ครัวไกลบ้านได้ทำการปรังปรุงเวบไซต์ให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นในระบบสมาร์ทโฟน และได้รวมข้อมูลเมนูอาหารและ สมาชิกจากทั้งเวบไซต์เก่าและใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว

สมาชิกท่านไหนมีปัญหาไม่สามารถล็อกอินได้ ให้ทำการเปลี่ยนพาสเวิร์ดโดยคลิ๊กลิ้งค์นี้ ลืมรหัสผ่าน
ถ้าท่านใดมีชื่อสมาชิกมากกว่าหนึ่งชื่อแล้วต้องการรวมโพสทั้งหมดให้อยู่ในชื่อสมาชิกเดียว หรือมีปัญหาในการใช้เวบไซต์
สามารถส่งอีเมล์แจ้งรายละเอียดมาได้ที่ admin@kruaklaibaan.com หรือส่งข้อความได้ที่ user: sillyfooks

ถ้าชอบครัวไกลบ้าน อย่าลืมคลิ๊กไลค์เฟสบุ๊คให้ครัวไกลบ้านด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

หญิงแกร่งแห่งอลาสก้าใกล้ถึงตอนอวสาน

อยากคุย อยากเล่า อยากบ่น เรื่องสุข เรื่องทุกข์ เรื่องสารพันปัญหา เชิญคุยกันได้ตามสบายที่ห้องนี้ค่ะ

โพสต์โดย dorma » อังคาร ส.ค. 07, 2007 9:16 am

Dear Phee Yai noo,

Actually, I would not like you to sell the store because you have built up this store by your hand. But in the otherside which I agree with you is healthy is the most for both of you now. You have been worked hard for long time without taking care of health, then healthy must be the most important for both of you now. So, if you really want to sell, let's make the profit from your selling price.

Wish you have a better way of this situation.

Take care both of you!
ภาพประจำตัวสมาชิก
dorma
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 4
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ม.ค. 07, 2007 8:58 am

โพสต์โดย หมูแดง » อังคาร ส.ค. 07, 2007 8:19 pm

ไม่อยากเห็นจุดจบของร้านนี้เป็นการขายให้คนอื่นเลยละยายหนู อยากให้ทำต่อ แต่ทำน้อยลง กำหนดเวลาให้แน่นอนว่าจะขายกี่โมง ถึงกี่โมง กลางวัน ๒ ชั่วโมง เย็น ๔-๕ ชั่วโมง แค่นี้พอมั้ย ในอาทิตย์หนึ่งหยุดกี่วัน ว่ากันไปให้เป็นระบบ จะได้เหนื่อยน้อยหน่อย

ใน ๑ ปี กำหนดไว้เลยว่าอยากหยุดนานแค่ไหน ๑ เดือนมั้ย กลับเมืองไทย หน้าหนาวก็ได้ ไปเอาแรง ไปหาความสุข แล้วกลับมาทำงานใหม่ เป็นเจ้าของกิจการเอง ดีกว่าเป็นลูกจ้างเขานะ หมูแดงว่า
<div align="center"><img src='http://i27.photobucket.com/albums/c166/Moodaeng/Web%20Icon/ICON054.gif' border='0' alt='user posted image' /><span style='color:#CC66CC'> น้ำใจใสพิสุทธิ์ แด่เพื่อนมนุษย์ร่วมโลก เอาความรักกลบความทุกข์โศก เพื่อโลกนี้สดใส ขอเชิญชวนเพื่อนพ้อง เปลี่ยนทำนองเสียงร้องไห้ เป็นเสียงเพลงบรรเลงน้ำใจ แบ่งปันความรักให้ซึ่งกันและกัน</span><br><font size=3 color=#FF0059><b>บริการโอนเงินกลับประเทศไทย ในอัตราค่าบริการเพียงร้อยละ ๓ บาท รับได้ทุกสกุลเงินทั่วโลก ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน สนใจใช้บริการ <a href="http://www.kruaklaibaan.com/forum/index.php?showtopic=43345">ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ</a></font><br><font size=3 color=#339900>ติดต่อด่วนโทรมาได้ตลอดเวลานะคะ ๐๘๙-๕๓๓๑๙๕๔ ยินดีให้บริการค่ะ</font></b></div>
ภาพประจำตัวสมาชิก
หมูแดง
แม่ไข่คาร์เวียร์
 
โพสต์: 6836
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ธ.ค. 24, 2005 11:24 am
ที่อยู่: England

โพสต์โดย ยายหนู » พุธ ส.ค. 08, 2007 8:10 am

ทั้งเดือนนี้คิดหนักมาก หลายเรื่อง จะขายตามเมนูก็ต้องจ้างพนักงานเพิ่มกำไรก็ไม่อยู่กับพนักงานหมด แถมเราเองก็ต้องเหนื่อยมากกว่าทำบัฟเฟ่ จะขายก็เสียดาย สร้างมากับมืออย่างเพื่อนๆว่า และแปลนก็ยังไม่จบแค่นี้ ยังมีป้ายริมทางไฮเวย์เป็นหลังคาทรงไทยและตัวอักษร ไม้สัก ซึ่งสั่งทำมาจากเมืองไทย ไม้ฉลุน้ำย้อยจะเอามาตีชายระหว่างเพดานกับข้างฝา(บัว) และศาลพระภูมิซึ่งเป็นเรือนไทย ทีแรกกะว่าจะทำกันเองในวันอาทิตย์ ตอนนี้เปลี่ยนใจจ้างช่างมาทำดีกว่า

รูปภาพ

อยากจะทำแบบ ให้ตักกันเองแบบจานเดียวจบ เครื่องดื่มขายต่างหาก ของหวานไม่มี ก็ต้องลดราคาลงมาอีกเพราะถ้าขายราคานี้ (11.69)ดูจะแพงเกินไป แต่ถ้าคิดถึงว่าเมืองนี้อยู่ไกลจากเมืองใหญ่ถึง 300ไมล์ ไม่น่าจะว่าแพง เพราะที่เมืองใหญ่ก็ขายราคานี้

แปลนเรื่องการพักผ่อน คิดว่าจะหยุดปลายปีหรือต้นปีซึ่งเป็นฤดูหนาวหนีไปเมืองไทยสัก 2อาทิตย์หรือ 1เดือน เพราะถึงเราไม่ได้ขายแต่ก็ต้องเสียค่าเช่าร้าน ค่าเช่าบ้านค่าฮิทเตอร์ที่ต้องเปิดทิ้งไว้และค่าประกันค่าขยะ นั่นคือรายจ่ายซึ่งไม่มีรายรับในเดือนนั้น

การขายแบบบัฟเฟ่ต้องขายตลอดม้วนเดียวจบ จะแบ่งกลางวันกับเย็นไม่ได้เพราะอาหารเราต้องมีเหลือคาถาดอยู่ ปิดแล้วก็ต้องเก็บล้าง ต้องหั่นของเตรียมไว้ตอนเย็น ซึ่งมีค่าเท่ากันถ้าเราเปิดขายตลอดกลางวันยันเย็น เก็บล้างทีเดียว ถ้าขายตามเมนูสามารถทำแบบนั้นได้ แต่ถ้าต้องทำเองทั้งหมดคนเดียวก็มีค่าเท่ากันอีก เพราะไม่ปรุงอาหารก็ต้องหั่นของ ถ้าได้ผู้ช่วยยังพอปัดหน้าที่นั้นให้เขาทำแล้วเราก็พัก....

