจุดนี้ได้ แต่เวลานั้นผันผ่านไปอย่างรวดเร็วนัก ความที่คนเราคิดว่าแน่นอนนั้นมันอาจจะไม่แน่นอนนักก็เป็นได้เมื่อดิฉันได้มีโอกาสเดินทางหรือบินกลับมาเที่ยวเมืองไทยพร้อมกับเพื่อน ๆ อีก 3 – 4 คนดิฉันยอมรับว่ากลับมาบ้านในฐานะคนมีเงินคนหนึ่งซึ่งดูแล้วหลายคนอาจจะต้องอิจฉาดิฉันเสียด้วยซ้ำ ดวงคนเรานั้นไม่แน่นอน มันเป็นเหตุที่เปลี่ยนชีวิตของดิฉันจากในอดีตมาถึงเวลาในปัจจุบันได้มากเลยทีเดียว ดิฉันไม่เคยโทษดวงหรืออะไรทั้งสิ้น แต่ดิฉันจะโทษตัวของดิฉันเองมาโดยตลอด
ดิฉันผิดเองกับการกระทำที่ไม่ดีในครานั้น ทั้งที่ดวงและโชคชะตาได้อุตส่าห์พาให้ดิฉันมาพบกับแม่ของตัวเอง (ยังไงก็อย่าทำแบบนี้นะคะมันไม่ดีเลย)
เรื่องมีอยู่ว่าในวันหนึ่งหลังจากที่ดิฉันได้เดินทางกลับมาจากยุโรปพร้อมกับกลุ่มเพื่อน ๆ 3 – 4 คน พวกเราได้มีโอกาสได้มาพักอยู่ที่โรงแรมหรูใจกลางเมือง ในย่านประตูน้ำ ซึ่งมันเป็นจุดศูนย์กลางอะไรหลายอย่างของกรุงเทพฯ วันนั้นเป็นวันที่ร้อนมากในยามบ่าย ๆ ราว 15 นาฬิกา ดิฉันได้ลงมาจากโรงแรมหรูดังกล่าว จนมาพบผู้คนมากมายที่ขวักไขว่ไปมาซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของย่านใจกลางเมืองของกรุงเทพฯอย่างประตูน้ำ และแล้วดวงตาทั้งคู่ขอดิฉันก็ได้ไปเหลือบเห็นผู้หญิงสูงอายุคนหนึ่งอยู่ข้างถนน ซึ่งเธอกำลังนั่งอยู่ในสภาพค่อนข้างแย่พร้อมกับภาชนะพาสติกเพื่อสำหรับใส่เศษสตางค์จากผู้คนที่สัญจรไปมา มองดูจากด้านข้าง ๆ แล้วคล้ายมาก พอมองทางขวาก็เหมือนพอสมควร โอ้พระเจ้าช่วย ! นั่นคือแม่ของดิฉันหรือนั้น ใน ณ จังหวะนั้นพวกเพื่อนของดิฉันที่ได้เดินทางไปเมืองไทยด้วยก็ลงมาบรรจบถึงตัวพอดี ทำให้ดิฉันทำตัวไม่ถูกจริง ๆ มิใช่ว่าจะไม่ยอมรับกับสภาพในตอนนั้นไม่ได้ แต่ว่าเหตุการณ์หลายอย่างมันพาไปอย่างรวดเร็ว ดิฉันจึงไหว้วานให้เพื่อนของดิฉันให้เอาเงินไปให้หญิงชราคนที่นั่งอยู่ข้างถนนดังกล่าว และให้ฝากบอกว่าวันรุ่งขึ้นให้มานั่งรอที่นี่อีกแค่นั้น ดิฉันบอกตรง ๆ ว่า ดิฉันไม่ได้ตั้งใจ เพื่อนของดิฉันเข้าไปหาหญิงชราคนดังกล่าวพร้อมให้เงินกับเธอเป็นเงิน 1,000 บาท แล้วก็พยายามบอกหญิงชราคนนั้นให้มาอีก แต่ดูเหมือนว่าหญิงชราคนนั้นจะดีใจที่ได้เงินมากทั้งที่ไม่เคยได้มากมายจึงได้ลุกขึ้นเดินหนีไปตามทางเดินที่คนเดินกันเต็มถนนอยู่ไปหมด จนหายลับตาไป
