เห็น<span style='color:red'>แม่ตุ๊</span>บ่นว่าเหงา เลยมาตั้งกระทู้เป็นเพื่อน แต่ยังไม่มีเวลาเขียนแนะนำตัวในหน้าหลัก ติดเอาไว้ก่อนนะ...
<span style='color:red'>คุณรส...น้องโม...น้องเมียว...น้องปิ๊ก...และเพื่อนๆอีกหลายท่านที่ยังไม่โผล่</span> ยายหนูขอเชิญชวนให้ตั้งกระทู้เป็นของตัวเองแบบนี้นะ ว่างๆจะแวะไปเยี่ยม....
เดือนนี้
จะพยายามโลวคาร์บ โดยไม่นับแคลอรี่ เนื่องจากฝึกจนติดเป็นนิสัยแล้ว ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร
จะพยายามออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
จะพยายามไม่ให้ตัวขี้เกียจมาเกาะอีก เพราะถ้าปล่อยให้มันมาเกาะเมื่อไร มันยาววววว สะบัดไม่อยากจะหลุด....
มาดูประวัติอันยืดยาว
เมื่อตอนอายุ16 น้ำหนัก 62กิโล เป็นคนที่ตัวสูงใหญ่กว่าเด็กคนอื่นๆที่อยู่ในวัยเดียวกัน
หลังจากคลอดลูกคนที่สาม ผอมสุด 53กิโล ไม่เคยอ้วนหลังคลอด เพราะทำงานหนัก ต้องสาวน้ำขึ้นจากบ่อบาดาน และหาบไปให้ตามบ้านที่เขาสั่งในราคาหาบละ 25-50สตางค์ แล้วแต่ระยะทางใกล้-ไกล
หอบน้ำหนัก 62กิโล จากเมืองไทยมุ่งสู่ขั้วโลกเหนือ หลังจากนั้นก็เกิดดอกออกผลงอกงามเพิ่มขึ้นเงินทุกปี จนถึง 85กิโล แล้วก็ยุบลงเองหลังจากเหนื่อยงานหนัก...
เริ่มลดความอ้วนอย่างจริงจังตอนอายุ 47ปี ด้วยการประกาศกับเพื่อนๆให้รับรู้ ซึ่งเป็นการสร้างแรงผลักดันให้กับตัวเอง เพราะพูดไปแล้วถ้าทำไม่ได้ก็ต้องอาย...
วันที่ 16 มีนา 2007 เป็นวันเริ่มต้น ด้วยน้ำหนัก 80กิโล สูง 165 แต่ใบบัตรประชาชนไทย 167ซม. แก่แล้วเตี้ยลงมั้ง..
โดยได้รับการแนะนำจากติ๊กาและพี่ต่ายในเรื่องของการออกกำลังกายด้วยการเดินเร็วบนเทรดมิลและลดปริมาณอาหารลงโดยทานวันละ 3มื้อ เดือนแรก ลดไป 1กิโล เป็นการอุ่นเครื่อง...อิอิ
เข้าเดือนที่สอง พี่ต่ายแนะนำซีดีของลุงกีหลาด(กิ๊กประจำใจ)ทำตาม 6วัน/สัปดาห์ ช่วงนี้ได้ไปอ่านเจอเรื่องการทานอาหารให้เพียงพอต่อร่างกายด้วยการนับแคลอรี่และการหาค่าของ BMR เริ่มเห็นผลมากขึ้น...
เนื่องจากหน้าที่การงานที่ไม่ค่อยได้เดินไปไหน ยุ่งก็จริงแต่เป็นการเดินแค่2-3ก้าว เคลื่อนไหวแค่ช่วงบน ซึ่งไม่ได้ช่วยในเรื่องของการเผาผลาญเท่าไรนัก เดือนที่สาม จึงต้องเพิ่มการออกกำลังกายด้วยการเดินเช้า-เย็น และทำตามซีดีในช่วงกลางวัน น้ำหนัก
ลดลงดีมาก 3เดือน หายไป 5กิโล พอเดือนที่ 4-5-6 และ7 น้ำหนัก เริ่มลงบ้าง ไม่ลงบ้าง เหมือนลูกคลื่น นิ่งเลยก็มี และแล้วมันก็ลดลงได้ ถึง10กิโล เอวจาก 36 เหลือ 31นิ้ว...
