naddyswiss เขียน: น้องเก๋อยู่บ้านเดียวกะพ่อแม่สามีแบบไหนคะ
แบบอยู่กันคนละชั้น หรือว่าอยู่ชั้นเดียวกันแต่แบ่งเป็นห้องใครห้องมัน
คือตัวพี่เองอยู่บ้านเดียวกันค่ะ แต่บ้านเดียวแบบที่เป็นห้องชุดน่ะค่ะ เค้าก้อมีห้องชุดของเค้า
พี่ก้อมีห้องชุดของพี่ อยู่กันแบบเป็นสัดส่วนตัวใครตัวมัน
แม่สามีพี่เค้าเจ้าระเบียบมากนะคะ เวลาเค้ามาเห็นบ้านเรารกๆ มีอะไรเหนียวๆเยิ๊ม เค้าก้อจะมอง
แต่เค้าไม่กล้าพูด เพราะพูดไปพี่ก้อแกล้งโง่ ทำเป็นว่าแปลไม่ออก อิอิ แต่ความจริงพี่รู้ว่าเค้าแอบด่า อิอิ
อย่างบ้านพี่ผ้าเยอะมากๆเลย ส่วนมากเป็นเสื้อผ้าเด็ก และของสามีพี่
ทีนี้แม่สามีพี่ก้อไปด่าสามีพี่ว่าอย่าใส่เสื้อผ้าเยอะได้ไหม สามีพี่เลยตอบไปว่าแม่ผมไปเจอลูกค้าทุกวันจะให้ตัวเหม็นๆไปหรือไงเนี่ย เพราะฝรั่งที่นี่เค้าไม่ค่อยเปลี่ยนเสื้่อผ้ากันไง
แต่อย่างเด็กบางทีมันก้อกินเลอะเทอะ เสื้อผ้าเลยซักบ่อย
แม่สามีพี่ชอบบอกว่าลูกๆพี่เสื้อผ้าเยอะเกินไป อิอิ
แต่พี่ก้อเหมือนเดิม แอบมึน
พอมองไปบางเรื่องเค้าก้อเป็นคนดีคนนึง เค้าชอบช่วยเหลือน่ะ พี่จะใช้งานอะไรแกก้อทำให้
เนี่ยอาทิตย์นี้เค้าขนผ้าพี่ไปซัก รีดซะเกลี้ยงเลยนะ คือพี่ว่าเค้ารำคาญที่เห็นกองผ้าบ้านพี่มากกว่า อิอิ
พี่เกรงใจ๊ เกรงใจ (แอบดีใจ เย้ๆๆ ผ้าตูซักหมดแว๊ว) อิอิ
แต่พี่เข้าใจความรู้สึกน้องเก๋นะคะ เพราะว่าตอนพี่คลอดลูกน่ะ ที่ปรึกษาคุณแม่มักจะถามว่าเธอมีปัญหากะแม่สามีไหม เค้ามาวุ่นวายไหม เค้ากลัวเราจะไม่มีความสุขหลังคลอดน่ะ แต่เผอิญพี่บอกไม่มีหรอก
ยังไงพี่ขอให้น้องเก๋หางานได้ไวๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ สู้ๆๆ น้องเอ๊ย ขนาดเวลาแม่พี่มาอยู่ในบ้านด้วยที่สวิสเนี่ย แม่พี่เค้ายังอึดอัดเลย เค้าบอกเหมือนเป็นส่วนเกินในชีวิตครอบครัวคนอื่นน่ะ เค้าก้อรู้สึกอยากอยู่แบบส่วนตัวของเค้าเองมากกว่าที่จะมาอยู่รวมกันในบ้าน
<span style='color:blue'>อยู่บ้านหลังเดียวกันค่ะพี่โหน่ง คือ เจอหน้ากัน 24 ชั่วโมง
ห้องของเก๋มีด้วยกันหนึ่งห้องค่ะ คือ เอาไว้นอนอย่างเดียวเลย
ลูกๆก็เลยต้องนอนห้องเดียวกันหมด
ขอบอกว่านอกจากอยู่กับพ่อแม่สามีแล้วยังมีพ่อกับแม่ของแม่สามีอีกนะคะ
อยู่กัน 3 generations เลยทีเดียว พิเศษกว่าชาวบ้านเค้ามั้ยคะ
(ก็งงเหมือนกันค่ะ เพราะแค่พ่อแม่อยู่บ้านเดียวกับลูกมันก็แปลกแล้วสำหรับฝรั่ง
แต่นี่มีตากับยายอายุร่วมร้อยมาอยู่ด้วยกันอีก เอาเข้าไป)
แม่แฟนชีบอกว่า เธอทนเห็นพ่อแม่ตัวเองไปอยู่บ้านพักคนชราไม่ได้
ชีรักพ่อแม่มาก แต่ชีไม่เคยทำกับข้าวหรือพาพวกท่านไปเที่ยวเลย
(เป็นเง็งง)