จะอย่างไรก็ตาม ยายหนูจะพยายามหาวิธีที่คิดว่าดีที่สุด เพราะร้านนี้เปรียบเสมือนอนาคตของลูกๆหลานๆ สิ่งที่จะต้องทำตอนนี้ก็คือ
1 สอบเอาใบขับขี่ เพราะเวลาของขาดเราจะได้ออกไปซื้อเองได้ แยกออกจากกันซะบ้าง ซึ่งพรุ่งนี้เขานัดบ่าย 3โมงครึ่ง ไม่น่าจะหนักใจเพราะขับคล่องอยู่แล้ว
2 สมัครสอบซิติเซ่นไปแล้ว ตอนนี้ก็ต้องเครียดกับการอ่านข้อสอบ ซึ่งหาเวลาไม่ค่อยจะได้ แถมภาษาก็เก่งซะเหลือเกิน สงสัยจะต้องขอคะแนนเมตตาจากกรรมการ ตรงนี้น่ะหนักใจมากๆ เกรงว่าจะไม่ผ่าน
ขณะนี้กำลังคิดว่าจะให้ลูกชายคนโตยื่นขอวีซ่ามาเที่ยวถ้าได้มาก็จะเบาแรง แต่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นตรงไหนก่อน มันมึน....
ภาพประจำตัวสมาชิก
ยายหนู
แม่ไข่นกกระทา พ่อไข่จะละเม็ด
 
โพสต์: 2789
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.พ. 15, 2006 11:54 pm

โพสต์โดย Moei » พุธ ส.ค. 08, 2007 4:13 pm

ขอมาเป็นกำลังใจให้ด้วยคนค่ะ ขอให้เหตุการณ์ทุกๆอย่างผ่านไปได้ด้วยดีค่ะ ไม่อยากเห็นร้านต้องปิดเลย
<br><a href="http://lilypie.com/"><img src="http://lbyf.lilypie.com/hbrNm5.png" width="400" height="80" border="0" alt="Lilypie Kids Birthday tickers" /></a>
ภาพประจำตัวสมาชิก
Moei
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 113
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ย. 13, 2006 3:42 pm
ที่อยู่: Columbus OH USA

โพสต์โดย ยายหนู » เสาร์ ส.ค. 25, 2007 8:49 am

การแก้ปัญหาต่างๆ ต้องใช้สมาธิ ต้องแก้ให้ตรงจุด เล่นเอายายหนูสมองแทบระเบิดเหมือนกัน แต่การแก้ปัญญาต่างๆโดยการใช้สมาธิ ไม่ฟุ้งซ่าน และต้องแก้ให้ตรงจุดนี้ ก็จะทำให้ปัญหานั้นๆคลี่คลายออกได้ด้วยดี ปัญหาทุกอย่างมีทางออกเสมอ...

ตอนแรกที่คิดจะขายเพราะเห็นว่าร้านอาหารที่นี่เขาเซ้งต่อได้ราคาดี ช่วงฤดูใบไม้ร่วงธุรกิจที่นี่จะเงียบ(แต่ร้านเรายอดขายไม่ตก) ร้านค้าหลายๆแห่งรวมไปถึงร้านอาหารบางร้านก็จะปิดป้ายขาย ไม่กี่เดือนพอย่างเข้าฤดูร้อนก็มีคนมาเปิดใหม่ ทำเลก็ไม่ค่อยจะสวยเท่าไรนัก แต่ก็ยังมีคนมาซื้อ ร้านเราของใหม่ทั้งหมด ร้านก็แต่งสวย กว้างขวาง ทำเลก็ดี ที่จอดรถทั้งด้านหน้าและด้านหลัง แถมอาหารไทยเราก็ยังทำชื่อเสียงเอาไว้แล้วเฉลี่ยลูกค้าเข้าร้านไม่ต่ำกว่า 100 รายต่อวันสำหรับเมืองเล็กๆเรียกว่าดีเลยแหละ ถ้าบอกขายต้องได้ราคาดีแน่นอน และนั่นก็หมายความว่า เราต้องได้กำไรจากการขายนี้ก้อนหนึ่ง หยุดเที่ยวพักผ่อนใช้เงินให้หมด เอ้ย..ไม่ไช่ ให้ร่างกายดีขึ้นแล้วค่อยหาทำเลใหม่ .....แต่นั่นไม่ไช่เรื่องง่ายๆ และต้องใช้เวลานาน กว่าจะหาทำเลใหม่ได้ กว่าจะสร้างชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จักของคนในพื้นที่นั้น ถ้าโชคดีได้ทำเลดีและเขามีเครื่องครัวพร้อมอยู่แล้ว แต่ถ้าทำเลดีแต่ต้องมาติดตั้งเครื่องครัวเอง ทุนอาจจะไม่พอ เพราะค่าของและค่าแรงนับวันก็จะแพงขึ้น....

เอาอย่างนี้ดีกว่า มาหาทางแก้ปัญหาให้ตรงจุด หาสาเหตุุุุุุว่ามันมาจากอะไร...

