หน้า 1 จากทั้งหมด 4

โพสต์แล้ว:
เสาร์ มี.ค. 19, 2011 6:17 pm
โดย แตง
<span style='color:blue'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>เอาภาพขวดตาลสุกภาพใหญ่มาลงเพิ่มเผื่อใครอยู่ต่างประเทศจะลองหาซื้อดู เลื่อนลงไปดูด้านล่างสุดของกระทู้</span></span>
หน้าตาแบบนี้ คิดว่าเป็นขนมอะไร ?

โพสต์แล้ว:
เสาร์ มี.ค. 19, 2011 6:19 pm
โดย แตง
เห็นรูปแล้วก็ลองตอบในใจดูว่าเป็นขนมอะไร ไม่ต้องคิดมากมายตอบตามที่เห็นและจำได้ พรุ่งนี้จะมาโพสต่อ

โพสต์แล้ว:
เสาร์ มี.ค. 19, 2011 6:28 pm
โดย มดดำ
มดดำขอทายว่า ขนมตาลค่ะ

โพสต์แล้ว:
เสาร์ มี.ค. 19, 2011 7:00 pm
โดย Sunisa
มดดำ เขียน: มดดำขอทายว่า ขนมตาลค่ะ
คิดเหมือนมดดำค่ะ เห็นพี่แตงมีตาลในขวดอยู่ด้วย ... แต่ตอนที่ทำเอาแครอมผสมกล้วยหอม สีออกมาก็เหมือนขนมตาลเลย ฟักทองทำออกมาก็คล้ายๆ พรุ่งนี้มาดูใหม่ค่ะ

โพสต์แล้ว:
เสาร์ มี.ค. 19, 2011 7:00 pm
โดย Sunisa
ข้อความซ้ำ ขอโทษจ้า

โพสต์แล้ว:
เสาร์ มี.ค. 19, 2011 9:29 pm
โดย sar
เหมือนขนมตาล แต่เอาฟักทองมาทำแทนหรือเปล่าคะ

โพสต์แล้ว:
เสาร์ มี.ค. 19, 2011 11:39 pm
โดย pimlapas
ขนมปุยฝ้าย ใช้ผสมฟักทองใช่เปล่าค๊าคุณแตง อยากกินมากมายเลยค่ะ หากใช่ก็ให้นึกถึงตอนไปทำบุญทีวัด คนจะเอามาทำบุญเยอะมาก พอพระฉันท์เสร็จก็เรียกให้คนที่ไปทำบุญ นั่งกินอาหารร่วมกันที่วัด สนุกดีค่ะไปกับพ่อ แม่ตอนเล็กๆ ได้ขนมปุยฝ้ายใส่เดินกินตอนกลับบ้านด้วย อิอิ

โพสต์แล้ว:
อาทิตย์ มี.ค. 20, 2011 3:01 pm
โดย แตง
ขนมนี้ใช้เนื้อลูกตาลสุกทำ ผลออกมาเหมือนขนมตาล ถ้าเนื้อขนมเบากว่านี้ก็เป็นขนมปุยฝ้ายได้ แต่คงต้องปรับสูตรก่อน เอาไว้จะลองทำปุยฝ้ายบ้าง ใครไม่มีลูกตาลสุกก็ทำได้
ถ้าแต่งหน้าเพิ่มนิดหนึ่ง เป็นขนมอะไร ลองคิดในใจว่าขนมอะไร
พรุ่งนี้จะโพสสูตรและวิธีการทำ (แต่งและย่อรูปให้เสร็จก่อน) รับรองว่าทำง่ายใช้เวลาไม่นานด้วย

โพสต์แล้ว:
จันทร์ มี.ค. 21, 2011 11:52 am
โดย Sunisa
แตง เขียน: ขนมนี้ใช้เนื้อลูกตาลสุกทำ ผลออกมาเหมือนขนมตาล ถ้าเนื้อขนมเบากว่านี้ก็เป็นขนมปุยฝ้ายได้ แต่คงต้องปรับสูตรก่อน เอาไว้จะลองทำปุยฝ้ายบ้าง ใครไม่มีลูกตาลสุกก็ทำได้
ถ้าแต่งหน้าเพิ่มนิดหนึ่ง เป็นขนมอะไร ลองคิดในใจว่าขนมอะไร
พรุ่งนี้จะโพสสูตรและวิธีการทำ (แต่งและย่อรูปให้เสร็จก่อน) รับรองว่าทำง่ายใช้เวลาไม่นานด้วย
ดูแล้วต้องนึกถึงคัฟเค้กหน้ามะพร้าว จดๆจ้องๆจะทำมาหลายครั้งไม่ได้ทำซักทีเลยค่ะ ...
เห็นขนมหน้าตาแบบนี้ ทำให้คิดถึงขนมชนิดหน่อยที่แทบจะไม่เคยเห็นแล้ว ขนมมัสกอด ที่เป็นแบบขนมไข่แล้วแต่งหน้าด้วยไข่ขาวตีกับน้ำตาลจนเป็นครีม เค้าจะทำเป็นสีสวยๆ โรยมะพร้าวทึนทึกด้วยก็ได้ เดี๋ยวนี้ไม่เคยเห็นเลย