พวกท่านก็เลยเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย น่าสงสารมากๆค่ะ
เมื่อก่อนตอนเก๋ไม่ค่อยเครียดก็จะพยายามชวนเค้าคุยและทำอาหารให้ทาน
แต่เดี๋ยวนีั้ไม่ค่อยไหวค่ะ ลำพังตัวเองก็จะแย่แล้ว
เวลาเข้าไปคุยกับพวกท่านต้องเตรียมใจไว้ก่อนเลยค่ะว่าต้องเครียดเพิ่มกลับมาอีก
แต่ก็รู้สึกดีนะคะ เวลาได้คุยกับท่าน เพราะว่าอย่างน้อยก็คงจะทำให้หายเหงาได้บ้าง
แล้วแม่สามีก็จะประมาณว่า เช่น มีอยู่ครั้งหนึ่งเก๋เปรยว่าอยากตัดผมสั้น
ชีก็โพล่งขึ้นมาเลย ว่าเธอถามลูกชายชั้นแล้วเหรอว่าเค้าจะชอบมั้ย (อะไรฟระ)
ส่วนเจ้าสามีนี่ก็เรียกได้ว่าไม่มีมือมีเท้าสุดๆ ทำอะไรไม่เป็นเลย เมื่อก่อนตอนที่เรามาใหม่ๆ
ก็ขอให้เค้าโทรไปถามที่อำเภอให้หน่อยว่าได้บัตรยัง ฮีบอกว่า
โทรเองเลย (อ้าวเหรอ) สุดท้ายเก๋ต้องโทรไปเองจริงๆค่ะ
โชคดีนะเนี่ยที่พูดฝรั่งเศสได้
แล้วเวลาต้องกรอกเอกสาร โอนเงิน ติดต่อราชการ นัดหมอ หาหมอ
สารพัด ต้องเก๋คนเดียวค่ะ อย่าได้ไปบังอาจไปพึ่งเจ้าประคุณเด็ดขาด
บางทีเจ้าหน้าที่ยืนงงเป็นไก่ตาแตกเลยค่ะ
เพราะว่าเวลาที่เค้ายื่นเอกสารอะไรให้กรอก ฮีพาสมาให้เราเฉยเลย
แล้วเวลาที่เขียนเอกสารอะไร เก๋จะต้องเป็นคนให้เค้าเขียนตามคำบอกค่ะ
เรียกว่า ฮีไม่เป็นอะไรเลยจริงๆ (แต่อย่าลืมว่าพ่อแม่ฮี บอกว่าลูกชายเค้าเป็นอัจฉริยะอยู่เสมอ ตรงไหนฟระ กรูละเง็ง)
แล้วที่บ้านฮีเลี้ยงหมาไว้หนึ่งตัวค่ะ แต่ฮีไม่เคยเล่น ไม่เคยให้อาหาร
ไม่เคยพาออกไปเดินเล่น ถ้ามันเห่า มันจะโดนตะโกนด่าให้เสียหมากันเลยทีเดียว
เป็นหน้าที่ของพ่อเค้าที่ให้อาหารหมา บางทีก็เก๋บ้าง
แต่เค้าบอกว่าเค้ารักหมาเค้ามาก ถ้าใครมาแตะหมาเค้าเอ็งตายแน่ (ฮีว่าอย่างนั้นจริงๆ โหย กลัวน่าดู) น่าสงสารหมาตัวนี้มากๆ (เหมือนกรูเลยอ่ะ คอนเซ็ปต์เดียวกัน) บอกว่ารัก แต่ไม่เคยเหลียวแลเลย
ตอนเช้ามาแม่เค้าก็จะปรี๊ดแตก เพราะอึและฉี่หมาเต็มบ้านไปหมด (แน่นอนล่ะ ไม่เคยพามันออกไปไหนนี่) และก็จะโมโห ก็จะมาพาลด่าเราอีกว่า ทำไมไม่ช่วยเค้าทำความสะอาดบ้าง (อะไรวะ)
อ้อ จะขอบอกว่า คุณแม่ชีป่วยเป็นโรค depression ค่ะ ไม่ได้ไปทำงานมาจะเป็นปีแล้ว
จริงๆก่อนที่เราจะเข้ามาอยู่ที่นี่ ชีก็เคยถูกพักงานมาแล้วเกือบปีด้วยโรคเดียวกัน
เพราะชีทะเลาะกับคนที่ทำงานไปทั่ว (แสดงว่าบ้านานแล้ว ไม่ได้เพิ่งบ้า)
แต่เมื่อก่อนชีก็เป็นคนดีนะคะ ชีจะย้ำเสมอว่ารักเราเหมือนลูกสาว
แต่ลูกสาวอะไร ทำไมโดนด่าตลอดเลย(ว่ะ)
ทีลูกชายไม่เห็นเคยถูกแตะต้องเลย มันอะไรกันนี่
ที่เล่ามานี่ยังไม่หนึ่งเปอร์เซ็นต์ที่ต้องเจอมาเลยค่ะ เรื่องนี้อีกยาววววว</span>
ยิ่งเล่าก็ยิ่งมันส์ เบรคไม่อยู่