<span style='color:green'>กลับมาอ่านของคุณหมูแดงอีกครั้ง แต่เช้าตรู่ (ทั้งที่วันนี้มีงานรออยู่เยอะ แต่โอนให้ลูกและแฟนไปทำหมด)
ตอนแรก คิดว่าจะตอบส่วนตัว เพราะเป็นเรื่องส่วนตัวของดิฉันที่ต้องการบอก
แต่คิดว่า ถ้าคนที่กำลังมีปัญหาเรื่องแบบนี้มาอ่าน อาจจะมองภาพลักษณ์ให้ตัวเองได้บ้าง
ดิฉันที่สาวๆในฮอลแลนด์เรียกว่าหญิงป้า...คือ
สุวดี...นักเขียนนิยายของขวัญเรือน (ที่มาแอบตีท้ายครัวประจำ)
เคยแต่งงานกับผู้ชายฝรั่งหอลั่นด่า (ฮอลันดา) ที่จบปริญญาเอก
ดิฉันจบแค่ โท...เลยทำให้เขาคิดว่าเขาดีกว่าเรา
ตอนนี้เขาคือ พ่อของลูก ไม่ใช้คำว่า อดีตสามี
เพราะคำนี้ ตามความคิดของดิฉันมันบ่งให้เราเห็นว่า เรายังเป็นของเขาอยู่ เนื่องจากมีคำว่าสามีห้อยท้าย
ตอนที่ใช้ชีวิตด้วยกัน
ยังไม่เห็นไส้กัน น่าเอ็นดู
แต่อยู่ๆไป เห็นไส้กันมาก ชีวิตก็ไปคนละแบบ
และมาหนักมากขึ้นคือตอนมีลูกแล้ว
เขาเป็นพ่อที่ดี (ในตอนนั้น)
ตอนนี้โอนมาให้แม่เจ้าพลายเนยหมดทุกอย่าง
การหย่าร้าง ไม่ได้เกิดจากเขาผิด หรือเราผิด
สาวๆจำไว้เลยนะคะ การหย่าร้างคือการที่เราไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้
ไม่มีใครผิด ใครถูก
อย่าอับอาย ถ้าจะต้องหย่า เพราะอยู่แล้วไม่มีความสุข
ทนอยู่โดยการทำล้ายหัวใจของตัวเองนั่นแหละค่ะ น่าอายมากกว่าสิ่งใด
แต่การหย่าร้างไม่ใช่การแก้ปัญหา ถ้ามีลูกด้วยกัน
เป็นการตัดปัญหาหนึ่ง ไปสู่ปัญหาหนึ่ง
คือปัญหาที่ ทำอย่างไร เราจะเลี้ยงลูกหลังหย่าได้
ดิฉันหย่าแล้ว อยู่ในฮอลแลนด์ต่อไป
เนื่องจากมีลูก ที่มาโตที่ฮอลแลนด์
และดำเนินชีวิตต่อไป จนกระทั่ง...ทุกอย่างลงตัว
อยู่คนเดียวมาเกือบสิบปี ไม่เคยคิดจะมีแฟนใหม่
แต่ลูกชายบอกว่า ไม่ต้องการให้แม่อยู่คนเดียว
และบอกแม่ด้วยว่า...ผู้ชายคนหนึ่งรักแม่
แต่แม่ไม่มองน้ำใจของเขา
เขาดีกับเรา ดีกับลูกเรา ทั้งที่เราปฏิเสธเขาไปทุกครั้ง
จนลูกทนไม่ได้...บอกว่า ไม่มีใครที่จะเลวร้าย ทำร้ายจิตใจแม่ เหมือนพ่อทุกคนไป
ลูกพูดคำนี้ ทำให้ดิฉันคิดว่า ลูกก็ชอบเขา ทำไมเราไม่ให้โอกาสตัวเอง
จนในที่สุด ดิฉันก็ได้เริ่มต้นชีวิตครอบครัวใหม่
<a href='http://s156.photobucket.com/albums/t33/Suwadee/algemeen/?action=view¤t=2xnickenik.jpg' target='_blank'>