70กิโล เป้าหมายที่ 60 หนทางยังอีกยาวไกล เหนื่อยซะแล้ว รู้สึกว่ามันยิ่งลดก็ยิ่งดูเหมือนจะยากมากยิ่งขึ้น เหมือนร่างกายมันปรับตัวให้ชิน อ่านพบว่า เมื่อเราลดลงได้ระยะหนึ่ง แล้วหนักคงที่ ให้หยุดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายหรืออาหาร ก้ทำตามน้ำหนักจึงเพิ่มขึ้นมา 1-2กิโล หลังจากนั้นก็ก้าวไปข้างหน้าอีกครั้ง โดยเปลี่ยนเส้นทางการออกกำลังกายด้วยการเดินเร็วมาเป็นยกน้ำหนัก...
ค้นคว้าหาความรู้ไปเรื่อยเปื่อย จนกระทั่งได้เข้าไปอ่านในเว็ปของนักเพาะกาย และหลงทางอยู่พักหนึ่ง เพราะจริงๆแล้วอย่างยายหนูต้องเดินตามพวกที่เล่นกล้ามแบบฟิตเนส หรือที่คนในเมืองไทยเรียกว่าฝึกเวทอย่างนายแบบ ซึ่งเราต้องทำควบคู่กันทั้งสองอย่างทั้งคาร์ดิโอและเวทเทรนนิ่ง แต่ในกลุ่มของนักเพาะกายเขาบอกว่าไม่ต้องทำคาร์ดิโอเพราะจะทำลายกล้ามเนื้อ ก็เลยฝึกแต่เวทอย่างเดียว 3-4เดือนนี้ฝึกบ้าง ไม่ฝึกบ้าง ด้วยหลายสาเหตุุุุุุุุุุุุุุ ส่วนอาหารยังคงทานเท่าเดิม ช่วงนี้น้ำหนักเพิ่มขึ้นมานิดหน่อยเหวี่ยงอยู่ที่70-71 ทีแรกก็ใจไม่ดีเหมือนกัน คิดว่าอ้วนขึ้นเนื่องจากไม่ได้คาร์ดิโอ แต่หลังจากถ่ายรูปแผ่นหลัง ก็ถึงกับกรี๊ด เมื่อเห็นกล้ามเนื้อบนแผ่นหลังเป็นเงาๆ ความมุมานะจึงเริ่มกลับมาอีกครั้ง เมื่อไปเจอซีดีของบีชบอดี้ชุด P90x และฝึกอยู่เดือนกว่าๆ น้ำหนักเพิ่มขึ้นเป็น 72.2กิโล ล่าสุดก็ได้กล้ามอย่างที่เพื่อนๆเห็นในวิดีโอ โดยปล่อยให้ฝุ่นเกาะเครื่องเทรดมิล และอิลิปติคอลซะเกรอะไปเลย...
คิดว่ากล้ามเนื้อแค่นี้น่าจะพอแล้ว และมันจะดูชัดขึ้นถ้าได้รีดไขมันออกไปอีก ซึ่งยังเกาะหนาตามแผ่นหลังและอีกก้อนใหญ่ที่หน้าท้อง ช่วงนี้จึงอยากจะโลวคาร์บและโลวไขมันให้มากเท่าที่จะทำได้ เน้นคาร์ดิโอสัปดาห์ละ 6วัน วันละ 30-60นาที แบ่งทำ 2ช่วงเช้า-เย็น ส่วนการฝึกเวทจะฝึกตามปรกติที่เครื่องแบบทั่วร่าง วันเว้นวัน...