หน้า 1 จากทั้งหมด 1

โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 07, 2009 5:33 pm
โดย แตง
หน้าตาขนมเป็นแบบนี้ ไม่รู้เคยเห็นหรือเคยทานกันหรือเปล่า

โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 07, 2009 5:36 pm
โดย แตง
ขนมอาโปง หรืออาโป้ง หรืออาโป๊ง แล้วแต่สำเนียงที่เรียกมีรสชาติหวานมันเวลาทานแล้วมีกลิ่นหอมกะทิ เป็นขนมของภูเก็ต คนที่ไปเที่ยวที่นี่จะหาซื้อทานได้ง่าย ราคาชิ้นละ ๓ บาท ส่วนที่ตรังก็มีขายบ้างเหมือนกัน หน้าตาขนมคล้ายกับขนมถังแตก ที่ไม่มีไส้ และรสชาติก็ต่างกัน นอกจากนี้ หากใครไปเที่ยวมาเลเซียแล้วก็อาจเจอขนมนี้เช่นกัน บางคนเค้าก็เรียกว่า ขนมเบื้องมาเลย์

วันนี้เราเอาขนมนี้มาโพสไว้สำหรับคนที่ไม่เคยทาน หรืออยากลองทำทานเอง หรือจะลองทำขายบ้างก็ได้

เราทำแบบง่ายๆตามแบบฉบับคนอยู่ต่างแดน และที่โพสไว้นี้เป็นการทำแบบพื้นฐานเพื่อเป็นแนวทางการทำ บางครั้งถ้าเราหาเครื่องประกอบไม่ได้เราก็ประยุกต์ใช้อย่างอื่นแทน ก็ได้ขนมรสชาติอร่อยอีกแบบหนึ่ง เราจะโพสไว้ท้ายเรื่องไม่มีรูปประกอบ

เครื่องประกอบ:-
แป้งข้าวเจ้า ๑ ถ้วยตวง
หัวกะทิ ๑/๒ ถ้วยตวง
หางกะทิ ๑ ถ้วยตวง
ยีสต์ ๑ ช้อนชา
ไข่แดง ๑ ฟอง
น้ำตาลทราย ๖ ช้อนโต๊ะ (ชอบหวานมากเพิ่มได้)
น้ำมันพืช ๑/๒ ช้อนชา

***ส่วนผสมนี้ทำได้ประมาณ ๑๐ กว่าชิ้น ขนาดตามรูปที่เห็น***

วิธีทำ:-
ตวงแป้ง น้ำตาล และยีสต์ ใส่ชามผสม

คนให้ส่วนผสมเข้ากันดี

เทหางกะทิลงไป ๑/๔ ถ้วยตวงก่อน ใช้มือนวดส่วนผสมให้เหนียวแล้วก็ค่อยๆเติมหางกะทิลงไปเรื่อยๆ จนหมด คนให้ส่วนผสมละลายดีแป้งไม่จับเป็นก้อนใช้ได้

โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 07, 2009 5:37 pm
โดย แตง
ตอกไข่ แยกไข่แดงไข่ขาว เราจะใช้แต่ไข่แดงทำ

ตีไข่ให้แตกดี แล้วเทใส่ชามแป้งที่ทำไว้

คนให้เข้ากันดี แล้วหาของปิด พักไว้ที่อุ่นประมาณ ๑ ชั่วโมง เพื่อให้ยีสต์ทำงาน แป้งจะฟูขึ้น
(ตอนนี้อากาศบ้านเราหนาวมาก เราก็เลยเปิดน้ำร้อนใส่ซิงค์ล้างจาน แล้วก็เอาชามแป้งที่ผสมไว้วางลงไป มันจะช่วยให้อุ่น ยีสต์จะได้ทำงาน หรือใครจะวอมเตาอบ แล้วเอาไปวางในนั้นก็ได้ วางใกล้ๆฮีตเตอร์ก็ได้)

พักไว้จนแป้งฟูแล้วใช้ได้ ภาพล่างซ้ายนี้แป้งฟู หนืดแล้ว

โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 07, 2009 5:38 pm
โดย แตง
หลังจากพักแป้งไว้จนได้ที่แล้ว ก็ใส่หัวกะทิลงไป