มันเริ่มที่เราหาคนช่วยไม่ได้ เลยต้องทำบัฟเฟ่กำไรได้น้อย เหนื่อย ท้อ กำไรที่ได้ไม่คุ้มค่าเหนื่อย เลยต้องการจะขาย ก็ต้องคิดแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อนที่ละขั้นตอน

ก่อนอื่นก็เขียนป้าย
1 ใครกินเหลือคิดเงิน (วันหนึ่งเศษอาหารเหลือประมาณ 30-40พาวด์)
2 สำหรับเท็กเอ้าท์ ต้องชั่ง
3 ตัดปอเปี๊ยะทอดออก เพราะเปลืองเป็นของกินเล่น กินข้าวอื่มแล้วก็ยังนั่งกินได้อีก ซอสก็เหลือครึ่งค่อนถ้วย และที่สำคัญใช้เวลามากทั้งห่อและเคี่ยวซอส

เริ่ม 3อย่างนี้ได้เพียงสองอาทิตย์เห็นผลทันที เศษอาหารเหลือวันละไม่ถึง 10พาวด์ ต่อไปจะตัดเครื่องดื่มฟรีออก จะเอาตู้หยอดเหรียญมาตั้งแทน แต่ขายถูกๆ

ที่นี้ก็มาถึงปัญหาผู้ช่วย ลองลงประกาศใหม่ทั่วทุกเมือง ทั้งเมืองที่เราอยู่ เมืองติดกัน เมืองถัดไป เมืองใหญ่ และในหนังสือพิมพ์ไทยในแอลเอ ว่าต้องการผู้ช่วยในครัวและ คนล้างจาน ปรากฏว่ามีคนติดต่อกลับมาจากเมืองไทย ได้วีซ่าท่องเที่ยว มีใบรับรองการทำงาน ต้องการค่าแรง 2000 เหรียญต่อเดือนและที่พักพร้อม... โอ้ย..จะเป็นลม

สองอาทิตย์มีแต่คนในเมืองเข้ามาสมัครล้างจาน เป็นนักเรียนแต่อยู่ดึกไม่ได้ เอสกีโมอ้วนมากๆท่าทางจะไม่ไหว ฝรั่งอายุราวๆ40 สูงยาวแต่เข่าไม่ดีเพราะถูกตัดใส่ขาเทียมบอกว่าเคยทำงานล้างจานมาก่อน เลยสงสารรับเอาไว้ และวันถัดมามีหญิงรัสเซียเข้ามาสมัครผู้ช่วยในครัวและล้างจาน แต่ยายหนูไม่ทันเห็น มาเห็นในใบสมัครเธอว่าเคยช่วยงานร้านอาหารไทยมาก่อน เลยรีบโทรเรียกให้มาลองงาน บ้านเธออยู่ติดกันกับเมืองที่ยายหนูอยู่แต่ออกไปนอกเมืองอีก ใช้เวลาขับรถประมาณ 45 นาที ไปกลับก็ชั่วโมงครึ่ง เธอบอกว่าลูกชายคนเล็กติดคุก ตอนนี้เธอถังแตก สงสารอีกแล้วครับท่าน แต่คนนี้ไม่ผิดหวัง เธอทำได้ดีถึงดีมากหั่นของได้เร็วและดี สอนแป๊บเดียวทำได้หมด สวรรค์โปรด....ส่วนฝรั่งขาขาดนั่นพ่อคุณทำงานช้ามาก เหงื่อแตกหยดเป็นน้ำเลย ไม่รู้ร้อนอะไรนักหนา แถมขอแบร็คสูบบุหรี่ทุกชั่วโมง ทำงานได้ 3วันแล้วยังไม่สปีดเลยยายหนูต้องช่วยล้างถาดหลังปิดร้าน ไม่งั้น 4ทุ่มงานไม่เสร็จ ติดทั้งเหล้าและบุหรี่ เฮ้อ..นี่เป็นเพราะสงสารเขาแท้ๆเชียว จะบอกให้แกหยุดก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไง...

2วันแล้วที่ยายหนูได้พักแขน บ้างแต่ก็ต้องมานั่งพิมพ์จดหมายเชิญให้ลูกและแม่มาเที่ยว แก้แล้วแก้อีก บางส่วนก็คัดลอกมาจากหนังสือ แต่อ่านแล้วดูหนักแน่นดี น่าจะผ่าน ตอนนี้ก็รอให้แม่ไปทำหนังสือเดินทาง แล้วส่งรายละเอียดมาให้ ยายหนูจะกรอกใบสมัครเอง เสร็จแล้วก็ปริ้นท์ส่งกลับไปพร้อมกับจดหมายเชิญที่ได้รับการรับรองจากโนตารี่ ใบรับรองเงินในบัญชีจากธนาคาร ใบการค้า และอื่นๆ ถ้าเรื่องผ่านก็จัดการส่งตั๋วเครื่องบินไปให้ เป็นอันว่าโล่งไปส่วนหนึ่ง

คราวนี้ก็มาถึงเรื่องตัวเอง ที่จะต้องดูหนังสือเพื่อสอบซิติเซ่นให้ผ่าน ถ้าผ่านก็จะยื่นขอกรีนการ์ดให้ลูกๆทันที ระหว่างทีรออนุมัติ ก็จะขอวีซ่าท่องเที่ยวให้พวกเขาสลับกันเข้ามาเที่ยว

วาดหวังเอาไว้ว่าน่าจะได้ แต่ก็เตรียมใจเผื่อการผิดหวังเอาไว้แล้ว....
ภาพประจำตัวสมาชิก
ยายหนู
แม่ไข่นกกระทา พ่อไข่จะละเม็ด
 
โพสต์: 2789
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.พ. 15, 2006 11:54 pm

โพสต์โดย Rotjana Geneva » เสาร์ ส.ค. 25, 2007 9:42 am

ดีใจด้วยค่ะ พี่ยายหนูที่มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น

บุญกุศลที่พี่ยายหนูช่วยให้คุณฝรั่งขาเทียมคนนั้นได้มีงานทำ จะโอบอุ้มพี่ยายหนูให้พ้นความยากลำบากโดยเร็วค่ะ

ดีใจด้วยจริง ๆ และจะคอยฟังข่าวต่อนะคะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Rotjana Geneva
แม่ไข่ยัดไส้ พ่อไข่ลูกเขย
 
โพสต์: 658
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ค. 02, 2007 10:35 am
ที่อยู่: เจนีวา สวิตเซอร์แลนด์

โพสต์โดย katai_123 » เสาร์ ส.ค. 25, 2007 10:00 am

***สาธุขอให้แม่ลูกได้มาอยู่ด้วยกันเถอะ****ยายหนูสู้ๆ...ความหวังยังมีสู้ต่อไปนะยายหนู...
katai_123
 

โพสต์โดย pimlapas » เสาร์ ส.ค. 25, 2007 12:42 pm

ดีใจไปกับพีั่ยายหนูด้วยนะคะ ในที่สุดก็ยังมีทางออกได้บ้างถึงจะยังไม่โล่งตลอดนัก แต่ก็พอจะช่วยเป็นทางสว่างให้ได้พัก แขน ขาได้น่ะ อยากสมัครงานที่ร้านยายหนูจัง จะช่วย ๆๆๆ ทุกอย่างเลยค่ะ แต่ว่าระยะทางนี่สินะยายหนู เพราะชอบมากเรื่องทำงานร้านอาหารเนี้ย อยู่นี่ไม่ได้ทำอะไรเลย วัน ๆ ไม่มีประโยชน์เลยค่ะ อยากอยู่ใกล้ ๆ จัง เอาไว้จะไปเที่ยว และไปช่วยขาย สักอาทิตย์สองอาทิตย์น่ะยายหนู ไม่รู้เมื่อไหร่เหมือนกันจ้า
<a href='http://www.freewebs.com/pimlapas/' target='_blank'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>หิวๆเชิญแวะ ร้านน้ำพริก มีบริการส่งความสุขให้ครอบครัวที่เืมืองไทยในทุกเทศกาล และรับฝากซื้อของส่งจากไทยไปทั่วโลก คลิ๊กเลยจ้า</span> </a><img src='http://i131.photobucket.com/albums/p301/pimmybraz/smjk.jpg' border='0' alt='user posted image' />
ภาพประจำตัวสมาชิก
pimlapas
แม่ไข่นกกระทา พ่อไข่จะละเม็ด
 