จนกระทั้งวันรุ่งขึ้นหญิงชราคนดังกล่าวก็ไม่มาอีกเลย ดิฉันเสียใจมากไม่รู้เหมือนกันว่าจะปรึกษาใคร จนมานั่งคิดไม่ตก ทำให้เพื่อนสนิทในกลุ่มคนหนึ่งเอ่ยปากขึ้นถามว่าคิดถึงป้าคนนั้นเหรอ ดิฉันตอบว่าแค่อยากเจอแกอีก สงสารแกมาก จนเพื่อนของดิฉันบอกตอบมาแบบตรง ๆ ว่า เขาได้ทราบทุกอย่างแล้วเนื่องจากเธอได้สอบถามหญิงชราคนนั้นว่า ทำไมเธอถึงมานั่งขอทานอยู่ตรงนี้ แล้วลูกเต้านั้นไปอยู่ไหนกันหมด หญิงชรานั้นตอบว่า หญิงชรามีลูกทั้งหมด 3 คน ลูกสาวคนโตแต่งงานไปแล้วกับตำรวจ ส่วนคนที่ 2 ได้ไปอยู่เมืองนอกตั้งนานแล้ว อีกคนเธอไม่ได้แจ้งให้ทราบ หลังจากที่หญิงชราคนนั้นได้เล่าให้ฟังว่าลูกสาวคนที่ 2 ของเธอได้ไปอยู่เมืองนอก ทำให้เพื่อนของดิฉันเอะใจตั้งนานอกแล้ว มิหนำซ้ำอาการของดิฉันมันฟ้องด้วยว่า มีความกังวลและคิดมากในบางอย่าง ดิฉันจึงไม่ปกปิดอะไรเพื่อนสนิทของดิฉันคนนี้ ดิฉันเล่าให้เขาฟังทุกอย่างว่าดิฉันรู้สึกอย่างไร
มันเป็นอะไรที่บอกหรือบรรยายลำบากมาก จะว่าเจ็บใจไหมใช่ค่ะ เสียดายไหมกับโอกาสที่จะได้เจอแม่ ก็ใช่อีก การกระทำของดิฉันจากวันนั้นถึงวันนี้ บาปกรรมนั้นมันได้ตามทันฉันเสียแล้วจริง ๆ ความจริงมันย่อมเป็นสิ่งที่ไม่ตาย อดีตดิฉันอาจจะรับอะไรตรงนั้นไม่ค่อยจะได้ แต่ปัจจุบันนี้ดิฉันยอมรับความจริงทุกประการ เพราะความจริงก็คือสิ่งที่แท้แน่นอน หากดิฉันสามารถย้อนเวลาของวันนั้นวันที่ดิฉันได้มีโอกาสมาพบคุณแม่ผู้ให้กำเนิดอีกสักครั้งได้ ดิฉันอยากจะย้อนไปกราบขอโทษท่าน อยากเข้าไปขอไออุ่นจากตัวท่าน อยากรู้ว่าท่านเป็นอย่างไรบ้าง ดิฉันนึกถึงเรื่องนี้ทีไร อดที่จะน้ำตาไหลไม่ได้ ดิฉันผิดเองทุกอย่างของวันนั้นผิดจนกว่าจะหมดกรรม หลังจากที่กลับมาจากเมืองไทย ดิฉันกับเพื่อนสนิทคนตัวกล่าวที่ไปเมืองไทยด้วยกันก็ได้กลับมายังประเทศออสเตรีย และเขาก็รับปากดิฉันว่าจะไม่เอาเรื่องดังกล่าวที่เขาได้ทราบจากเมืองไทยมาบอกเล่าต่อให้ใครฟัง