ครัวไกลบ้าน • แสดงกระทู้

จะเห็นน้ำแข็งอยุ่บนยอดเขาที่อยูด้านหลังผมไปนะ ครับ เย็นมากกกกกก เคยไปยุโรปมาแต่ไปช่วงที่น้ำแข็งละลายแล้ว แต่ก็ได้ไปลิ้มรสน้ำแข็งที่ไปดื่มเบียร์แข็งชาวเยอรมัน ที่เบอลิน เกือบตายเพราะไม่เคยในชีวิต หนาวมาก ดูจากอาการตามภาพครับ

ช่วงเดือนกุมภาน้ำแข็งละลายไปมากแล้วนะ ครับแต่ก็ยังพอมีให้เห็นอยู่บ้าง.....ใช่น้ำแข็งมั้ย ไหนลองจับดูหน่อยสิ

ตรงนี้เป็นจุดที่สูงที่สุดของเทือกเขา Atlas นะครับ เป็นจุดเยือกแข็งสุด ถึงได้มีน้ำแข็ง

ผมเป็นคนที่ชอบอากาศเย็นมาก อาจเป็นเพราะเราเติบโตมาในเมืองร้อนก็เป็นได้ ครับ สนุกมากฮะ

เพราะว่าเย็นมาก มือเอาออกจากกระเป๋ากางเกงไม่ได้แลย เพราะแข็งไปหมด และก็หดอยุ่ที่เดียว ไม่เชื่อลองมาดูสิ และก็ไม่ไช่พุงนะครับ ลมมันพัดเข้าไปในเสื้อฮะ ดูเหมือนพุงเลย ผมไม่อ้วน ครับ ไม่อ้วน

ภาพนี่เป็นเมืองที่สร้างอยุ่ตาม Valley ของสองฝั่งหุบเขาซึ้งเป็นทัศณียภาพที่ทุกคนเห็นแล้ว ต้องตลึงถึงความงาม (ในภาพรวมนะครับ) ที่นี้มีชื่อว่า Gorges de Dades แปลว่า เมืองทรามกลางหุบเขา เหมือนเมืองในการ์ตูนเลย ครับ สวยมากกกกกกกกกกกกกกกก

จะสังเกตเห็นได้นะครับว่า เรือนชานบ้านช่องของเค้านั้นสร้างขึ้นสองฝั่งของหุบเขาและพื้นดินที่เห็นเป็นพื้นที่ ที่คนพื้นเมืองใช้ทำการกะสิกรรม ครบ จะเห็นบ้านเรือนถูกสร้างขึ้นโดยใช้ดิน
เหนียว ผสมกับหญ้าปล้องแห้งป่นและหินทรายโอบเป็นกำแพงบ้านในขนาดที่หนาพอที่จะปกป้องจากความหนาวได้ คนที่มีเงินหน่อยก็จะผสมปูนซีเมนเพื่อความแข็งแกร่งของผนังตัวอาคารหรือตึก เพราะประเทศนี้ไม่มี เทคโนโลยี่อะไรเลย และก็จะได้รับความช่วยเหลือจากอารยะประเทศเสมอ (เดียวค่อยคุยกันเรื่องนี้)

พักทานอาหารกลางวันครับบนโรงแรมสวยมากอยุ่บนยอดเขาหิน และมองลงไปข้างล้างจะเห็นพื้นที่ประกอบกสิกรรมของชาวพื้นเมืองนะครับ ตามหุบเขา พืชที่ปลูกกันก็จะเป็น มะกอก ถั่วออลม่อน มะเขือเทศ มันเทศ เนื่องจากว่าประเทศนี้ความชื้นสัมพัสต่ำมากครับ ไม่สามารถปลูกผักชนิดอื่นได้เลย จากที่ได้สังเกตนะครับ คนพื้นเมือง ของมอรอกโค น่าสงสารมาก เพราะว่าขาดสาร vitamin C มากเลยครับ หนุ่มสาวที่นี่มีแต่คนฟันเหลือง ๆ และไม่สะอาดเลย อยุ่กันอย่างอดอยากมาก (แล้วค่อยคุยกันเรื่องสังคม)

จากการเดินทางสามสี่ร้อยกิโลเมตรนะครับ ทรามกลางทะเลทราย in the middle of nothing just only sad and rocks เราก็ได้มาเห็นความงามที่ไม่อาจลืมได้อย่างที่เห็นในภาพครับผม จะเห็นได้ว่าตัวอาคารจะเป็นสีเดียวกับทราย สีแบบนี้จตะเริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่เมือง Marakech หรือที่เค้าเรียกกันว่า Pink City ครับ ดาวเทียวจับไม่ได้เลยนะ ถ้าไม่มีจานรับดาวเทียมหรืออุปกรณ์อีเล็กโทรนิคใด ๆ เพราะสีของอาคารบ้านเรือน จะ Blending ไปกับธรรมชาติของเทือกเขา อย่างที่เห็นครับ

โดย **laboomguus** » อาทิตย์ ม.ค. 03, 2010 6:33 pm

พี่เล้งคะ บรรยายภาพด้วยนะคะ เผื่อบูมอยากไปเยี่ยมมั่งอ่ะคะ จะได้รู้ว่าที่ไหนอ่าคะ เอาใจช่วยอีกแรง สู้ๆค่ะ

