
<span style='color:purple'>ละครเรื่อง 1 Litre of Tears สร้างขึ้นมาจาก ไดอารี่ 1 Litre of Tears
ที่คิโตะ อายะ เด็กผู้หญิงที่ต่อสู้กับโรคร้ายมาตลอดได้บันทึกไว้ เป็นหนังสือที่เอาไดอารี่ของเธอทั้ง 46 เล่ม
มาสรุปและพิมพ์จำหน่ายในชื่อ 1 Litre of Tears ที่ทำให้ทุกคนประทับใจและจำหน่ายได้ถึง 1.2 ล้านเล่ม
และหลังจากที่ละครเรื่องนี้ฉายเป็นละครแล้ว ยอดจำหน่ายได้เพิ่มขึ้นถึง 1.8 ล้านเล่ม ตอนสิ้นปี 2548
และไดอารี่ 1 Litre of Tears นี้ยังได้สรุปบันทึกที่ คิโตะ ชิโอกะ แม่ของอายะ เขียนเอาไว้ในเรื่อง "อุปสรรคของชีวิต"
รวมอยู่ในไดอารี่ 1 Litre of Tears นี้ด้วย และวันที่ 23 พฤษภาคม 1988 อายะทิ้งความประทับใจเอาไว้ในโลกนี้ และเดินทางสู่สรวงสรรค์
รวมอายุได้ 25 ปี ละครเรื่อง 1 Litre of Tears นี้ เป็นละครชีวิตที่ให้กำลังใจกับคนญี่ปุ่นสมัยนี้
โดยในละครเรื่องนี้ ได้แทนนามสกุลจริง คิโตะ เป็น นามสกุล อิเคอูจิ</span>
<span style='color:red'>
" ฉันมีชีวิตต่อเพื่ออะไรกันนะ "</span> นี่คือ ประโยคหนึ่งจาก ไดอารี่ 46 เล่ม
ที่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งเขียนไว้ตลอดระยะเวลาที่ต่อสู้กับโรคร้ายที่ไม่มีทางรักษานี้
คิโต อายะ เกิดปี 1962 เป็นโรคที่ชื่อว่า <span style='color:red'>Spinocerebellar Degeneration</span> ซึ่งไม่ทราบสาเหตุุที่แน่ชัด ในตอนอายุ 14 ปี เป็นโรคที่รักษาได้ยาก อาการของโรคจะทำให้สมองส่วนการรับรู้ จะยังทำงานเป็นปกติ
แต่จะค่อยๆเสื่อมลง และควบคุมร่างกายไม่ได้ไปทีละอย่าง
ซึ่งไดอารี่ทั้ง 46 เล่มนี้ ก็คือบันทึกการต่อสู้กับโรคตั้งแต่เริ่มมีอาการ
จนถึงตอนที่อายะไม่สามารถ ควบคุมแขนของตัวเองให้เขียนได้
เสมือนเป็นเสียงตะโกนที่ร้องขอการมีชีวิตอยู่ต่อ จากส่วนลึกของหัวใจเธอ
<span style='color:red'>" ร้องไห้เสียน้ำตาไปหนึ่งลิตร "</span> เป็นอีก คำพูดหนึ่งที่ คิโตะ อายะ ได้พูดกับเพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลาย
ตอนที่จะลาออกจากโรงเรียนไปอยู่ที่โรงเรียนคนพิการ เนื่องจากไม่อยากทำให้เพื่อนทุกคน ในห้องต้องลำบากใจ
เพราะเพื่อนๆในห้องส่วนใหญ่กลัวจะเรียนไม่ทัน จะสอบต่อมหาวิทยาลัยไม่ได้ เพราะอาจารย์ต้องสอนช้าลง
เพื่อให้ อายะ สามารถจดตามได้ทัน เนื่องจากเมื่ออายะ เป็นโรคนี้แล้ว
ช่วงแรกก็ยังพอเดินได้ปกติ แต่หลังจากนั้นก็เดินได้ยากขึ้น จนในที่สุดเวลาจะเดินต้องนั่งรถเข็น
และเวลาเขียนก็ไม่สามารถเขียนได้เร็วเท่าคนปกติ โดยที่จริงๆแล้ว อายะ ไม่อยากจะไปที่โรงเรียนคนพิการ
แต่อยากจะอยู่ที่โรงเรียนกับเพื่อนๆ แต่ก็ไม่อยากให้เพื่อนต้องลำบากเพราะตนเอง จึงได้ตัดสินใจลาออก
โดยที่เธอได้บอกกับเพื่อนๆว่า กว่าเธอจะตัดสินลาออกได้ ต้องนอนร้องไห้เสียน้ำตาไปหนึ่งลิตร
<span style='color:purple'>โรค Spinocerebellar Degeneration คือ โรคที่ยังไม่สามารถรักษาได้
อาการของโรคจะทำให้สมองส่วนการรับรู้ จะยังทำงานเป็นปกติ แต่จะค่อยๆเสื่อมลง
และควบคุมร่างกายไม่ได้ไปทีละอย่าง ผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้แต่ละคนจะแตกต่างกันไป
บางคนเมื่อเริ่มเป็นโรคนี้อาการจะค่อยๆเป็นหนักขึ้นอย่างช้าๆ
แต่สำหรับบางคนอาการของโรคทรุดหนักลงอย่างรวดเร็ว โดยเริ่มทำให้ ขาเดินได้ลำบาก จนต่อมาจะเดินไม่ได้
แขนและมือที่เคยจับเขียนได้ ก็จะค่อยๆจับและเขียนลำบาก จนสุดท้ายก็จะเขียนไม่ได้
การรับประทานอาหารก็จะลำบากขึ้นและจะสำลักบ่อยครั้ง บางคนอาจถึงตายได้เนื่องจากอาหารติดคอ
ผู้ป่วยจะต้องมีคนดูแลอย่างใกล้ชิดอยู่เสมอ เพราะยิ่งอาการหนักขึ้นเท่าไหร่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้เองมากขึ้นเท่านั้น
เป็นโรคที่ยังไม่ทราบสาเหตุุที่แน่ชัดว่าเกิดจากอะไร และยังไม่สามารถรักษาจนถึงปัจจุบัน ทำได้เพียงพยายามชะลอให้อาการทรุดหนักช้าลง เท่านั้น</span>
<a href='http://www.megavideo.com/?v=20QC63A0' target='_blank'>1</a>
<a href='http://www.megavideo.com/?v=37VPE2TZ' target='_blank'>2</a>
<a href='http://www.megavideo.com/?v=XX3IGZPC' target='_blank'>3</a>
<a href='http://www.megavideo.com/?v=1UI2M6P4' target='_blank'>4</a>