โพสต์: 3740
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ม.ค. 15, 2006 1:46 pm

โพสต์โดย ยายหนู » เสาร์ ส.ค. 25, 2007 4:05 pm

ขอบคุณสำหรับน้ำใจของเพื่อนๆ

แรกๆก็คิดไม่ออกว่าจะแก้อย่างไร จะไม่ทำบัฟเฟ่ รึก็ไม่ได้ เพราะบางคนตักหลายครั้งก็จริง แต่ครั้งละไม่มากเพราะอยากทานหลายอย่าง ถ้าจะให้ตักแบบครั้งเดียวแล้วจ่าย ก็จะดูยังไงอยู่ จะทำแบบแม่ค้าตักเองก็ดูไม่ค่อยจะสะดวก เพราะพวกเขาจะต้องยืนนึก ก่อนว่าวันนี้จะกินอะไรดี ทำให้ช้า เพราะบางชั่วโมงคนเข้ามาตูม ยังกับว่านัดกันไว้ แย่งกันตัก ยังกับว่าแจกฟรี เห็นแล้วสนุกค่ะ

คิดไปคิดมา ทบทวนข้อดีข้อเสีย ทั้งฝ่ายเราและฝ่ายลูกค้า ก็มาหยุดตรงนี้ที่คิดว่าดีที่สุด ลืมบอกไปว่า เราปรับราคาขึ้นมาอีกนิดหนึ่ง ตอนนี้รวมภาษีแล้วหัวละ 12เหรียญ ปอเปี๊ยะทำอาทิตย์ละ 2ครั้งแล้วแค่ความสะดวกของแม่ครัว ลูกค้าก็เข้าใจและเห็นใจ

บางคนเข้ามาแสดงความเห็นอกเห็นใจจนน้ำตาคลอเบ้าเมื่อยายหนูเล่าให้ฟังถึงการทำงานในแต่ละวันและอาการปวดเส้นที่แขนและเส้นเลือดขอดที่ขา เขียวเต็มไปหมดแต่ได้กำไรไม่คุ้มกับค่าเหนื่อยที่เราสองคนสมควรจะได้

ค่าแรงงานลูกน้องเราก็จ่ายเป็นชั่วโมง ตอนนี้ 2คน หั่นผักคนหนึ่งเข้างานเช้า 9โมงเช้าจนเสร็จ บางวัน 4ชั่วโมง บางวันก็อาจะมากกว่านั้น แล้วแต่ว่าเราขายดีมากน้อยแค่ไหน ล้างจานอีกคนหนึ่งเข้างาน 6โมงเย็นถึง 4ทุ่ม ถ้าขายดีก็อาจจะเสร็จประมาณ 5ทุ่ม วันไหนขายไม่ดีเราก็โทรไปบอกคนล้างจานว่าวันนี้ทำแค่ 2-3ชั่วโมงเท่านั้นหรือไม่ต้องมา เราไม่ค่อยยุ่งก็เก็บล้างไป ส่วนถูพื้นก็รอเอาไว้เช้าคนหั่นผักมาตอนเช้าค่อยให้เธอถู เพราะเนื้อและผักเมื่อวานเหลือก็ต้องหั่นน้อยลง โอเวอร์ไทม์ก็ไม่ต้องจ่าย เพราะไม่มีใครทำเกน 8ชั่วโมงอยู่แล้ว ต่อเมื่อคนหนึ่งอาจจะจะลา ก็ต้องให้อีกคนทำ 2หน้าที่ก็แค่ 8ชั่วโมง ทำคนละ 5-6วันต่ออาทิตย์ ต้องวางแผนให้รัดกุม รอบคอบ จะได้ประหยัดเงิน ไม่ไช่จ้างกันทั้งวัน ถ้าขายไม่ดีก็มานั่งมองหน้ากัน แล้วควักทุนออกมาจ่ายลูกน้องซึ่งไม่ไช่วิธีที่ดี ถ้าไม่จนใจจริงๆ

ค่าแรงผู้ช่วยตอนนี้เท่ากับว่าเราจ่าย ชั่วโมงละ 8เหรียญ วันละ 8ชั่วโมง ก็ 64เหรียญคูณด้วย 24วัน(ปิดวันอาทิตย์) เดือนละ 1,536เหรียญ ซึ่งพวกเขาทำงานให้เรา 8ชั่วโมงเต็ม แต่ถ้าจ้างคนไทยมาอยู่กินด้วย ทำ 8ชั่วโมงรวดเนี่ยรับรองทำไม่ไหวแน่นอน ดีไม่ดีต้องบ่นล่ะว่าไม่ไช่หน้าที่ ใช้เขาทั้งวัน

ถึงแม้ว่าจะได้ลูกมาช่วยคนหนึ่ง แต่เราก็ยังคงจ้างพวกเขาอยู่ เพราะจะให้ลูกออกไปช่วยคุณบิลหน้าร้านเก็บจานเช็ดโต๊ะและเรียนการปรุงอาหารจากยายหนู เพราะวันหนึ่งเขาจะต้องรับช่วงต่อจากเรา

การที่เราได้ตัดอะไรออกนิดๆหน่อยๆ ทำให้เห็นเงินขึ้นมาได้ เพราะไอ้นิดๆหน่อยๆเนี๊ยะ แต่เดือนหนึ่ง 24วันเท่าไร ตัวอย่างเช่น 1ปอเปี๊ยะทอด ตัวสำคัญวันละ 150อันทุนรวมซอสอยู่ที่ 50เหรียญ(เมืองนี้ห่างไกลเมืองใหญ่ค่าขนส่งแพงผักก็แพงเพราะต้องสั่งมาจากแคลิฟอเนียร์)และเกี๊ยวชีส วันละสองแพ็กราคา 10เหรียญ เดือนหนึ่งก็ 240 เหรียญแล้ว แค่สองอย่างนี้ เดือนหนึ่งพันกว่าแล้ว เสียเวลาทำอีก น้ำมัน ไฟฟ้า ...