โพสต์แล้ว:
จันทร์ มี.ค. 21, 2011 9:46 pm
โดย แตง
ที่ไม่ค่อยเห็นขนมมัสกอด คงเป็นเพราะยุ่งยากในการทำมัง ทำเค้กอบสุกต้องรอให้เย็นแล้วทำหน้าไข่ขาวแล้วต้องอบด้วยไฟบนอีกที ให้หน้าขนมเหลืองนวลสุก
นอกจากขนมมัสกอดที่น้องจุ๋มพูดแล้วมีอีกแบบเป็นของแขก คล้ายกับอาลัวแต่ใช้เนยแทนกะทิ กวนได้ที่แล้วก็ใส่อัลมอนต์บดลงไป แบบนี้อาจมีขายแถวแยกบ้านแขก เป็นขนมโบราณเข้ามาสมัยพระนารายณ์เหมือนกันแต่เป็นแขกอิหร่านนำเข้า พร้อมกับพวกข้าวหมกนี่แหละ

โพสต์แล้ว:
จันทร์ มี.ค. 21, 2011 9:51 pm
โดย แตง
ให้ดูรูปไปแล้ว วันนี้โพสสูตรและวิธีการทำ
ทำขนมตาลทั้งจริงและเทียมไปแล้ว และทำเค้กลูกตาลสุกแล้วนานจนลืม พอดีเจอขวดลูกตาลสุกแช่เย็นไว้จนลืม เลยเอามาใช้ให้หมด จะทำขนมตาลก็ใช้เวลานาน เลยคิดทำเค้กเพราะง่าย สะดวก รวดเร็วด้วย ทำหลายครั้งแล้ว ก็เอามาโพสไว้เผื่อใครจะลองทำดูบ้าง
เราชอบทำแบบคัพเค้กเพราะใช้เวลาไม่นานก็สุก และไม่ค่อยชอบทานครีมเลยไม่แต่งหน้าใดๆ หากใครชอบแต่งหน้าเค้ก ถ้าทำแบบคัพเค้กอบสุกแล้วพักให้เย็นแต่งหน้าด้วยครีมแล้วโรยด้วยมะพร้าวทึนทึกนึ่งสุก หากทำชิ้นใหญ่แบบใส่ถาดใหญ่อบ จะสไลด์ครึ่งแล้วทาครีมชั้นหนึ่งก่อน เสร็จแล้วเอาอีกชิ้นวางทับข้างบน ทาครีมอีก แล้วโรยหน้าด้วยมะพร้าวทึนทึกนึ่งให้สุก ก็จะทำให้เค้กดูมีราคาขึ้น สามารถทำขายได้ด้วย
ตอนนี้ทำแบบคัพเค้กง่ายๆรูปร่างหน้าตาเหมือนขนมตาลไม่ผิดเพี้ยน แถมรสชาติก็ใกล้เคียงจนเกือบแยกไม่ออกอย่างนี้จะเรียกว่า "ขนมไทยตำรับเทศ" หรือ "ขนมเทศตำรับไทย" ดีนะ
เราทำหลายครั้งและเปลี่ยนสัดส่วนผสมไปเรื่อยๆ เพื่อดูความแตกต่าง เลยเอาแบบสรุปที่เราทำบ่อยๆมาให้ดูเป็นแนวทางในการทำ ชอบแบบไหนก็ทำแบบนั้น รับรองว่าออกมาใช้ได้ทั้งนั้น
ใครชอบแบบอบก็อบ ใครไม่มีเตาอบก็นึ่ง การอบและการนึ่งจะแตกต่างกันที่เนื้อเค้ก เนื้อเค้กที่อบจะออกแห้งกว่านึ่งนิดหน่อย เค้กอบที่เก็บไว้ข้ามคืนโดยไม่แต่งหน้าเค้ก หน้าจะเปียก ส่วนแบบนึ่งจะปรกติไม่เปลี่ยนแปลง แต่รสชาติทุกอย่างไม่แตกต่าง สามารถเก็บไว้นอกตู้เย็นได้สามสี่วัน อันนี้ขึ้นอยู่กับอากาศด้วยมัง เพราะบ้านเราอากาศเย็น เลยวางไว้นอกตู้เย็นได้
(ส่วนผสมทุกสูตรทำได้ประมาณ ๘ - ๑๐ ชิ้น ขนาดถ้วยคัพเค้กแบบกลาง)
สูตร ๑
เครื่องประกอบด้วย:-
แป้งสาลีอเนกประสงค์ ๑ ถ้วยตวง
เนื้อลูกตาลสุก ๖ - ๘ ช้อนโต๊ะ
น้ำกะทิข้น ๑/๒ ถ้วยตวง
น้ำมันพืช ๑/๔ ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย ๑/๒ ถ้วยตวง (เพิ่มลดได้ตามความหวานที่ชอบ)
ไข่ไก่ ๑ ฟอง
ผงฟู ๑/๒ ช้อนชา
เบกกิ้งโซดา ๓/๘ - ๑/๒ ช้อนชา (ไม่ใส่มาก เพราะจะทำให้ขนมรสเฝื่อนได้)
น้ำส้มสายชู ๑/๒ - ๑ ช้อนชา (ใช้เพื่อไม่ให้มีสารตกค้างของเบกกิ้งโซดาซึ่งทำให้มีรสเฝื่อน)
เกลือป่น๑/๘ ช้อนชา
มะพร้าวทึนทึกขูด ปริมาณตามชอบ (ถ้าจะใส่)
เกลือป่น นิดหน่อยสำหรับคลุกกับมะพร้าว
(สูตรนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการใส่ธัญพืชอื่นๆ เช่น วอลนัทบด ลูกเกด เมล็ดทานตะวัน ฯลฯ หรือเนื้อมะพร้าว ในเนื้อเค้ก ใช้ประมาณ ๑/๒ ถ้วยตวง หรือ น้อยกว่านี้ ตัวอย่างที่เราทำวันนี้ไม่ได้ใส่)
***หมายเหตุ***
๑. กะทิ ใช้นมสดหรือนมเปรี้ยวแทนได้ หากใช้นมเปรี้ยวไม่ต้องใส่น้ำส้มสายชู ขนมที่ใช้กะทิกับนมจะต่างกันที่ความหอม กะทิจะหอมมันกว่า
๒. เนื้อตาลสุก หากไม่มีใช้ฟักทองต้มสุก, มันเทศสีเหลืองหรือสีส้มต้มสุก หรือแครอทต้มสุกบดละเอียดแทนได้ ขนมต่างกันที่กลิ่นหอม เนื้อตาลสุกจะหอมกว่า
๓. หากเนื้อตาลสุกที่ใช้ออกเป็นสีน้ำตาล ถ้าต้องการให้ขนมออกมาเป็นสีเหลือง ให้ลดปริมาณเนื้อตาลสุกลง ๒ ช้อนโต๊ะแล้วใช้ฟักทองสุกบด หรืออื่นๆตามหมายเหตุ ๒ แทน