</a>
เราอยู่กันอย่างมีความสุข ดิฉันก็เม้งคนโน้นคนนี้อย่างมีความสุข ตามจุดประสงค์ที่อบรมพวกเขาให้มาเอาใจดิฉัน และบอกเขาว่าพ่อแม่ปู่ย่าตายายของดิฉันเลี้ยงดิฉันมาอย่างนี้ เขาสองคนก็ควรจะดำเนินรอยตาม...ครอบครัวใหม่ของดิฉัน จึงเป็นครอบครัวที่ฮาเพราะกลั่นแกล้งกันมาตลอด
นี่คือพื้นฐานที่ดิฉันสามารถมองการใช้ชีวิตคู่ได้มาก
และประสบการณ์ที่ได้รับมานี้
อยากจะบอกทุกคนว่า
อย่าอับอายหากจะต้องหย่าร้าง
อย่าปิดกั้นชีวิตตัวเอง โดยบอกว่า ฉันจะไม่เริ่มต้นกับใครใหม่
เริ่มได้...แต่อย่าเริ่มครั้งละหลายๆคน
ให้เริ่มดู จากทีละคะน
คนที่มีลูก ให้คิดถึงลูกด้วยว่า เรารับคนนี้มาแล้ว ลูกมีความสุขไปกับเราหรือไม่
สำหรับรายละเอียดที่คุณหมูแดงบอก ทำให้ดิฉันเข้าใจมากขึ้น
แต่การที่คุณต้องการกลับไปเมืองไทย เพื่อต้องการทำงานที่นั่น
คุณถือสัญชาติบริทิชหรือว่าสัญชาติไทย
ไปแล้ว พ่อแม่เป็นห่วงเรามากขึ้นหรือน้อยลง
คุณกลับไปเมืองไทย คุณรอดแน่ค่ะ ดิฉันเชื่อแบบนี้
เพราะดิฉันเองก็เป็นแบบคุณหรือหลายๆคน
ดิฉันเป็น คนที่สามารถจับงานทุกอย่างได้ โดยไม่คิดว่า
ตัวเองมีชาติกำเนิดมาดี ย่ายายเป็นพวกเจ้าต่างแคว้น
แล้วจะต้องทำตัวแบบนางเอกหนังไทยในสมัย ก. สุรางคนางค์
ติดดินมากค่ะ...ทุกวันนี้ ถ้าคนแก่ที่ดูแลทำส้วมสกปรก ดิฉันล้างส้วมให้เลยค่ะ
ที่ฮอลแลนด์ ดิฉันก็มีเพื่อนเป็นหม่อมหลวง เธอก็จับงานทุกอย่าง
ไม่เคยรังเกียจ ขอให้เป็นงานสุจริต
และยังบอกว่า ถ้ามาเมืองไทย อยากทำธุรกิจเล็กๆ แปลเอกสาร ทำร้านอาหารเล็กๆ
หรือว่าแบ่งห้องให้นักศึกษาเช่า...แต่ทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครกลับ
เพราะอยู่เมืองนอก สิ่งที่ได้คือ อิสระจากสังคม ไม่มีใครจับตามองเราว่า
เราจะทำอะไร ขับรถเก่าแค่ไหน อะไรกัน เป็นเจ้า ทำไมหน้าเหมือนลาวดั้งหัก
(เขาพูดแบบนี้กันจริงๆ ที่ฮอลแลนด์ก็เคยมีคนว่าดิฉันว่า อีนี่น่ะเหรอเจ้า อีเจ้านั่งตู้ล่ะสิ)
ดิฉันมองว่า คุณเองก็สามารถใช้ชีวิตแบบนี้ได้ในเมืองไทย
แต่ขออย่าเดียวก็คือ อย่าแก้ปัญหาที่คาราคาซังหัวใจของคุณมานาน
ด้วยการหนีไปไกลแสนไกล...เพราะมันไม่ได้ทำให้เขาหรือใครรู้ว่า
เราชนะใจของเราแล้ว
ถ้าเป็นไปได้...