น้ำแข็งวันละ 6-7ถุงๆละ 2เหรียญ วันละ14 เหรียญ เดือนหนึ่ง 300กว่าแล้ว เศษอาหารที่เหลือกินทิ้งอีก จากที่เคยต้องแวะซื้อของก่อนเข้าร้านทุกเช้า ตอนนี้เป็นอาทิตย์ละครั้ง กะหล่ำปลีสำหรับใส่ปอเปี๊ยะ สั่งทีเป็นลังอาทิตย์ละ 2ครั้ง ตอนนี้เดือนละครั้งเท่านั้นลังละ 50พาวด์ และอีกหลายๆอย่างที่เรานึกไม่ถึงแต่เงินทั้งนั้นเลย ดีใจที่ทำได้ ทำบัญชีรายรับรายจ่ายของตัวเอง(ไม่ไช่เล่มที่จะที่ต้องเสียภาษี)มองเห็นกำไรแบบหายเหนื่อยเลย สำหรับคนที่เคยมีรายได้ขั้นต่ำอย่างเราสองคนนะ เคยทำงานเป็นลูกจ้างเขา ชั่วโมงละ 8เหรียญบางวัน 8ชั่วโมง บางวันก็ไม่ถึง เดือนหนึ่งได้ไม่แค่พันกว่าเหรียญ ส่วนคุณบิลทำชั่วโมงละ 10เหรียญ เดือนหนึ่งได้ประมาณ 2000 เหรียญ สองคนได้ ไม่ถึง 4000 แต่เราทำงานนี้ เป็นนายตัวเอง เหนื่อย แต่สบายใจ ภูมิใจ สุขใจ ได้ 4-5 พันแต่ไม่ต้องจ่ายค่าอาหาร แต่พอจ่ายค่าเช่าบ้าน ค่าผ่อนรถ ส่งไปเมืองไทยและอื่นๆแล้วก็เหลือไม่เท่าไร แต่มีเงินเหลือเก็บ ซึ่งเมื่อก่อนไม่มีเลย จะกลับไปเยี่ยมเมืองไทยทีก็ต้องใช้บัตรเครดิตซื้อตั๋ว กลับมาก็มานั่งทำงานใช้หนี้...

หวังใจไว้ว่า สักวันหนึ่งเมื่อเราได้อยู่กันพร้อมหน้าแม่ๆลูกๆ จะปรับเปลี่ยนรายการอาหารและการบริการ ทำตามเมนู หรือเพิ่มอาหารเช้า ซึ่งเมืองนี้ขายดีมาก อาจจะได้เงินดีกว่านี้


ส่วนจดหมายเชิญเพิ่งเสร็จเมื่อคืนนั่งงมอยู่จนถึงตี2 เพื่อนๆช่วยติชมแก้ไขกันหน่อย เดี๋ยวคืนนี้กลับมา จะเข้ามาอ่าน


Try My Thai Restaurant

Dear Sir.
My name is Atchara Kittikamjorn Haines Permanent Resident since 05/04/2001.
A# 047593995, married William Haines US Citizen and have been together to present,
I am a owner of Thai Restaurant since 01/24/05 - Present.www.trymythaifoods.com
Since I’m open my business I don’t have time to visit family in Thailand I miss them so much.
Name of people in my family to invite
1 Prayong Kittikamjorn (my mom)
2 Jirawut Ketnirun (my son)
3 Benyapa Ketnirun (my grand daughter)

A few years ago after I lift my family to come to US Jirawut (my son) lost his sight in one Eye due to a chemical burn. He has been to doctors in Bangkok, doctors said “can not do it in Thailand” Every times I think about his eye it hurts me very much. I want to take him to a Laser Eye Surgeon in USA to see if there is anything that can be done be fore too late
Jirawut he sells grocery at home, take care my mom and his daughter, in the future when I become a US Citizen I will apply for a green card for him and he will take over my business.
My mom told me she like to come to see snow one time in her life, I will take her look around where ever I can she is 76 years old, Mom she can not stay without Benyapa because Benyapa doesn’t have mother and Benyapa she is my heart.
I would like to invite them come to visit me for a few months. We will sponsor them during stay in the US and I promise on my honor that I guarantee their return to Thailand before visa expires.

I hope you know how important it is for a family meeting.

I knowing the penalty of bearing false witness, hereby affirm the foregoing to be true and correct and affix my signature in testimony of the foregoing request.
This ____day of ______ 2007

_______________________
Atchara Kittikamjorn Haines
345 W. Sterling Hwy
Homer AK 99603

Signatory, Atchara Kittikamjorn Haines, personally appeared before me and is know to me and did affix him and her signature to this document. In witness thereof I set my hand and seal

__________________________________________
Notary Public in and for the State of Alaska
My commission expires:
Record #:_______date:_______
ภาพประจำตัวสมาชิก
ยายหนู
แม่ไข่นกกระทา พ่อไข่จะละเม็ด
 
โพสต์: 2789
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.พ. 15, 2006 11:54 pm

โพสต์โดย burberry_kiss » เสาร์ ส.ค. 25, 2007 5:55 pm

Dear Sir.
My name is Atchara Kittikamjorn Haines, <span style='color:blue'>has been</span> Permanent Resident since 05/04/2001.
A# 047593995, <span style='color:blue'>married to</span> William Haines US Citizen and have been together to present,
I am <span style='color:blue'>an</span> owner of Thai Restaurant since 01/24/05 - Present.www.trymythaifoods.com
Since I <span style='color:blue'>opened</span> my business, <span style='color:blue'>I did not</span> have time to visit family in Thailand. I miss them so much.
Name of people in my family <span style='color:blue'>who will be invited</span>
1 Prayong Kittikamjorn (my mom)
2 Jirawut Ketnirun (my son)
3 Benyapa Ketnirun (my grand daughter)

A few years ago after I <span style='color:blue'>left</span> my family and <span style='color:blue'>came to</span> US, Jirawut (my son) lost his sight in one Eye <span style='color:blue'>causing of</span> a chemical burn. He has been <span style='color:blue'>to see</span> doctors in Bangkok, doctors said <span style='color:blue'>“It could not be treated in Thailand”.</span> Every time <span style='color:blue'>when <span style='color:blue'>I thought</span></span> about his eye <span style='color:blue'>condition</span>, <span style='color:blue'>it hurt me so much</span>. <span style='color:blue'>I would like to take him to a Laser Eye Surgeon in USA for recovering his eye before anything will be getting worse.</span>
<span style='color:blue'>At the moment, Jirawut is running his own grocery shop, looking after my mom and his daughter, in the future when I become a US Citizen I will apply a green card for him and give him a chance to run my business.
My mom told me that seeing a snow is her dream, she would like to see it just once time in her life. I would love to take her around, wherever I can. She is 76 years old who can not be far away from Benyapa, my grand daughter, because my mom has been looking after her since she was young and be abandoned from her mother. She grew up with my mom who loves her grand daughter as her life and I do really love my grand daughter so much as well.</span><span style='color:blue'>I would like to invite them to visit me for a couple of months. We will support them during staying in US and I promise on my honor that they are going back to Thailand before a visa expires.</span>