จริงๆ แล้ว สี่ภาพข้างบนนั้นผมไปถึงที่หลังนะครับ ลำดับภาพสลับกันไปนิดหนึ่งก็ต้องขออภัยดวยนะครับ เพราะมือใหม่หันโพสครับ

ภาพที่เห็นอยู่นี้เป็น Kassbar นะครับ ซึ้งแปลว่า เมืองที่สร้างขึ้นมาป้องกันโจรปล้น และเมืองนี้ถูกสร้างขึ้นมาด้วยหินด้วยทรายและดินเหนียว และได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกด้วยครับ เมืองนี้ที่ตั้งอาจไม่ปรากฏในแผนที่โลกแต่มีในแผนที่มอรอกโคนะ ครับ ก่อนถึงเมือง Auarzazate สิบกิโลเราก็เลี้ยวช้ายเข้าไป ชม Ait-Benhaddou หลายท่านคงได้ชมหนังฝรั่งหลาย ต่อหลายเรื่องที่เกี่ยวกับทะเลทรายนะครับ เช่น The mummy , The king scorpion, Gradiator เหล่านี้ถูกสร้างที่ประเทศมอรอกโคทั้งนั้นนะครับ เพราะก่อนถึงในเมือง Auarzazate เค้าจะมี Studio ใหญ่มาก ในการสร้างหนังระดับโลก เพราะต้นทุนในการสร้างต่ำมาก แต่สถานที่นี่ห่างจาก studio หน่อยนะครับ (เดียวค่อยคุยกันทางด้านสังคม) และสถาปัตยกรรมว่าทำไมเรือนชานบ้านช่องของคนที่นี่ถึงได้เป็นแบบสไตล็นี้

อันนี้ก่อนถึง Benhaddou ครับ ข้าง ๆ กัน

สถานที่นี่นะฮะเห็นแล้ว breath taking มากเลยครับ แต่น่าเสียดายไม่ได้ข้ามไปฝั่งนุ้นเพื่อเข้าไปชมความวิจิตข้างใน benhaddou เพราะไม่พอใจที่ชาวเมืองที่ทำมาหากินอยู่ถวนั้นจ้องแต่จะขูดรีดนักท่องเทียวเหมือนกับที่คนไทยบางกลุ่มที่จ้องแต่จะเชือดนักท่องเที่ยว แค่ข้ามน้ำตื่นๆ แต่ตะตุ่มเค้าคิด 100 ดีรัมครับ เท่ากับ 400 บาท ซึ้งจริง ๆแล้วเดินข้ามไปก็ได้ น้ำก็เย็นแต่ไม่ถึงตายหลอกครับ ก็เลยไม่เข้าไปข้างในฝั่งนู้นด้วยความที่ไม่พอใจ

ทั้งๆ ทีประเทศนี้ไม่มีค่าเฉลียรายหัวต่อเดือนเท่าไหร่และต่อปีเท่าไหร่ด้วยซ้ำ

จากนั้นก็เข้านอนพักที่โรงแรมในเคลือ IBIS คืนละ 525 ดีรัม สองพันสองร้อยกว่าบาท รวมอาหารเช้าด้วย แต่อาหารอย่าให้พูดถึง (แล้วค่อยคุยกันถึงเรื่องบริการ) จากนั้นผมกับหุ้นส่วนโรงแรมก็ไปเที่ยวต่อ ที ว่าสี่ภาพข้างบนนั้นและครับ เค้าก็เอาใจดีนะ หรือว่าเรามาลงทุนกับเค้าก็ไม่รุ้เป็นไปได้หลายเคสอยู่นะ อีกสองร้อยกว่ากิโลก็มาถึงทะเลทรายครับ เป็นภูเขาทะเลทราย ไม่ถึงกับเชื่อมต่อกับ ทะเลทราย SAHARA ของแอลอีเรียร์ นะครับ อยู่ในเขตที่เค้าเรียกว่า Merzouga หรือ The Dunes สวยมากครับ ทรายระเอียดเหมือนแป้งเลยครับ สวยมาก ผมไม่เคยลืมเลยจนทุกวันนี้เคยเห็นแต่ในหนัง วันนี้ได้มาเห็นตัวจริงเสียงจริง แต่อากาศเย็นจากลมทะเลแอทแลนดติก และ ความร้อนจากทะเลทราย และความแห้งของอากาศ ผมเลยต้องถอดเสื้อแล้วก็เดินขึ้นไปบนภูเขาทรายซึ้ง ถ้านั้งอูฐก็ ก็หนึ่งร้องดีรัม สี่ร้อยบาทซึ้งเราก็เดินได้นอกเสียจากว่าเราอยากมีประสบการณ์ที่ได้นั่งอูฐมาแล้ว แต่มันไม่ธรรมชาตินะ กับการที่เรานั่ง
อูฐแบบธุระกิจแบบนี้ แต่มันก็เป็นการสร้างงานและรายได้ให้กับชนพื้นเมืองก็โอเค แต่นีมันไม่ไกลครับ หากนั่งอูฐผมก็ไม่ได้อัถรสนะสิ เดินขึ้นเขาทะเลทรายครับ สนุกมาก และก็เหนื่อย แต่เหงื่อไม่ออกนะ ครับ เพราะอากาศแห้งมากกก

ผมถอดเสื้อเดินสาม ชม เลยนะ ไม่มีเหงื่อเลย แต่ร้อน และเย็นในเวลาเดียวกันครับ

พาเที่ยวประเทศมอรอกโค ครับ

ผู้ใช้งานขณะนี้