แน่นอนค่ะว่าเราจะไปห้ามปากคนได้อย่างไร พอดิฉันกลับมาดิฉันได้ใช้ชีวิตตามภาษาของคนที่เคยอยู่สบายเกินไปเช่นเดิม โดยการเที่ยวคบเพื่อนมาก ซึ่งเพื่อน ๆ ที่เข้ามาคบกับดิฉันล้วนแล้วแต่อาจจะมาคบดิฉันเพราะเงินมากกว่า พอดิฉันเริ่มมารู้จักการพนันยิ่งหนักเข้าไปอีกก็เพราะเพื่อนอีกนั้นแหละ แต่ขอบอกเอาไว้ตรงนี้ด้วยว่าตัวเองก็คือต้นเหตุเหมือนกัน ไม่ได้โทษคนอื่นหรอกค่ะ
ดิฉันเริ่มมีปัญหากับสามีเพราะความไม่รู้จักพอของดิฉัน ทั้งที่ตัวเองก็มีความเป็นอยู่ที่ค่อนข้างจะสบายกว่าหลายคนเสียด้วยซ้ำ ดิฉันยอมรับว่าติดการพนัน ติดการเที่ยวกลางคืน และไม่ได้เอาใจใส่เรื่องครอบครัว ตลอดจนลูก ๆ ที่ยังเล็กอยู่ในขณะนั้น ดิฉันเป็นผู้หญิงที่ไม่ดีในสายตาคนรอบข้าง จนในที่สุดสามีที่แสนดีของดิฉันก็ต้องขอหย่า เพราะทนกับดิฉันไม่ได้ หลังจากหย่ากับสามีออกมาดิฉันได้เงินค่าชดใช้จากการหย่าเป็นเงินสดก็มากพอประมาณ ตีเป็นเงินบาทก็หลักล้านเมืองไทย และลูก ๆ ก็อยู่ในความดูแลของสามีดิฉัน ดิฉันได้เงินมามากจากการหย่าแต่ก็ใช้เงินก้อนนั้นไม่เป็น เพื่อนฝูงเข้ามาในชีวิตของดิฉันมากกว่าเดิมอีก พร้อมยังขนานนามดิฉันเป็นคุณหญิงอีกต่างหากยอมรับว่าเวอร์และก็เวอร์ ในช่วงเวลาเพียง 3 เดือน เงินก้อนดังกล่าวก็หมดไปกับการพนัน การเที่ยวแบบไม่เป็นประโยชน์เลย เพื่อน ๆ เริ่มตีตัวออกห่าง จนดิฉันไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรต่อชีวิตดี ยอมรับว่าแย่มาก ๆ งานก็ไม่มีทำ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเริ่มหางาน งานที่หาได้ก็ไม่พ้นงานทำความสะอาด เพราะไม่ต้องใช้ภาษามาก ทำความสะอาดเงินเดือนมันน้อย ไม่พอใช้จ่ายเดือนต่อเดือน
จนต่อมา ดิฉันก็มามีปัญหากับเพื่อนสาวคนสนิทที่ไปเมืองไทยด้วยกันเมื่อครานั้น เขาเอาเรื่องของดิฉันที่ได้ไปพบแม่มาประจานให้คนอื่นฟัง ดิฉันเลยกลายเป็นคนที่แย่ หรือจะว่าชั่วก็ได้ ในสายตาคนไทยอีกหลายคน แน่นอนค่ะ ที่เพื่อนสนิทมิตรสหายได้หายจากไปเกือบหมด จนดิฉันไม่มีทางออก พร้อมตัดสินใจทำงานบาร์อีกครั้งหนึ่ง การทำงานด้านขายบริการทางเพศ มันเป็นสิ่งที่แย่ แต่ดิฉันไม่มีทางออกเลย หลังจากนั้นดิฉันก็ได้มีโอกาสมาทำความรู้จักกับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเขามีอายุน้อยกว่าดิฉันประมาณ 10 ปี ตอนแรกก็คิดว่าเขาจะเป็นคนดีช่วยดิฉันได้ แต่ต่อมาเขาก็ต้องติดคุกเพราะคดีเก่า ๆ ที่ยังไม่ลงตัว ดิฉันมีลูกกับเขาอีก 4 คน
