โดย หนูป้อม » อาทิตย์ ก.ย. 26, 2010 3:46 pm
วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัข บ้า (Rabies vaccine) ที่มีจำหน่ายในประเทศไทยแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม1-3 คือ
1.วัคซีนเซลล์เพาะเลี้ยง ซึ่งได้แก่
§Purified Vero cell rabies vaccine (PVRV) ชื่อการค้าคือ TRCS-VERORAB
§Human diploid cell rabies vaccine (HDCV)
§Purified chick embryo cell culture rabies vaccine (PCEC)
2. วัคซีนไข่เป็ดฟักชนิดบริสุทธิ์ คือ Purified Duck Embyro Cell Rabies Vaccine (PDRV)
ปัจจุบันองค์การอนามัยโลกแนะนำให้ใช้สูตรการฉีดวัคซีนในผู้ป่วย ภายหลังสัมผัสโรคพิษสุนัขบ้าเพียง 4 สูตร3 คือ
1.การฉีดเข้ากล้ามเนื้อแบบวิธีมาตรฐาน: การให้วัคซีนเซลล์เพาะเลี้ยงหรือวัคซีนไข่เป็ดฟักชนิดบริสุทธิ์ 1 หลอด ฉีดเข้ากล้ามเนื้อหัวไหล่และบริเวณต้นขาในผู้ใหญ่และเด็ก ตามลำดับ ฉีดในวันที่ 0, 3, 7, 14 และวันที่ 28 หรือ 30
2.การฉีดเข้ากล้ามเนื้อแบบ 2-1-1: การให้วัคซีนเซลล์เพาะเลี้ยงหรือวัคซีนไข่เป็ดฟักชนิดบริสุทธิ์ 2 หลอดในวันที่ 0 ฉีดเข้ากล้ามเนื้อหัวไหล่ 2 ข้างๆ ละ 1 หลอด และให้อีก 1 หลอดในวันที่ 7 และ 21 หรือ 28
3.การฉีดเข้าในผิวหนังแบบสภากาชาดไทย 2-2-2-0-1-1: การให้วัคซีนเซลล์เพาะเลี้ยงหรือวัคซีนไข่เป็ดฟักชนิดบริสุทธิ์ ฉีดเข้าในผิวหนังโดยใช้ปริมาณ 0.1 ซีซี จำนวน 2 จุด ในวันที่ 0, 3 และ 7 และฉีด 1 จุด ในวันที่ 28หรือ 30 และวันที่ 90
4.การฉีดเข้าในผิวหนังแบบหลายจุด: โดยการใช้วัคซีนขนาด 0.1 ซีซี ของวัคซีน HDCV และ PCEC ฉีดเข้าใน ผิวหนังบริเวณหัวไหล่ ต้นขา สะบักด้านหลังทั้งสองข้าง และบริเวณหน้าท้องด้านล่างสองข้าง (ทั้งหมด 8 จุด)ในวันที่ 0 ฉีดขนาดเดียวกันบริเวณหัวไหล่ ต้นขา (ทั้งหมด 4 จุด) ในวันที่ 7 และฉีดในวันที่ 30 และ 90 ครั้งละ 1 จุดบริเวณหัวไหล และสูตรนี้ไม่สามารถทำให้เกิดภูมิคุ้มกันโรคได้ในช่วงสัปดาห์แร ก ผู้ป่วยจึงจำเป็นต้องได้รับ Raabies Immune globulin (RIG) ร่วมด้วยเสมอ
การฉีดวัคซีนแบบ 5 เข็ม กรณีฉีดเข้าทางกล้ามเนื้อแบบวิธีมาตรฐานตามที่องค์การอนามัยโลก แนะนำ ในวันที่ 0, 3, 7, 14 และ 28 หรือ 30 เป็นวิธีการฉีดป้องกันโรคภายหลังสัมผัสโรคพิษสุนัขบ้า (Post-exposure vaccination) สำหรับผู้ที่มีภูมิคุ้มกันปรกติ เมื่อพิจารณาจากจำนวนเข็มที่ผู้ป่วยฉีดไปแล้ว 2 เข็ม ซึ่งน่าจะกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกายของผู้ป่วยได้แล้ว และเนื่องจากมีการศึกษาพบว่าการฉีดวิธีนี้จะกระตุ้นให้ร่างกายส ร้างภูมิคุ้มกันในการป้องกันโรคเกิดขึ้นได้ดี ผู้ป่วยทุกคนจะมีภูมิคุ้มกันตรวจพบได้ตั้งแต่วันที่ 10 – 14 และพบว่า rabies neutralizing antibody (Nab titer) จะขึ้นสูงมากกว่า 0.5 IU/ml ในวันที่ 14 ของการฉีด ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่เพียงพอในการป้องกันโรค และวัคซีนที่ให้ในวันที่ 21 หรือ หลังจากนั้น จะทำให้ภูมิคุ้มกันอยู่ได้นานขึ้น แต่ไม่แนะนำให้เปลี่ยนชนิดของวัคซีนหรือวิธีการฉีดวัคซีนป้องกั นโรคพิษสุนัขบ้าในกรณีที่ผู้ป่วยได้รับการรักษาจากที่อื่นมาก่อ น ยกเว้นในกรณีที่ใช้วิธีการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ วัคซีนทุกชนิดสามารถทดแทนกันได้ 3
ดังนั้น จะสามารถเปลี่ยนมาใช้ VerorabÒ แทน PCEC ได้ถ้าหากเข็มที่ผ่านมาฉีดเข้าทางกล้ามเนื้อ แต่จะไม่แนะนำให้เปลี่ยนวิธีการฉีดและชนิดของวัคซีนหากเข็มที่ผ่านมาใช้วิธีฉีดเข้าในผิวหนัง เนื่องจากยังไม่มีการศึกษาด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัย
เอกสารอ้างอิง
1.แนวทางการฉีดวัคซีนในผู้ใหญ่สำหรับประชาชน [monograph on the Internet]. ราช วิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย สมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย สมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทย สมาคมโรคภูมแพ้และอิมมูโนวิทยา และสมาคมโรคระบบทางเดินอาหารแห่งประเทศไทย. [place unknown: publisher unknown]; c2006 [date unknown; cited 2006 Dec 5]. Available from: <a href='http://www.rcpt.org/guidelines/22-vaccineprogram.pdf' target='_blank'>http://www.rcpt.org/guidelines/22-vaccineprogram.pdf</a>.
2.ดุสิต สถาวร. คู่มือวัคซีน 2006 สมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย. ใน: เกรียงศักดิ์ ลิมป์กิตติกุล, พรเทพ จันทวานิช, บรรณาธิการ. วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า (rabies vaccine). พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: ธนาเพรส, 2549: 115-22.
3.วรศักดิ์ โชติเลอศักดิ์. วัคซีนและโรคติดเชื้อที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน. ใน: ธีรพงษ์& ตัณฑวิเชียร, บรรณาธิการ. วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า. กรุงเทพฯ: ธนาเพรส, 2548: 171-89.
ที่มาhttp://webcache.googleusercontent.com
<img src='http://images.lovelovekitty.multiply.com/image/oRDcKeSOhJP29Y7O0WLamA/photos/1M/300x300/2163/dMy-DocumentsMy-PicturesMiscL8066944-0.jpg?et=86rooCd76XJH4ZwkffO8Qw&nmid=0&nmid=340064964' border='0' alt='user posted image' />