แยกกันอยู่ที่นี่ เริ่มชีวิตของคุณใหม่ที่นี่
โดยไม่ต้องมีลุงเด๋อมาอยู่ในความรับผิดชอบของคุณ
เพราะคุณแยกกับลุงเด๋อไปแล้ว ด้วยสาเหตุุุุุุที่คุณบอกมา
หากคุณไม่สามารถรับลุงเด๋อได้ คุณไม่ควรเหนี่ยงรั้งลุงเด๋อมาไว้ในความรับผิดชอบ
เพราะถ้าคุณยังทำอย่างนี้ คุณจะแยกชีวิตจากลุงเด๋อไปทำไม
สู้ทนอยู่ด้วยกันไม่ดีกว่ากรือคะ
การแยกกันไปแล้วยังเป็นเพื่อนที่ดีนั้น คือการที่คุณไปใช้ชีวิตในแบบที่คุณมีความสุขและปลดปล่อยตัวเองจากทุกข์ใจที่คุณพบอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ในขณะที่คุณอยู่ตัวคนเดียวที่นี่ คุณมีงานทำ
มีเงินเก็บพอให้ฐานะทางการเงินแข็งแรง
แล้วคุณก็ดูลู่ทางทำมาหากิน ให้คนที่เมืองไทยดูลู่ทางไปด้วย
คุณยังต้องการกลับเมืองไทยอีก คุณกลับได้ทันที
และกลับแบบคนที่อุ่นใจเพราะมีความมั่นคงทางการเงินมาหนุนหลัง
ไม่ใช่กลับไป แล้วยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับชีวิต
วางแผนให้กับความเปลี่ยนแปลงของชีวิตก่อน ไม่ใช่ให้ความเปลี่ยนแปลงมาถือสิทธิ์ในแผนชีวิตของเรา</span>
<span style='font-size:14pt;line-height:100%'><span style='color:#6BB300'>------------------------------------------------------------------------------------------------</span></span>
<span style='color:#FF0059'>ตั้งใจจะตอบตั้งแต่เช้า แต่ใจมันตื่นเต้น พิมพ์แล้วก็ลบแล้วก็พิมพ์ใหม่อยู่นั่น จบไม่ลงซักที คราวนี้ตั้งใจใหม่ ปิดวิทยุ ปิดทีวี แล้วลงมือพิมพ์ ไม่ให้มีอะไรมากวนใจให้ว่อกแว่ก จะได้พิมพ์ให้จบ ให้สมกับที่คุณหญิงป้าตั้งใจพิมพ์เช่นกัน ยิ่งถ้าสามารถโยนงานบ้านให้ลุงเด๋อไปได้ด้วยเหมือนหญิงป้า คงจะตอบได้เร็วกว่านี้แน่ๆเลย ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณหญิงป้าที่เล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟัง ต้องบอกว่าคุณกล้าหาญมากที่กล้าเอาเรื่องแบบนี้มาเล่า เพราะมันค่อนข้างเสี่ยงกับเว็บบอร์ดสาธารณะ แต่หมูแดงมองออกว่าเราคงจะคล้ายๆกัน คือตรงไปตรงมา ในเมื่อมันเป็นความจริง เราก็สามารถยอมรับมันได้และเล่าสู่กันฟังได้ เราเห็นด้วยว่าการหย่าร้างไม่ใช่เรื่องน่าอับอาย ไม่ใช่เรื่องที่จะมาหาว่าใครเป็นฝ่ายผิดหรือใครเป็นฝ่ายถูก ชีวิตคู่ต้องการปัจจัยหลายๆอย่างมาประกอบเพื่อที่จะนำพากันไปจนถึงฝั่งฝัน หลายคู่ทำได้ แต่หลายคู่ก็ล้มเหลว
ตอนที่ซื้อบ้านนี้นะคะ เราวางแผนกันว่าเมื่อลุงเกษียณแล้ว (อีก ๓ ปี) เราจะขายบ้านแล้วย้ายกลับไปอยู่บ้านเกิดของลุงที่เชสเชียร์ ที่นั่นบ้านถูกกว่านี้เยอะ เราเอาเงินที่ขายบ้านใช้หนี้แบงค์ไป เงินที่เหลือก็เอาไปซื้อบ้านใหม่หลังเล็กๆด้วยเงินสด เราก็จะสามารถปลดหนี้ทุกตัวได้ ลุงเด๋อก็ใช้เงินเกษียณ หมูแดงก็หางานทำใหม่ อาจจะเงินเดือนไม่มากเท่างานปัจจุบัน แต่ก็จะสามารถใช้ชีวิตต่อไปได้ด้วยความสุขตามอัตภาพและไม่ฟุ้งเฟ้อ ตอนนั้นขอสารภาพว่าแอบคิดไว้คนเดียวไม่ได้แอะให้ลุงรู้ว่าเมื่อขายบ้านแล้ว จะขอหย่า แบ่งทรัพย์สินแล้วจะแยกตัวไปอยู่คนเดียว จะไม่ตามลุงกลับไปเชสเชียร์ เงินที่เราแบ่งกับเงินเกษียณที่ลุงจะได้คงจะทำให้ลุงสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างสบาย บอกตัวเองว่าอดทนอีกเพียงไม่กี่ปีเท่านั้น แล้วเราก็จะเป็นไทแก่ตัว ได้ชีวิตและจิตวิญญาณของตัวเองคืนมา แต่ทำไปทำมาความอดทนมันหมดลงตรงนี้เอง รอให้ลุงเกษียณไม่ไหว บอกตรงๆว่าเบื่อเหลือเกินที่ต้องมาคอยตามรับใช้ลุงเหมือนเป็นคนรับใช้แบบนี้ รู้สึกว่าไม่ยุติธรรมเลย ทั้งๆที่เราสองคนทำงานนอกบ้านเหมือนกัน แต่เรายังต้องมาทำงานบ้านต่ออีก ในขณะที่ลุงไม่แตะอะไรเลยสักอย่างเดียว อ่านมาถึงตรงนี้เดี๋ยวคงมีคนแนะนำวิธีแก้นิสัยลุง ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าได้ลองได้พยายามมาหลายวิธีแล้วแต่ไม่สำเร็จ ทุกวันนี้ต้องทำใจและปล่อยวางอย่างเดียวค่ะ ปล่อยวางในที่นี้คือวางจริงๆ วางแบบไม่หยิบไม่จับทำอะไรเลย ถ้าเสื้อผ้ามันจะกองเป็นภูเขารอการซัก เราก็จะปล่อยให้มันกองอยู่ตรงนั้นถ้าเราเหนื่อย บ้านจะรกจะสกปรกยังไงก็ปล่อยมันไป หายเหนื่อยเมื่อไหร่ค่อยทำ ยังเหนื่อยก็ไม่ทำ ใครจะว่ายังไงก็ช่างแต่เราทำไม่ไหวแล้วจริงๆ ก็ต้องใช้วิธีนี้ ถ้าลุงทนไม่ไหวเพราะเสื้อผ้าหมดตู้ ก็ให้ลุงไปจัดการซักเองรีดเอง จานชามไม่มีใช้ก็ให้จัดการล้างเอาเองเหมือนกัน เราอยากทำตอนไหนเราก็ทำ ไม่อยากทำก็ไม่ทำ
เมื่อสองวันก่อนตอนที่เขียนกระทู้ บอกตรงๆเลยว่าตัดสินใจแล้วว่าจะกลับเมืองไทยแน่ ต้องเริ่มทำเรื่องหย่า เสร็จแล้วก็จะขายบ้าน จัดการทรัพย์สินแล้วก็แยกกันไป แต่พอหลายคนแนะนำให้กลับไปดูลู่ทางก่อนก็คิดว่าดีเหมือนกัน เอาเป็นว่าถ้าเป็นไปได้ปีหน้าจะลองหาทางกลับเมืองไทยดูซัก ๒ อาทิตย์ พอมาวันนี้อ่านที่หญิงป้าเขียน รู้สึกว่าจะเปลี่ยนใจอีกแล้ว ตอนนี้มีอีกหนึ่งทางเลือกคือแยกก็แยกกันไป แต่เราจะยังคงอยู่ที่อังกฤษต่อไปตามเดิม จะทำงานเก็บเงินสักปีสองปี พอมีเงินพอสร้างบ้านและลงทุนทำธุรกิจเล็กๆที่ตั้งใจไว้แล้วถึงค่อยกลับไป เราไม่ห่วงเรื่องการถือสัญชาติเพราะเชื่อว่าถึงอย่างไรเราก็เป็นคนไทย หากต้องการกลับไปอยู่เมืองไทยเราก็สามารถทำได้ แม้ว่าตอนนี้จะมีพาสปอร์ต ๒ เล่มก็ตาม แต่การจัดการอะไรต่อมิอะไรของเราก็คงไม่ง่ายนัก เพราะตอนที่จากเมืองไทยมาก็สร้างแผลเอาไว้เยอะเหมือนกัน ก็ต้องกลับไปสะสางให้เรียบร้อย ไม่อย่างนั้นสำนึกผิดมันจะตามติดตัวเราไปจนตายทำให้เราขาดความสุขได้
ถึงอย่างไรก็ต้องยอมรับนะคะว่าการใช้ชีวิตอยู่เมืองไทยสำหรับเราต้องมีปัญหาแน่ๆ เหตุเพราะเราเป็นคนคิดต่างจากคนอื่นนี่แหละ ทำให้คนรอบข้างหลายคนอึดอัด เราไม่ชอบยึดติดกับวัตถุนิยม ไม่ติดแบรนด์ ไม่ห่วงสวย ไม่ห่วงหน้าตา แต่สังคมเมืองไทยหน้ากากยังเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็น ก็ต้องชั่งใจให้ดีว่าจะทนอึดอัดกับระบบไทยๆได้หรือเปล่า
ลืมบอกว่าหมูแดงตื่นเต้นนะที่ทราบว่าหญิงป้าเป็นนักเขียนมีชื่อเสียง สารภาพว่าหมูแดงไม่รู้จัก ทั้งๆที่เป็นแฟนขวัญเรือนมาตั้งแต่ยังเป็นนักเรียน ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ก็ไม่เคยได้อ่านขวัญเรือนอีกเลย เลยไม่มีโอกาสได้อ่านงานเขียนของคุณ เสียดายจริงๆเลย คงต้องหาโอกาสอ่านงานเขียนของคุณบ้างแล้วละ</span>