ซึ่งมันก็มิเป็นการสมควร ทั้งที่ดิฉันก็รู้ว่าเขามีปัญหากับตำรวจตลอดเวลา ดิฉันไม่ทราบเหมือนกันว่ามีลูกกับเขาได้อย่างไร เขาจะเป็นอย่างไรก็ช่างดิฉันก็ยังรักเขา ถึงแม้จะเคยคิดที่จะเลิกกับเขาไม่รู้กี่ครั้งแล้วก็ตามมันเหมือนมีกรรม บางครั้งต้องไปเยี่ยมเขาที่คุกดีแต่ว่าที่นี่ทางกรมตำรวจให้แฟนดิฉันผ่อนติดคุกเอา เพราะเรามีลูก หากถึงเวลาใกล้เทศกาลสำคัญเช่นปีใหม่หรือจะเป็นวันเกิดลูกเขาก็จะอนุญาต ให้แฟนของดิฉันนั้นออกมาอยู่กับครอบครัวมันก็ดีอีกอย่างหนึ่ง แฟนของดิฉันคนนี้ไม่มีความคิดที่จะโตเป็นผู้ใหญ่เสียที งานการก็ไม่ทำ ดิฉันต้องรับหน้าที่ทำงานบ้านทุกอย่าง ถึงแม้อาจะต้องลำบากบ้างมันก็ต้องยอม
แฟนดิฉันเคยหลอกให้เพื่อนมาเที่ยวที่บ้านแล้วก็ให้เพื่อนของขารุมข่มขืนจนดิฉันต้องวิ่งออกจากบ้านตัวเองมาขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านข้างเคียงดิฉันเข้ามาสอบถามปัญหาอีกครั้งก็ได้ความว่าแฟนดิฉันนั้นได้ไปติดการพนันเช่นกัน และเล่นเสียเลยอยากจะหาทางเงินหักหนี้ ดิฉันขอบอกตรง ๆ ว่าดิฉันเป็นผู้ผิดเอง ที่ยอมเขามาโดยตลอด บางครั้งไม่มีอาหารให้ลูกก็ต้องไปขอติดตามร้านไทยของคนไทยด้วยกันที่สนิทกัน ยังดีมีเพื่อนอีกคนหนึ่งซึ่งเขาคอยช่วยเหลือดิฉันอยู่บ้าง ดิฉันเขียนเรื่องราวบ้า ๆ บอ ๆ มาเล่า ไม่ได้ต้องการมาประจานตัวเองแต่อยากจะเล่าไห้เป็นอุทาหรณ์สอนใจกับคนที่อยู่เมืองไทยอีกหลาย ๆ คนที่กำลังอาจจะลืมตัวอย่างดิฉันประมาทกับอนาคตกับสิ่งที่เราอาจจะคิดว่าแน่นอนแต่มันก็คือสิ่งที่ไม่แน่นอน และเมื่อคนไทยยังมีความคิดอยากจะมาอยู่เมืองนอกว่ามันไม่ง่ายเลย จากวันนั้นวันที่ดิฉันได้พบหน้าแม่ ดิฉันไม่เคยได้มีโอกาสไปเมืองไทยแผ่นดินแม่อีกเลย และไม่รู้ว่าจะอีกนานแค่ไหนถึงจะมีโอกาสอีก หรือจะต้องรอจนกว่าจะหมดกรรมจริง ๆ