โพสต์แล้ว:
จันทร์ มี.ค. 21, 2011 9:53 pm
โดย แตง
เครื่องประกอบ (ต่อ)
(ภาพประกอบเนื้อตาลสุก ตอนซื้อใหม่ๆจะสีเหลืองแบบนี้ แต่ถ้าเก็บไว้นานหน่อยจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ภาพสีเหลืองในถ้วยเป็นฟักทองสุกบด)

โพสต์แล้ว:
จันทร์ มี.ค. 21, 2011 9:56 pm
โดย แตง
วิธีทำ:-
ผสมแป้ง, ผงฟู, เบกกิ้งโซดา, เกลือป่น ร่อนสัก ๑ หรือ ๒ ครั้งก็ได้ แล้วพักไว้
เทน้ำส้มสายชูใส่กะทิ คนให้เข้ากันพักไว้
ตวงน้ำตาลใส่ชาม ตอกไข่ใส่ลงไป ตีให้เข้ากัน
ใส่น้ำมันพืชลงไป

โพสต์แล้ว:
จันทร์ มี.ค. 21, 2011 9:57 pm
โดย แตง
ตีต่อให้เข้ากัน ใส่แป้งและกะทิที่เตรียมไว้ลงไป
คนให้เข้ากันใส่เนื้อตาลสุก (หรืออื่นๆที่ใช้แทน) ลงไป
ภาพล่างซ้ายเป็นฟักทองสุกบด
คนให้เข้ากันดีใช้ได้
(ใส่เนื้อตาลสุกก่อนใส่แป้งและกะทิก็ได้)

โพสต์แล้ว:
จันทร์ มี.ค. 21, 2011 9:59 pm
โดย แตง
ตักใส่ภาชนะที่จะนึ่งหรืออบ เลือกใช้ตามชอบ เราใส่ถ้วยกระดาษรองด้วยฟอร์ย โรยหน้าด้วยมะพร้าวทึนทึกคลุกผสมเกลือป่นนิดหน่อย ไม่โรยหน้าด้วยมะพร้าวก็ได้ แล้วแต่ชอบ
นึ่งน้ำเดือดไฟแรง ๑๐ นาที หากใครอบ ใช้ไฟ ๓๕๐ ฟาเรนไฮต์ ๑๕ นาทีหรือจนสุก หากเทใส่ถาดใหญ่ก็ใช้เวลานานกว่านี้
สุกแล้วเอาออกวางบนตะแกรง ถ้ารองฟอร์ยไว้เอาออกจากฟอร์ยด้วยจะได้ไม่ทำให้ด้านล่างแฉะ