คนให้เข้ากันดีใช้ได้

เอากระทะก้นลึก วางบนเตา(ที่เค้าทำขายกันจะใช้เตาอั้งโล่ บ้านเราไม่มีก็ใช้เตาแก๊สธรรมดาทำ) ใช้ไฟอ่อนๆ ของเราใช้กากไยอาหาร ๒ พอกระทะร้อนแล้ว เช็ดกระทะด้วยน้ำมันพืชให้ทั่วๆ ไม่ต้องใช้น้ำมันมาก เพราะจะทำให้ผิวขนมไม่สวย แล้วตักแป้งไม่ต้องมากนัก ใส่ลงไป แล้วกรอกแป้งให้เป็นวงกลม ศูนย์กลางประมาณ ๕ - ๖ นิ้ว ขอบแป้งจะบาง ส่วนตรงกลางจะหนา

หาฝาปิดกระทะไว้

**หมายเหตุ เราใช้น้ำมันพืชทากระทะแค่ครั้งแรกหนเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นก็ไม่ได้ทาอีก เพราะเนื้อแป้งที่ผสมมีความมันจากกะทิอยู่แล้ว มันเลยไม่ติดกระทะ **

โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 07, 2009 5:39 pm
โดย แตง
คอยเปิดดูเป็นระยะก็ได้ พอเห็นว่าขอบแป้งเริ่มเกรียมกรอบ ตรงกลางสุกดี ใช้ได้

ใช้ตะหลิวแซะขอบด้านหนึ่งออกแล้วใช้มือหยิบลอกขึ้นมาจากกระทะ

วางในจานแล้วพับริม ๒ ข้างเข้าหากัน

จัดใส่จานหรือจะทานเลยก็ได้ เราก็ทำไปทานไปด้วย เพราะทานตอนร้อนๆ ริมขนมจะกรอบส่วนตรงกลางนุ่ม

โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 07, 2009 5:41 pm
โดย แตง
เหลือจัดใส่จานให้ถ่ายรูปแค่นี้

โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 07, 2009 5:44 pm
โดย แตง
สำหรับการประยุกต์ของเรา
บางครั้งก็จะใช้นมสด หรือน้ำเต้าหู้ แทนกะทิ แล้วก็ใส่เนยสดละลายแทนหัวกะทิ ทำออกมาแล้วก็จะได้ขนมหน้าตาเหมือนกัน แต่มีกลิ่นหอมเนยแทน

ขอจบด้วยภาพขนมอร่อย หอม หวานมันแบบนี้

โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 10, 2009 6:46 am
โดย khunraksana
เห็นคุณแตงนำสูตมาลง ภาพถ่ายสวย เห็นแล้วนำ้ลายไหล อยากทานอยางแรง เลยลองทำดู ทำครั้งแรกล้มแหลว แต่ครั้งที่พอใช้ได้ แต่ไม่สวยงามน่าทานเหมือนต้นตำหรับ แต่รสชาติ หวานมัน กรอบค่ะ ลองดูนะคะว่าใช้ได้ไหม
<a href='http://www.kruaklaibaan.com/forum/index.php?showtopic=37716' target='_blank'>http://www.kruaklaibaan.com/forum/index.php?showtopic=37716</a>

โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 10, 2009 6:54 am
โดย khunraksana
อันนี้ทำครั้งแรก ดูไม่ได้เลย
รูปภาพ

โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 10, 2009 6:55 am
โดย khunraksana
ครั้งที่สองพอไปวัดไปวา
รูปภาพ

โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 10, 2009 6:56 am
โดย khunraksana
รูปภาพ

โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 10, 2009 6:56 am
โดย khunraksana
รูปภาพ

โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 10, 2009 6:58 am
โดย khunraksana
รักม่วนเหมือนทองม้วนค่ะ ดูซิขี้เหล่มากเลย
รูปภาพ

โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 10, 2009 7:00 am
โดย khunraksana
ขออีกภาพ ภาพสุดท้าย
รูปภาพ