หน้า 1 จากทั้งหมด 3

โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 26, 2008 7:32 am
โดย kuk
<span style='font-size:14pt;line-height:100%'><span style='color:green'>ช่วงนี้ เข้าหน้าฝน เมืองไทยก็มีผลไม้ให้กินมากมาย เช่น เงาะ มังคุด ทุกเรียน ลำไย ลิ้นจี่ และอีกมากมาย แต่วันนี้เรามาพูดถึงผลไม้ อีกชนิดที่อร่อยไม่แพ้อย่างอื่น นั่นคือ <span style='color:red'>กระท้อน</span> ในต่างประเทศไม่รู้ว่าจะหาทานง่ายเหมือนเมืองไทยหรือเปล่า นะคะ

พอดีมีพี่เค้าเอามาให้หลายลูกมากคะ กินสดก็แล้ว ยังไม่หมด กลัวเสียก่อน เสียดายคะ เลยเกิดความคิดว่าอยากลองทำกระท้อนลอยแก้วกินเองดูบ้างน่ะค่ะ หลังจากที่ลองทำดูแล้วก็เลยเอาความรู้มาฝากสำหรับคนที่อยากทานของหวานที่ทำง่ายๆด้วยฝีมือตัวเอง <span style='color:red'>กระท้อนลอยแก้ว </span> เปรี้ยว หวาน เย็นชื่นใจมาก ๆ </span></span>

โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 26, 2008 7:50 am
โดย kuk
<span style='font-family:Geneva'><span style='color:green'>
ส่วนผสม

-กระท้อนปุยฝ้าย 3 ลูก (เลือกที่แก่จัด เพราะจะได้เนื้อที่หวานและปุยนุ่ม)
-น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
-เกลือป่น 2ช้อนโต๊ะ
-น้ำต้มสุก 2 ถ้วย
-น้ำสะอาดหรือน้ำลอยดอกมะลิ 1/2 ถ้วย

วิธีทำ เตรียมส่วนผสมกันพร้อมแล้ว ก็ถึงเวลาลงมือทำกันเลยคะ

- เริ่มจากชงน้ำต้มสุกกับเกลือ คนจนเกลือละลาย และทิ้งไว้ให้เย็น

- ผ่ากระท้อนเป็นสองซีก ๆ ไม่ต้องปลอกเปลือกให้เสียเวลา ใช้มีดแซะเนื้อเมล็ดออก ใช้ช้อนตักเลย ทำเหมือนตักแตงโมเป็นคำ ๆ อย่าคว้านลึกมาก แล้วนำลงแช่ในน้ำเกลือที่ทำรอไว้แล้วส่วนเมล็ด เราไม่สามารถนั่งพับเพียบคว้านเม็ดได้ ก็โยนลงชามน้ำเกลือทั้งเมล็ดเลยคะ หรือโยนเข้าปากก็ได้

- แช่น้ำเกลือไว้สัก 1 ชั่วโมงก็พอ เพราะคว้านเอาเนื้อกระท้อนแค่รอบเดียว ไม่เปรี้ยว ไม่ฝาดมาก

- ทีนี้ระหว่างรอ ก็มาทำน้ำเชื่อม โดยผสมน้ำตาลกับน้ำสะอาด เข้าด้วยกัน และยกตั้งไฟคนให้น้ำตาลละลาย แล้วกรองเอาผงออก เคี่ยวต่ออีกที จนได้น้ำเชื่อมที่ข้นกำลังดีก็เทใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ ชิมดูให้พอใจ ให้หวานมากหน่อยเพราะเจอเนื้อกระท้อนจะมีรสเปรี้ยวออกมาเจือ ใส่เกลือเล็กน้อย พอเค็ม ทิ้งไว้ให้เย็น

- แล้วช้อนกระท้อนขึ้นจากน้ำเกลือทิ้งให้สะเด็ดน้ำ และใส่ลงในชามน้ำเชื่อม คนให้เข้ากัน ให้พอมีรสหวานเค็มนิดๆ ก็เป็นอันว่าใช้ได้ แช่ไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง เอาเข้าตู้เย็นไว้เลยก็ได้คะ จะได้ “กระท้อนลอยแก้ว” หรือเวลาจะทานก็แค่ใส่น้ำแข็งลงไป กินแล้วเย็นกาย เย็นใจ คลายร้อนหวานชื่นใจดีจริง ๆ ค่ะ</span></span>

<span style='font-family:Geneva'><span style='color:red'>ปล. น้องสาวบอกว่า ถ้ามีเหล้ารัมให้หยดใส่ไป2-3 หยด จะหอมอร่อยมากขึ้นอีกคะ แต่พอดีไม่มีเลยไม่ได้ใส่</span></span>

โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 26, 2008 7:51 am
โดย kuk
<span style='font-family:Geneva'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'><span style='color:green'>เริ่มจากชงน้ำต้มสุกกับเกลือ คนจนเกลือละลาย และทิ้งไว้ให้เย็น</span></span></span>

โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 26, 2008 8:02 am
โดย kuk
<span style='font-family:Geneva'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'><span style='color:green'>ผ่ากระท้อนเป็นสองซีก ๆ ไม่ต้องปลอกเปลือกให้เสียเวลา </span></span></span>

โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 26, 2008 8:05 am
โดย kuk
<span style='font-family:Geneva'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'><span style='color:green'>ดูซิปุย ๆ ปุย ๆ อดใจไม่ไหว แอบโยนเข้าปาก กินไปหลายเม็ดคะ</span></span></span>

โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 26, 2008 8:07 am
โดย kuk
<span style='font-family:Geneva'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'><span style='color:green'>ใช้มีดแซะเนื้อเมล็ดออก ใช้ช้อนตักเลย ทำเหมือนตักแตงโมเป็นคำ ๆ อย่าคว้านลึกมาก วิธีนี้ น้องสาวบอกเวิร์คสุด ๆ แล้วคะ น้ำเชื่อมเข้าเนื้อได้ง่ายกว่า ปอกเปลือกแล้วเอามาหั่น หรือปอกเปลือกผ่าซีกแล้วแคะเม็ดออก ทำเป็นรูปดอกไม้ เหมือนที่เค้าทำขายกันอยู่นะคะ เราทำเองไม่ต้องเน้นหน้าตาสวยงาม เอาให้อร่อยถูกใจดีทีสุดคะ</span></span></span>

โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 26, 2008 8:09 am
โดย kuk
<span style='font-family:Geneva'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'><span style='color:green'>แล้วนำลงแช่ในน้ำเกลือที่ทำรอไว้แล้ว กด ๆ ให้ท่วมเนื้อกระท้อนนะคะ จะได้ไม่ดำ ส่วนเมล็ด เราไม่สามารถนั่งพับเพียบคว้านเม็ดได้ ก็โยนลงชามน้ำเกลือทั้งเมล็ดเลยคะ หรือโยนเข้าปากก็ได้</span></span></span>

โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 26, 2008 8:14 am
โดย kuk
<span style='font-family:Geneva'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'><span style='color:green'>ทีนี้ระหว่างรอ ก็มาทำน้ำเชื่อม โดยผสมน้ำตาลกับน้ำสะอาด เข้าด้วยกัน และยกตั้งไฟคนให้น้ำตาลละลาย แล้วกรองเอาผงออก เคี่ยวต่ออีกที จนได้น้ำเชื่อมที่ข้นกำลังดีก็เทใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ ชิมดูให้พอใจ ให้หวานมากหน่อยเพราะเจอเนื้อกระท้อนจะมีรสเปรี้ยวออกมาเจือ ใส่เกลือเล็กน้อย พอเค็ม ทิ้งไว้ให้เย็น </span></span></span>

โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 26, 2008 8:16 am
โดย kuk
<span style='font-family:Geneva'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'><span style='color:green'>แล้วช้อนกระท้อนขึ้นจากน้ำเกลือทิ้งให้สะเด็ดน้ำ</span></span></span>

โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 26, 2008 8:19 am
โดย kuk
<span style='font-family:Geneva'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'><span style='color:green'>เทน้ำเชื่อมใส่หรือ ใส่ลงในชามน้ำเชื่อม คนให้เข้ากัน ให้พอมีรสหวานเค็มนิดๆ ก็เป็นอันว่าใช้ได้ แช่ไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง เอาเข้าตู้เย็นไว้เลยก็ได้คะ</span></span></span>

โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 26, 2008 8:20 am
โดย kuk
<span style='font-family:Geneva'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'><span style='color:green'>จะได้ “กระท้อนลอยแก้ว” หรือเวลาจะทานก็แค่ใส่น้ำแข็งลงไป กินแล้วเย็นกาย เย็นใจ คลายร้อนหวานชื่นใจดีจริง ๆ</span></span></span>

โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 26, 2008 8:23 am
โดย kuk
<span style='font-family:Geneva'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'><span style='color:green'>เอาซากเปลือกทีเหลือมาให้ดูเล่น ๆ อันนี้ไม่ทานคะ ทิ้งไปเลย</span></span></span>

โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 26, 2008 8:28 am
โดย kuk
<span style='font-family:Geneva'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'><span style='color:green'>ส่วนอันนี้ ทานคะ ยิ่งแช่เย็นจัด ๆ ไม่ต้องเติมน้ำแข็งเลยคะ อร่อยมาก ๆ เห็นสีสันไม่สดใสแบบนี้ ก็เป็นสีธรรมชาติคะ ไม่ต้องแต่งเติมเพิ่มสี เพราะเราทำเองกินเองคะ เพื่อน ๆลองทำทานกันนะคะ รับรองหมดเร็วจนแม่ช้อยไม่ทันมาชิมเลยคะ</span></span></span>

โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 26, 2008 8:38 am
โดย jije
แวะมาชิมก่อนเลยจ้ะ จอง 1 ถ้วยโต ๆ ใส่น้ำแข็งเยอะ ๆ น่ะจ้ะพี่กุ๊กจ๋า ส่วนเปลือกไม่เอาน่ะจ้ะ

โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 26, 2008 8:43 am
โดย kuk
<span style='color:purple'>น้องเปิ้ล</span> อากาศเมืองไทย ร้อน ๆ ฝนตก ๆ ขนมหวานแบบนี้เหมาะมากคะ... แต่ดีนะที่บอกเร็ว อิอิ ไม่งั้นพี่ส่งเปลือกไปด้วยแล้วนี่ กินแล้วบอกด้วยนะจ๊ะ ชื่นใจแค่ไหน