I <span style='color:blue'>hope you would understand how a family meeting is important for me.</span>


อาจจะไม่ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์นะคะ เพราะแป้งไม่เคยใช้ภาษาอังกฤษแบบทางการมากๆ ยิ่งเรื่องพวกเอกสารทั้งหลายแหล่นี่ก็แย่เลย คงช่วยได้แค่ในการแก้ไข tense และรูปแบบประโยคนะคะ
เพื่อนๆพี่ๆ ที่ชำนาญเรื่องพวกนี้ ช่วยแก้ไขกันอีกแรงนะคะ
<img src='http://i134.photobucket.com/albums/q93/burberry_kiss/Pix%20title/kapook_33129.gif' border='0' alt='user posted image' />
ภาพประจำตัวสมาชิก
burberry_kiss
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 7
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ มิ.ย. 10, 2006 9:50 am

โพสต์โดย ยายหนู » อาทิตย์ ส.ค. 26, 2007 8:19 am

อุ้ย..ดีใจจัง มีคนมาช่วยแก้ไขให้แล้ว.....แต่ยายหนูเกิดเปลี่ยนใจอีกแล้วอ่ะ จะเอาลูกชายมาคนเดียว จดหมายเลยต้องเปลี่ยนไปอีก เป็นแบบนี้ค่ะ ช่วยอีกรอบนึงนะ ยายหนูจบป.เหมือนกันแต่ไม่ไช่ป.ปริญญานะ เป็นป.ประถมค่ะ..ฮิฮิ..คุณบิลก็ไม่มีเวลาตรวจให้เล้ย...เช้าก็รีบไปร้านเย็นมาก็ดูทีวีแป๊บนึงแล้วก็เข้านอน เราก็ไม่อยากจะรบกวนเวลาพักผ่อนของเขารู้ว่าเขาก็ต้องเหนื่อยมากเช่นกัน.....

เปลี่ยนอีกแล้วจ้า เอาเป็นภาษาไทยดีกว่า จะได้ช่วยแปลกันตรงไปตรงมาไม่ต้องมางงกับภาษาปะกิดของยายหนูเน้อะ..


<span style='color:green'>2001 หลังจากที่ฉันได้จากครอบครัวมาอยู่อเมริกา Jirawut (my son) lost his sight in one eye due to a chemical burn. เขาไม่ได้ทำงานเพราะต้องไปพบหมดตามนัด เขาจึงสมัครเรียน กศน. อยู่ที่บ้าน จนจบมัธยมปลาย
ทุกๆครั้งที่ไปพบหมอ ก็ได้แต่ให้ยาหยอดตามา และนัดพบอีก ไม่มีอะไรคืบหน้า

ล่าสุด ฉันให้เขาไปพบหมอที่โรงพยาบาลจุฬา ซึ่งเป็นโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเกี่ยวกับตาโดยเฉพาะ หมอบอกว่า "ทางเราไม่มีเครื่องมือที่ทันสมัย ไม่สามารถรักษาให้หายได้"ทุกครั้งที่ฉันดูรูปถ่ายที่เขาส่งมาให้เห็นภาพดวงตาของเขา มันทำให้ฉันรู้สึกเจ็บปวดมาก

ฉันจึงให้เขาลองขอวีซ่าเพื่อมาหาหมอที่อเมริกา อาจจะมีทางรักษาให้หายได้ ทั้งๆที่รู้ดีกว่าเปอเซนต์ผ่านมีน้อยมากเพราะเขาไม่ได้ทำงาน แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ช่วยอะไรลูกเลย

5/1/2006 เขายื่นคำร้องขอวีซ่า แต่ถูกปฏิเสธ. หลังจากนั้นเขาก็กลับมาหางานทำ ด้วยความหวังที่ว่า ถ้ามีรายได้พอเป็นหลักฐานแล้ว จะยื่นขอวีซ่าอีกครั้ง อาจจะมีโอกาสผ่าน. เขาได้สมัครงานกับบริษัทแห่งหนึ่งตำแหน่งพนักงานขาย ในซุปเปอร์มาเก็ตเล็กๆที่บ้านเกิด เขาทำงาน 12ชั่วโมงต่อวัน 7วันต่ออาทิตย์ แต่ไม่ได้รับการจ่ายเงินล่วงเวลา ตามที่กรมแรงงานกำหนด เขาโทรไปปรึกษาบริษัท ทางบริษัทจึงส่งเขาไปทำงานอีกเมืองหนึง ในตำแหน่งงานเดียวกัน ทำวันละ 8ชั่วโมง 6วันต่ออาทิตย์

__ May 2007 บริษัทแห่งหนึ่ง เสนองานในตำแหน่ง Activation Officer จ่ายเงินเดือนดี แต่ต้องมีรถส่วนตัว เพราะต้องขับไปตรวจงานตามต่างจังหวัด ฉันจึงส่งเงินมาให้เขาดาวน์รถปิคอัพ แต่เขาทำงานให้บริษัทได้เพียง 4เดือน สายตาก็เริ่มมองไม่ชัด อาจจะเป็นเพราะเหนื่อยจากการขับรถเป็นระยะทางไกลๆ แล้วต้องกลับทำงานเกี่ยวกับเอกสารซึ่งมีจำนวนมากให้เสร็จก่อนส่งเข้าบริษัท ฉันบอกให้เขายื่นจดหมายลา เพือ่ขอวีซ่ามาหาหมดที่อเมริกา แต่ทางบริษัทไม่ยอมออกจดหมายให้ และบอกว่าต้องทำงานให้ครบตามสัญญาคือสิ้นปี มิเช่นนั้นจะต้องปรับเป็นเงิน 50,000 บาทตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ แต่เขาไม่สามารถทำต่อไปได้เพราะเสี่ยงอันตรายในระหว่างขับรถ ประกันชีวิตทางบริษัทก็ไม่มีให้
ฉันบอกให้เขาลาออกจากงาน ฉันจะจ่ายเงินชดใช้บริษัทเอง และให้เขาลองยื่นเรื่องขอวีซ่าอีกครั้ง เพราะฉันจะพาเขาไปหาหมอที่อเมริกา(a Laser Eye Surgeon in the US)เพื่อว่าจะมีทางรักษาให้หายได้ ก่อนที่จะสายเกินไป หลังจากนั้นเขาก็จะกลับไปหางานใหม่ทำและอยู่กับครอบครัวซึ่งมีลูกสาว2คนรออยู่ อายุ 5และ7ขวบ

ฉันจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด ในระหว่างที่เขาอยู่ในอเมริกา และฉันขอสัญญาว่า จะส่งตัวเขากลับประเทศไทยตามกำหนดเวลา.ไม่มีเหตุผลใดๆที่ฉันจะให้เขาอยู่ในอเมริกาอย่างผิดกฏหมาย เพราะหลังจากที่ฉันได้เป็นอเมริกัน ซิติเซ่น ฉันจะยื่นเรื่องขอกรีนการ์ดให้กับเขาและครอบครัวได้มาอยู่ในอเมริกาและรับช่วงธุรกิจต่อจากฉันต่อไป

</span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
ยายหนู
แม่ไข่นกกระทา พ่อไข่จะละเม็ด
 
โพสต์: 2789
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.พ. 15, 2006 11:54 pm

โพสต์โดย burberry_kiss » อาทิตย์ ส.ค. 26, 2007 9:35 am

Dear Sir.
My name is Atchara Kittikamjorn Haines, has been Permanent Resident since 05/04/2001.
A# 047593995, married to William Haines, US Citizen and have been together to present,
I am an owner of Thai Restaurant since 01/24/05 to Present.www.trymythaifoods.com

In 2001, after I left my family and came to US, Jirawut (my son) lost his eye sight cause of chemical burning. He had gone to see a doctor <span style='color:red'>as employments he doesn’t work but he was home school.</span> The doctor said his eye could not be treated in Thailand. Every time, when I thought about his eye, I was so hurt.
January 5, 2006, He applied a visitor visa because I wanted to take him to a Laser Eye Surgeon in the US, but he was rejected. After that he got a job at a small supermarket in his home town. He worked 12 hrs a day and 7 days a week and never be paid for working over time. After he quitted, he moved to Sriracha, Chonburi, Thailand and got a new job.
__ May 2007, a company offered him a good salary for working as______ but he should have his own car. I send some money to him for buying a truck. He worked for them just four months, when his eye got a problem, he was working really hard. He had to drive to a different town and got a lot of paper work, he did not have enough time to take a rest. I told him to quit from this job and tried to apply for a visa again. I wanted to take him to a Laser Eye Surgeon in the US for finding out how to get over his eye condition before anything are getting worse. After treatment, he can go back Thailand and find another job.

I am supporting him during his staying in the US. I promise on my honor that he is going back to Thailand before the visa expires. No any reason to give him staying more longer because in the future after becoming a US citizen, I will apply the Worker Visa or the Green Card for him. So, he will run my business and have a good life in the US.

ตรงสีแดงนั่นแป้งไม่เข้าใจความหมายน่ะค่ะ เลยไม่รู้จะทำไง อธิบายให้คร่าวๆด้วยนะคะ งงจริงๆค่ะ ไม่อยากเดาด้วย เดี๋ยวเดาผิด อิอิ
เด็กไทยแกรมม่าแน่นค่ะ เพราะเรียนมันอยู่นั่นแหละไอ้แกรมม่าน่ะ แต่ของแป้งก็ใช่ว่าจะแน่นและถูกนะคะ ความรู้ป.ตรีคืนไปจะหมดแระ เรียนโทอยู่ก็ดำน้ำไปเรื่อยๆแหละค่ะ แต่เวลาเรียน ไม่ได้เจอจดหมายทำนองนี้นี่สิคะ ที่ใช้พูดกับทำรายงานมันก็ไม่เหมือนกับเจ้าจดหมายนี่เล้ย เลยไม่ค่อยแน่ใจเท่าใหร่ว่าจะใช้ได้มั้ย ไว้รอให้หลายๆคนมาช่วยนะคะค่อยเอาไปใช้จริงๆ คือ กลัวของตัวเองผิดอ่ะ ฮ่าๆ
<img src='http://i134.photobucket.com/albums/q93/burberry_kiss/Pix%20title/kapook_33129.gif' border='0' alt='user posted image' />
ภาพประจำตัวสมาชิก
burberry_kiss
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 7
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ มิ.ย. 10, 2006 9:50 am

โพสต์โดย kuk » อาทิตย์ ส.ค. 26, 2007 2:28 pm

<span style='font-size:14pt;line-height:100%'><span style='color:gray'>ดีใจคะ พี่ยายหนูสามารถแก้ปัญหาได้ดีขึ้น มาเป็นกำลังใจให้คะ</span></span>
<i><span style='font-family:Times'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>ความรู้สึกดี ๆ ๆ มีให้กันเสมอ</span></span></i><br><br><img src='http://i198.photobucket.com/albums/aa193/kuk_111/49339c8d679b5-1.jpg' border='0' alt='user posted image' /><br><br><a href='http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=baanbaitong' target='_blank'>บ้านใบตองคะ</a>
ภาพประจำตัวสมาชิก
kuk
แม่ไข่กุ้ง พ่อไข่ปู
 
โพสต์: 1810
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ค. 02, 2007 2:17 am

โพสต์โดย prettypass2000 » อาทิตย์ ส.ค. 26, 2007 10:07 pm

เอาเวอร์ชั่นของหนูมาให้พี่ยายหนูเป็นทางเลือกค่ะ ลองดูนะคะ พอดีเคยช่วยเพื่อนทำจดหมายพวกนี้มาก่อน เอาเป็นว่าเราเน้นเรื่องตาของลูกชายที่รักษาที่เมืองไทยไม่ได้เป็นหลักค่ะ นอกจากนี้พี่ยายหนูอาจจะต้องติดต่อกะทางโรงพยาบาลที่จะทำเลสิกและขอเอกสารเกี่ยวกะการทำเลสิกจากเขาเตรียมไว้เผื่อเจ้าหน้าที่เขาถามมาไงคะ ที่สำคัญคือเตรียมเอกสารทุกอย่างให้พร้อมค่ะ เอาใจช่วยนะคะ



Try My Thai Restaurant
address & phone number

Dear Sir,
My name is Atchara Kittikamjorn Haines, have been Permanent Resident since 05/04/2001; alien number: A# 047593995. I have been married to Mr. William [middle name] Haines; a US Citizen, and have been together to present. I have been an owner of Thai restaurant; Try My Thai, since 01/24/05. I am currently reside in Homer, Alaska

In 2001, after I left my family for USA, Jirawut (my son) lost one of his eye sight due to a chemical burn. He had to go see his doctor. Due to the accident, he didn't work, but was home schooling. He has seen doctors in Bangkok. Unfortunately, the doctors couldn't find any cures for him in Thailand. It has hurt my feeling every time I think about his injury. As a mom, I should do something for him to get his eye sight back.

On 5/1/2006, He applied for a Visitor Visa because I want to take him to see a Laser Eye Surgeon in the US but his application was denied. After that he found a job and took care of a small supermarket in his hometown. Due to working overtime without payment, he decided to quit. Then he moved to Sriracha Chonburi and got a new job.

In May 2007, one company offered him a job with a good salary as ____ but must have his own car. I sent him money for a down payment for the truck. He had worked for 4 months because his injured eye has bothered him so much. He had to drive to different towns. With his one injured eye sight, it can be harmful for himself and the others on road. I told him to quit this job and try to apply for a visitor visa again. I would like to take him to a Laser Eye Surgeon in the US to see if they can help him before it is too late. After that he will go back to Thailand and can find another job.

I will sponsor him during his stay in the US and I promise on my honor that I guarantee his return to Thailand before his visa expires. There is no any reason to give him a stay after his visa expire because I will apply a Worker Visa for him in the future. Or when I become a US Citizen, I will apply for a resident permanent status for him. Eventually, I believe that he will take over my business and have a good life in the US.

I am knowing the penalty of bearing false witness. Hereby, I affirm the foregoing to be true and correct and affix my signature in testimony of the foregoing request.
This ____day of ______ 2007

_______________________
Atchara Kittikamjorn Haines
345 W. Sterling Hwy
Homer AK 99603
Signatory, Atchara Kittikamjorn Haines, personally appeared before me and is know to me and did affix him and her signature to this document. In witness thereof I set my hand and seal

__________________________________________
Notary Public in and for the State of Alaska
My commission expires:
Record #:_______date:_______
<img src='http://i134.photobucket.com/albums/q90/prettypass2000/180032_160763360641641_100001239355999_351328_6246049_n-1.jpg' border='0' alt='user posted image' />
ภาพประจำตัวสมาชิก
prettypass2000
แม่ไข่กุ้ง พ่อไข่ปู
 
โพสต์: 2049
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 23, 2006 3:22 am

โพสต์โดย ยายหนู » จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:41 am

<span style='color:blue'>น้องมดแปลมาให้ยายหนูอีกครั้งทางเมลหลังจากที่ยายหนูส่งเมลจดหมายภาษาไทยไปบังคับให้เธอแปลแบบด่วน จะได้ทันก่อนสิ้นเดือน แต่ไม่ทันอึดใจ เธอก็ส่งกลับมาแล้ว ดูดีมากค่ะ จดหมายนี้จะได้เป็นตัวอย่างสำหรับเพื่อนๆในอนาคต และขอขอบคุณ คุณburberry_kiss ด้วยค่ะที่สละเวลามาช่วยแปล</span>

<span style='color:green'>Try My Thai Restaurant
345 W. Sterling Hwy
Homer AK 99603
(907)235-6686

Dear Sir,

I am Atchara Kittikamjorn Haines, a permanent resident: A# 047593995 have been married to Mr.William Anthony Haines an American citizen, since 05/18/2002.
Now I reside in Homer, Alaska and have owned a Thai restaurant, Try My Thai since 01/24/05 to Present I am writing to you for the granting of my son's visitor visa.

In 2001, I left my family in Thailand for USA. After I got here, my son; Jirawut Ketnirun has lost one of his eye sight due to the chemical burn. He lost his job due to the injured eye. Besides, he had to spend most of his time seeing his doctor. However, he was home schooling and finished high school. Unfortunately, every time he visited his doctor, he would receive just the eye ointment and get another appointment without any progress.

Lately, I told him to go see a vision specialist at Jula-longkorn hospital since it is well-known for the vision specialists. Unfortunately, the specialist told him that they don't have the special equipment needed for curing him. Every time I see his pictures and look into his eyes, I feel so depressed because, as a mom, I should do something to help him. Therefore, I told him to apply for a visa to come visit me in order to get cure here, though I knew that it's very less chance since he was unemployed.

In May of 2006, Jirawut applied for a visitor visa with a hope to come here for the cure. However, his application was denied. He tried to find the job with the hope that it would help his visa application be granted. Finally, He got a job in his hometown. He worked as a salesman in a small grocery store which required him to work 12 hours a day, 7 days a week without any overtime payment. It's against Thai labor laws. He decided to talk to the company. The outcome is that he was sent to another city to work for 8 hours a day, 6 days a week.

In May 2007, he got a job offer with good salary as an activation officer, but required him to have his own car because he must drive to other locations for the job purposes. He got this job and I gave him some money for the car's down payment. After 4 months of working, his injured eye sight became worse that he cannot see things clearly. I think it is because of the long drive as well as the overload of the paper works. I suggested him to quit a job and apply for a visa again. However, his company disagreed since he has to work until the end of the year as of the agreement. Or he has to pay 50,000baht [$1,400] to the company. He cannot work any longer because his injured eye sight can cause a tragic accident to himself or to the other on road. Moreover, the company doesn't provide any life insurance.

Hence, I told him to quit the job and I will pay for that amount of money. So he can apply for a visitor visa to come get a cure here. There are many experienced Laser Eye Surgeons in the US, which I hope that they can help him before it is too late. After the cure, he will go back to Thailand to get a new job and to reunite with his family which he has 5-year-old and 7-year-old daughters.

I will be his sponsor during his stay in the US and take a full responsibility of him. I promise on my honor that I guarantee his return to Thailand before his visa expires. There is no any reason to give him a stay after his visa expire because when I become a US Citizen, I will apply for a permanent resident status for him so that he will be able to come live here and take over my business in the future.

I am knowing the penalty of bearing false witness. Hereby, I affirm the foregoing to be true and correct and affix my signature in testimony of the foregoing request.
This ____day of ______ 2007

_______________________
Atchara Kittikamjorn Haines
345 W. Sterling Hwy
Homer AK 99603
Signatory, Atchara Kittikamjorn Haines, personally appeared before me and is know to me and did affix him and her signature to this document. In witness thereof I set my hand and seal

__________________________________________
Notary Public in and for the State of Alaska
My commission expires:
Record #:_______date:_______</span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
ยายหนู
แม่ไข่นกกระทา พ่อไข่จะละเม็ด
 
โพสต์: 2789
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.พ. 15, 2006 11:54 pm

ย้อนกลับต่อไป

ย้อนกลับไปยัง คุยกันเจ๊าะแจ๊ะ

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน